๑๙. ในการอบรมสามเณรแต่ต้นจนตลอดไป ต้องพร่ำสอนแล้วพร่ำสอนอีกให้มีความห่วงใยในการอภิบาบสัตบุรุษ
ความห่วงใยในการอภิบาลสัตบุรุษนี้เรียกร้องให้เขาได้รับการอบรมให้รู้ทุกสิ่งที่เกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่พระสงฆ์ เฉพาะอย่างยิ่งการสอนคำสอนและการเทศน์ การประกอบพิธีกรรมและการโปรดศีลศักดิ์สิทธิ์ งานเมตตากิจ
หน้าที่ต้องไปหาคนที่หลงผิดหรือไม่เชื่อและงานที่อภิบาลสัตบุรุษอื่น ๆ ต้องเอาใจใส่สอนให้เขารู้ศิลปะการแนะนำวิญญาณ เพื่อจะสามารถอบรมลูกของพระศาสนจักรทุกคนให้ก่อนอื่นถือชีวิตแบบคริสตชนที่รู้สำนึกตัวดีและทำการแพร่ธรรม
อีกทั้งสอนให้เขาปฏิบัติหน้าที่ในฐานะของตนอย่างครบถ้วน ให้อบรมสามเณรด้วยความห่วงใยเช่นเดียวกัน ให้รู้จักช่วยนักบวชชายหญิงให้ยึดมั่นในกระแสเรียกของตนและก้าวหน้าไปตามเจตนารมณ์ของแต่ละคณะ
กล่าวโดยทั่ว ๆ ไป
ให้ส่งเสริมสามเณรให้มีคุณสมบัติที่จะเป็นประโยชน์ช่วยในการติดต่อสังสันทน์กับผู้อื่น เช่น การรู้จักฟังคนอื่นและมีความเห็นอกเห็นใจสภาพมนุษย์ในด้านต่าง ๆ ตาม จิตตารมณ์แห่งความรัก
๒๐.
ยังต้องสอนสามเณรให้รู้จักใช้อุปกรณ์ที่ได้จากวิชาครู จิตวิทยาและสังคมวิทยา ตามวิธีการที่ดีและโดยถือตามข้อกำหนดที่ผู้มีอำนาจฝ่ายพระศาสนจักรได้วางไว้
เช่นเดียวกันให้เอาใจใส่สอนสามเณรให้รู้จักเร้าใจและสนับสนุนงานธรรมฑูตของฆราวาส อีกทั้งส่งเสริมให้ทำงานแพร่ธรรมแบบต่าง ๆ อย่างได้ผลดียิ่งขึ้น ที่สุด เขาจะต้องมีจิตตารมณ์คาทอลิกอย่างแท้จริง
จิตตารมณ์คาทอลิกนี้จะทำให้เขาทำงานข้ามเลยเขตแดนสังฆมณฑล ชาติและจารีตของเขาเอง โดยมีความสนใจที่จะสนองความต้องการของพระศาสนจักรทั่วไป และพร้อมที่จะประกาศข่าวดีเรื่องพระคริสต์ในที่ทุกหนทุกแห่ง
๒๑.
สามเณรจำเป็นต้องได้รับการอบรมศิลปะการแพร่ธรรม มิใช้แต่ในทางทฤษฎีเท่านั้นแต่ในทางปฏิบัติด้วย เขาต้องสามารถปฏิบัติงานได้ด้วยความรับผิดชอบของตนเองและโดยร่วมมือกับผู้อื่น เพราะเหตุนี้
ในระหว่างรับการศึกษาและในระหว่างมีปิดภาคเรียน จะต้องสอนให้เขาฝึกหัดงานอภิบาลสัตบุรุษโดยให้ทำงานอันเหมาะสม อย่างมีระเบียบ โดยคำนึงอายุของสามเณรและสภาพท้องที่
ด้วยความเห็นชอบของพระสังฆราชและภายใต้การนำของผู้มีความชำนาญจัดเจนในงานอภิบาลสัตบุรุษต้องเตือนเขาให้ระลึกเสมอว่าวิธีเหนือธรรมชาติมีฤทธิ์มากกว่าวิธีตามธรรมชาติ
|