หน้าหลักเช็คเมลล์ติดต่อเราสมุดเยี่ยมลิงค์คาทอลิกแผนผังเวบไซด์

ค้นหาข้อมูล :

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

พระธรรมนูญ พระสมณกฤษฎีกา
และคำแถลงแห่งสภาสังคายนา เล่มที่ 4

บทที่  3   :   ชีวิตของพระสงฆ์ (2)

- - -  - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

พระสมณกฤษฎีกา แห่ง สภาสังคายนาว่าด้วยการปฏิบัติงานและชีวิตของพระสงฆ์

ค.วิธีการต่าง ๆ สำหรับช่วยชีวิตของพระสงฆ์

วิธีการสำหรับส่งเสริมบำรุงชีวิตฝ่ายวิญญาณ

๑๘. เพื่อส่งเสริมความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับพระคริสตเจ้าในทุกกรณีแวดล้อมของชีวิต พระสงฆ์นอกจากปฏิบัติงานในหน้าที่อย่างมีความสำนึกดีแล้ว ยังสามารถใช้วิธีการต่าง ๆ ทั้งที่พิเศษและเป็นของมูลทั่วไป ทั้งของใหม่และของเก่า ซึ่งวิธีการเหล่านี้ พระจิตไม่เคยหยุดยั้งที่จะทรงบันดาลให้เกิดขึ้นในประชากรของพระเป็นเจ้า และพระศาสนจักรคอยแนะ ยิ่งกว่านั้น บางครั้งก็สั่งให้ถือ   เพื่อทำให้สมาชิกของคนศักดิ์สิทธิ์ไป ในบรรดาวิธีการฝ่ายวิญญาณทั้งหมด ที่สำคัญที่สุดก็คือกิจกรรมซึ่งเมื่อประกอบกิจกรรมนั้น คริสตชนก็เลี้ยงตนด้วยพระวจนาถของพระเป็นเจ้าที่โต๊ะสองโต๊ะ อันได้แก่โต๊ะพระคัมภีร์และโต๊ะศีลมหาสนิท ใคร ๆ ย่อมทราบดีกว่าการหมั่นมายังโต๊ะทั้งสองนั้นมีความสำคัญสักเพียงใดสำหรับความศักดิ์สิทธิ์ของพระสงฆ์

พระสงฆ์เป็นศาสนบริกรจ่ายแจกพระหรรษทานอันติดกับศีลศักดิ์สิทธิ์ ย่อมรวมเป็นหนึ่งเดียวอย่างชิดสนิทกับพระคริสตเจ้า พระผู้ไถ่และนายชุมพาบาล เมื่อรับศีลศักดิ์สิทธิ์ต่าง ๆ ก็มีผลโดยเฉพาะด้วยการรับศีลอภัยบาปบ่อย ๆ ซึ่งการรับศีลอภัยบาปนี้ เมื่อเตรียมด้วยการพิจารณามโนธรรมทุกวัน ย่อมเป็นเครื่องกระตุ้นอย่างแรงให้จิตใจเปลี่ยนมารักพระบิดาผู้มีพระทัยเมตตายิ่ง อาศัยความสว่างแห่งความเชื่อซึ่งหล่อเลี้ยงด้วยการอ่านพระคัมภีร์ พระสงฆ์สามารถตั้งใจเสาะแสวงหา    เครื่องหมายบอกน้ำพระทัยของพระเป็นเจ้า ตลอดจนการกระตุ้นเตือนแห่งพระหรรษทานของ     พระคริสตเจ้าในเหตุการณ์ต่าง ๆ ของชีวิต ดังนี้ พระสงฆ์จะเชื่อฟังดียิ่งขึ้นในการปฎิบัติภารกิจที่ได้รับมาในพระจิตเจ้า พระสงฆ์พบเห็นตัวอย่างความว่านอนสอนง่ายเช่นนี้ได้เสมอในพระนางพรหมจารีมารีย์ โดยการดลใจของพระจิต พระนางได้ถวายตัวอย่างสิ้นเชิง เพื่อให้แผนการลึกล้ำในการไถ่มนุษย์สำเร็จไป พระนางเป็นพระมารดาของพระมหาสมณะนิรันดร เป็นราชินีแห่งคณะอัครธรรมฑูตและเป็นผู้ปกป้องคุ้มครองหน้าที่การงานของพระสงฆ์ ก็สมควรแล้วที่พระสงฆ์จะเคารพและรักพระนาง โดยมีความคารวะและความภักดีเยี่ยงบุตร

เพื่อปฏิบัติการงานในหน้าที่ได้อย่างซื่อสัตย์ พระสงฆ์ต้องยินดีไปสนทนากับพระคริสตเจ้า  โดยมีความศรัทธาส่วนตัวและไปเฝ้าศีลมหาสนิททุกวัน ต้องชอบหาเวลาเข้าเงียบและถือว่าการแนะนำทางวิญญาณเป็นเรื่องสำคัญ พระสงฆ์ขวนขวายหาและวอนขอจิตตารมณ์การนมัสการแท้ได้จากพระเป็นเจ้าด้วยวิธีหลายอย่าง โดยเฉพาะด้วยแบบรำพึงที่ได้รับอนุมัติเห็นชอบกับแบบภาวนาต่าง ๆ ถ้ามีจิตตารมณ์เช่นนี้ พระสงฆ์พร้อมด้วยประชากรที่ฝากไว้กับตน ก็จะร่วมชิดสนิทกับพระคริสตเจ้าผู้เป็นคนกลางแห่งพันธสัญญาใหม่และจะร้องได้ในฐานะบุตรบุญธรรมว่า “ อับบา ข้าแต่พระบิดา “ (โรม ๘ : ๑๕ )

การศึกษาและความรู้เรื่องอภิบาลสัตบุรุษ

๑๙.  ในจารีตพิธีศีลบวช พระสังฆราช เตือนพระสงฆ์ให้ “เป็นผู้สุขุมในความรู้ และปรารภให้คำสอนของพระสงฆ์เป็น “ โอสถฝ่ายวิญญาณสำหรับประชากรของพระเป็นเจ้า “ อันว่าความรู้ของศาสนบริกรผู้ได้รับศีลบวชนั้น ต้องเป็นความรู้อันศักดิ์สิทธิ์เพราะสืบเนื่องมาจากต้นกำเนิดอันศักดิ์สิทธิ์ และมุ่งไปสู่จุดหมายอันศักดิ์สิทธิ์ ความรู้นั้น ก่อนอื่นได้มาจากการอ่านและรำพึงพระคัมภีร์ และยังหล่อเลี้ยงไว้อย่างได้ผลด้วยการศึกษาหนังสือของบรรดานักปราชญ์และพระปิตาจารย์ ตลอดจนผู้ได้รู้เห็นธรรมประเพณีอื่น ๆ อนึ่ง เพื่อตอบปัญหาต่าง ๆ ที่มนุษย์ยุคนี้ถกเถียงกันได้อย่างถูกต้องพระสงฆ์จำเป็นต้องรู้เป็นอย่างดี คือรู้เอกสารที่บรรจุคำสอนของพระศาสนจักร โดยเฉพาะอย่างยิ่งเอกสารของสภาสังคายนาต่าง ๆ และของบรรดาพระสันตะปาปากับต้องอ่านหนังสือของผู้เขียนเทววิทยาที่เชี่ยวชาญและเป็นที่รับรองเชื่อได้

เนื่องจากในสมัยของเรานี้ การศึกษาหาความรู้ของมนุษย์แม้แต่วิชาศาสนาก็เจริญก้าวหน้าอย่างไม่เคยเป็นเช่นนี้เลย จึงขอเตือนพระสงฆ์ทั้งหลายให้ปรับปรุงความรู้ของตนในเรื่องพระเจ้าและเรื่องมนุษย์อย่างเหมาะสมและโดยไม่หยุดยั้ง เช่นนี้ก็จะเป็นการเตรียมตัวสำหรับติดต่อเจรจากับคนในสมัยเดียวกันอย่างเหมาะสมดียิ่งขึ้น

เพื่อให้พระสงฆ์หาทางศึกษาได้ง่ายและเพื่อเรียนรู้วิธีประกาศข่าวดีและแพร่ธรรมอย่างได้ผลดียิ่งขึ้น ให้ใช้ความพยายามเต็มที่จัดเตรียมวิธีการต่าง ๆที่เหมาะสมสำหรับพระสงฆ์ เช่น จัดให้มีการเรียนเป็นภาค ๆ หรือการประชุมสัมมนา แล้วแต่สภาพของแต่ละท้องที่ ตั้งศูนย์ศึกษาเกี่ยวกับการอภิบาลสัตบุรุษ ตั้งห้องสมุด และมอบให้บุคคลที่มีความชำนาญจัดเจนจัดระเบียบการศึกษาเหล่านี้ อนึ่ง ให้บรรดาพระสังฆราชพิจารณาโดยต่างองค์ ต่างทำ หรือจะร่วมมือกันทำก็ได้ หาทางที่เหมาะสมยิ่งให้พระสงฆ์ทั้งหมดของตน เมื่อถึงเวลากำหนดและโดยเฉพาะเมื่อบวชแล้วไม่หลายปีนัก ได้ไปรับการอบรมเป็นหลักสูตร ซึ่งจะให้โอกาสพระสงฆ์นั้นรู้เทววิทยาและวิธีอภิบาบสัตบุรุษดียิ่งขึ้น บำรุงชีวิตทางฝ่ายวิญญาณให้มั่นคงยิ่งขึ้นและนำเอาประสบการณ์ในการแพร่ธรรมถ่ายทอดให้เพื่อนพระสงฆ์รู้ ให้เอาใจใส่จัดวิธีการเหล่านี้และวิธีการที่เหมาะสมอื่น ๆ เป็นการช่วยเหลือพระสงฆ์เจ้าอาวาสใหม่ ตลอดจนพระสงฆ์ที่ได้รับหน้าที่ใหม่ในการอภิบาลสัตบุรุษ หรือที่ถูกส่งไปยังสังฆมณฑลหรือประเทศอื่น ๆ

ที่สุด พระสังฆราชควรเอาใจใส่ให้พระสงฆ์บางองค์เรียนวิชาศักดิ์สิทธิ์ต่าง ๆ ให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น เพื่อไม่ขาดอาจารย์ที่สันทัดในการอบรมพระสงฆ์ เพื่อช่วยพระสงฆ์อื่น ๆ และสัตบุรุษให้รู้คำสอนที่ จำเป็นกับเพื่อส่งเสริมความก้าวหน้าในวิชาศักดิ์สิทธิ์ต่าง ๆ ซึ่งความก้าวหน้านั้นเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งยวดแก่พระศาสนจักร

พระสงฆ์ต้องได้รับค่าตอบแทนอย่างยุติธรรม

๒๐.  เมื่อพระสงฆ์ถวายตัวรับใช้พระเป็นเจ้าโดยปฏิบัติงานหน้าที่ที่ฝากกับตนนั้น พระสงฆ์ก็สมจะได้รับค่าตอบแทนอันยุติธรรม “ เพราะคนงานสมที่จะได้ค่าจ้างของตน “ ( ลก. ๑๐ : ๗ ) และ    “ พระสวามีเจ้าได้กำหนดให้ผู้ที่ประกาศข่าวดีดำรงชีพด้วยข่าวดี “ ( ๑ คร. ๙ : ๑๔ ) เพราะฉะนั้น ในที่ที่ไม่มีการกำหนดให้ค่าตอบแทนอย่างยุติธรรมแก่พระสงฆ์ โดยที่พระสงฆ์ทำงานเพื่อคุณประโยชน์ของสัตบุรุษ สัตบุรุษเองย่อมมีพันธะอย่างแท้จริงที่จะจัดหาให้พระสงฆ์มีปัจจัยอันจำเป็นสำหรับดำรงชีวิตอย่างเหมาะสมโดยสมควร พระสังฆราช มีหน้าที่ต้องเตือนสัตบุรุษให้ระลึกถึงเรื่องนี้             พระสังฆราชต้องเอาใจใส่โดยต่างองค์ต่างทำเพื่อสังฆมณฑลของตน หรือที่ดีกว่านั้น โดยหลาย ๆ องค์ร่วมทำเพื่อเขตท้องที่ร่วมกัน วางระเบียบให้พระสงฆ์ที่กำลังปฏิบัติหรือได้ปฏิบัติหน้าที่รับใช้ประชากรของพระเป็นเจ้ามาแล้ว ได้รับอุปการะให้ดำรงชีวิตอย่างสมควรแก่อัตภาพที่ควรจะเป็นนั้น

ค่าตอบแทนที่พระสงฆ์แต่ละองค์มีสิทธิรับนั้น เมื่อคำนึงถึงลักษณธของหน้าที่เองกับสภาพของสถานที่และเวลาแล้ว โดยหลักการต้องเหมือนกับหมดสำหรับพระสงฆ์ทุกองค์ที่อยู่ในสภาพการณ์อย่างเดียวกัน ต้องเหมาะสมกับสภาพของพระสงฆ์และต้องมากพอให้พระสงฆ์มิใช่แต่สามารถจ่ายค่าจ้างแก่คนใช้เท่านั้นแต่ยังสามารถช่วยเหลือคนขัดสนด้วยตนเองด้วย หน้าที่ต่อคนยากจนประการนี้ พระศาสนจักร ยกย่องมาก นับตั้งแต่สมัยแรกเริ่มมาแล้ว นอกจากนั้น ค่าตอบแทนของพระสงฆ์ควรมากพอให้พระสงฆ์มีเวลาไปหยุดพักผ่อนได้อย่างเพียงพอทุก ๆ ปี และพระสังฆราชควรเอาใจใส่สอดส่องให้พระสงฆ์ได้มีเวลาไปพักผ่อนดังกล่าวนี้ด้วย

อย่างไรก็ดี ต้องถือว่าหน้าที่ทีศาสนบริการปฏิบัตินั้น มีความสำคัญเป็นเอก ด้วยเหตุนี้ต้องเลิกระบบที่เรียกว่าระบบ “ ผลประโยชน์ “ หรืออย่างน้อยต้องปรับปรุงแก้ไขลักษณะที่ถือว่า ส่วนที่เกี่ยวกับผลประโยชน์หรืออีกนัยหนึ่งสิทธิ์ที่จะได้รับรายได้อันมีติดกับตำแหน่งหน้าที่นั้น มีความสำคัญเป็นรองและกฎหมายต้องให้ความสำคัญเป็นเอกแก่ตำแหน่งหน้าที่ในพระศาสนจักรเอง ซึ่ง  ต่อไปนี้ต้องเข้าใจว่าเป็นตำแหน่งหน้าที่ใด ๆ ที่มอบให้เป็นการถาวรและต้องปฎิบัติเพื่อจุดหมายทางฝ่ายวิญญาณ

การตั้งเงินกองกลางกับการจัดการประกันสังคมสำหรับพระสงฆ์

๒๑. ควรคิดถึงตัวอย่างของสัตบุรุษในพระศาสนจัการสมัยแรกที่กรุงเยรูซาแลมเสมอ “ เขาเอาของทุกอย่างมาไว้เป็นของกลาง “ ( กจ. ๔ : ๓๒ ) และ “ มีการจ่ายแจก สุดแล้วแต่ความต้องการของแต่ละคน “ ( กจ. ๔ : ๓๕ ) ฉะนั้น อย่างน้อยในภาคที่การครองชีพของคณะสงฆ์ขึ้นอยู่กับการถวายของสัตบุรุษทั้งหมดหรือเป็นส่วนใหญ่ เป็นการสมควรอย่างยิ่งที่สังฆมณฑ,จะมีสถาบันอย่างหนึ่งสำหรับรวบรวมของที่ถวายเพื่อการนี้ สถาบันดังกล่าวให้พระสังฆราชอำนวยการ โดยมีผู้แทนพระสงฆ์เป็นผู้ช่วยและในที่ ๆ เห็นว่ามีประโยชน์ ก็ให้มีฆราวาสที่ชำนาญในเรื่องเศรษฐกิจเป็นผู้ช่วยด้วย

อนึ่ง เท่าที่สามารถทำได้ในทุกสังฆมณฑลหรือทุกภาคยังเป็นที่น่าปรารถนาให้มีเงินกองกลางซึ่งพระสังฆราชสามารถใช้สำหรับปฏิบัติตามพันธะอื่น ๆ อันมีต่อผู้ที่รับใช้พระศาสนจักรและสำหรับช่วยสังฆมณฑลที่ยากจน ดังนี้ ความมั่งมีของสังฆมณฑลที่ร่ำรวยก็จะบรรเทาความขัดสนของสังฆมณฑลที่ยากจน เงินกองกลางที่กล่าวนี้ต้องตั้งขึ้นส่วนใหญ่ด้วยเงินที่มาจากการถวายของสัตบุรุษ แต่ต้องอาศัยเงินที่มาจากแหล่งอื่น ตามที่กฎหมายจะกำหนด

ในประเทศที่ยังไม่มีการจัดการประกันสังคมอย่างเหมาะสมสำหรับพระสงฆ์ สภาสังฆราชควรเอาใจใส่ โดยคำนึงถึงกฎหมายของพระศาสนจักรและของบ้านเมืองอยู่เสมอ  ให้มีองค์การที่ตั้งขึ้นสำหรับดินแดนทั้งหมด องค์การต่าง ๆ เหล่านี้มุ่งจะจัดภายใต้การควบคุมของพระฐานานุกรมให้มีการประกันอันเหมาะสมและสิ่งที่เขาเรียกว่าการสงเคราะห์เวลาเจ็บป่วยอย่างหนึ่ง กับให้มีการส่งเสียพระสงฆ์ซึ่งรับทุกข์เพราะความเจ็บป่วย ความพิการ และความชราอีกด้วย พระสงฆ์ทั้งหลายควรอุดหนุนค้ำจุนองค์การที่ตั้งขึ้นโดยคิดว่าเป็นการร่วมมือช่วยเหลือและเป็นการมีส่วนร่วมในความทุกข์ลำเค็ญของพระสงฆ์พี่น้องของตน ในขณะเดียวกันพระสงฆ์จะเห็นว่าตนไม่ต้องเป็นห่วงถึงชะตาในอนาคต จึงสามารถจะบำเพ็ญถือความยากจนด้วยความซาบซึ้งในพระวรสารยิ่งขึ้นและสามารถจะอุทิศตน เพื่อช่วยวิญญาณให้รอดได้อย่างเต็มที่ ส่วนผู้ที่มีหน้าที่รับผิดชอบ ควรพยายามอย่างเต็มสติกำลังให้องค์กรของชาติต่าง ๆ เหล่านี้ทำงานประสานกัน เพื่อมีกำลังเข้มแข็งมั่นคงยิ่งขึ้นและแพร่ขยายออกไปมากยิ่งขึ้น

ข้อสรุปและคำตักเตือน

๒๒. สภาสังคายนารู้สำนึกถึงความชื่นชมยินดีที่มีอยู่ในชีวิตของพระสงฆ์ แต่ก็ไม่สามารถมองข้ามความทุกข์ยากลำบากต่าง ๆ ซึ่งพระสงฆ์ต้องสู้ทนอยู่ในสภาพของชีวิตปัจจุบันนี้ได้ สภาสังคายนา รู้ด้วยว่าภาวการณ์ทางเศรษฐกิจและสังคม และแม้กระทั่งขนบธรรมเนียมของมนุษย์ ได้เปลี่ยนแปลงไปสักเพียงใดและความรู้สึกต่อคุณค่าต่าง ๆ ได้เปลี่ยยไปในความนึกคิดของมนุษย์สักเพียงใด เมื่อเป็นเช่นนี้ ศาสนบริกรของพระศาสนจักรและบางทีแม้แต่สัตบุรุษคริสตชนด้วยมักรู้สึกตนเป็นแขกแปลกหน้าในโลกนี้ นึกถามตนเองด้วยความกระวนกระวายใจว่าจะใช้วิธีการและคำพูดที่เหมาะสมอย่างไร จึงจะติดต่อกับโลกได้ อุปสรรคใหม่ขัดขวางความเชื่อ งานที่ทำแล้วภายนอกดูไม่เกิดผล ต้องโดดเดี่ยวอย่างขมขื่น เรื่องเหล่านี้อาจเกิดเป็นอันตรายชักจูงพระสงฆ์ให้รู้สึกท้อแท้ใจได้

แต่โลก แม้ในสภาพที่ฝากให้ชุมพาบาลแห่งพระศาสนจัการรับและอภิบาลในปัจจุบันนี้แหละ พระเป็นเจ้าทรงรักจนถึงกับประทานพระบุตรแต่องค์เดียวเพราะเห็นแก่โลกนั้น ความจริงโลกนี้ซึ่งแม้ว่าจะติดบาปมากมาย แต่ก็มีความสามารถหลายประการนั้น ได้หยิบยื่นหินที่มีชีวิตให้พระศาสนจักรนำมาใช้สร้างพระตำหนักของพระเป็นเจ้าเดชะพระจิต พระจิตนี้เองที่กระตุ้นให้พระศาสนจักรเปิดทางใหม่เพื่อก้าวไปหาโลกในยุคนี้ เป็นผู้แนะและสนับสนุรให้ทำการปรับปรุงการงานหน้าที่ของพระสงฆ์ให้เหมาะสม

ขอให้พระสงฆ์ระลึกว่าตนไม่ใช่อยู่โดดเดี่ยวในการปฏิบัติงานเลย แต่อานุภาพของพระผู้ทรงฤทธิ์ทุกประการค้ำจุนตนอยู่ ขอพระสงฆ์ที่เชื่อถึงพระคริสตเจ้าผู้ได้เรียกตนมาร่วมในศักดิ์สงฆ์ของพระองค์ จงอุทิศตนปฎิบัติหน้าที่ด้วยความไว้ใจอย่างเต็มเปี่ยม เพราะรู้ว่าพระเป็นเจ้าทรงมีฤทธิ์อำนาจที่จะทำให้ความรักในตัวพระสงฆ์เพิ่มขึ้น ขอให้พระสงฆ์จำไว้ด้วยว่าตนมีพี่น้องพระสงฆ์ ยิ่งกว่านั้นมีสัตบุรุษทั่วทั้งโลก เป็นเพื่อนร่วมอยู่ด้วยกัน แท้จริงพระสงฆ์ทุกองค์ร่วมมือกัน เพื่อทำให้แผนการความรอดของพระเป็นเจ้าสำเร็จไป แผนการที่กล่าวนี้หมายถึงการลึกล้ำเกี่ยวกับพระคริสตเจ้า ซึ่งซ่อนเร้นอยู่ในพระเป็นเจ้าตั้งแต่ปฐมกาล และแผนการลึกล้ำค่อย ๆ สำเร็จไปทีละเล็กทีละน้อยด้วยการปฏิบัติหน้าที่ต่าง ๆ ร่วมกัน เพื่อเสริมสร้างพระกายของพระคริสตเจ้าขึ้นจนกว่าจะโตถึงขนาดอายุเต็มที่ ความจริงทั้งหมดซึ่งซ่อนเร้นอยู่กับพระคริสตเจ้าในพระเจ้า ต้องอาศัยความเชื่อเป็นต้นจึงจะสามารถเข้าใจได้ เพราะบรรดาผู้นำประชากรของพระเป็นเจ้าจำเป็นต้งอเดินไปด้วยความเชื่อโดยถือตามแบบฉบับของอับราฮามผู้ซื่อสัตย์ เพราะมีความเชื่อ  อับราฮามจึง “ เชื่อฟังพระสุรเสียง เรียกให้ออกเดินทางไปสู่ถิ่นฐาน อันจะเป็นมรดกประทานแก่ท่าน…และท่านก็ออกเดินทางไป โดยไม่ทราบว่าจะไปแห่งหนตำบลใด “ (ฮบ .๑๑ :  ๘ )

แท้จริง พระสงฆ์ผู้แจกจ่ายพระคุณของพระเป็นเจ้า อาจเปรียบได้กับคนหว่านในนาซึ่งพระคริสตเจ้าตรัสถึงว่า “ เขาจะนอนหรือจะลุกขึ้นก็ตาม ไม่ว่ากลางวันหรือกลางคืน เมล็ดพืชนั้นก็จะงอกและโตขึ้นโดยเขาไม่ทราบว่างอกและโตขึ้นอย่างไร “ (มาร. ๔ : ๒๗ ) จริงอยู่พระเยซูเจ้าได้ตรัสว่า “ จงไว้ใจเถิด เราชนะโลกแล้ว “ (ยง.๑๖ : ๓๓ ) แต่เมื่อตรัสดังนี้ พระองค์ไม่ไทรงสัญญาจะให้      พระศาสนจักรมีชัยชนะอย่างสมบูรณ์ในโลกนี้ พระศาสนจักรยินดีที่แผ่นดินซึ่งได้รับพืชหว่านของข่าวดีนั้น บัดนี้กำลังออกผลในที่หลายแห่งโดยการดลบันดาลของพระจิต ซึ่งแผ่ไปทั่วพิภพและปลุกให้เกิดจิตตารมณ์ของธรรมฑูตอย่างแท้จริงขึ้นในดวงใจของพระสงฆ์และสัตบุรุษเป็นอันมาก เพราะการทั้งหมดนี้ สภาสังคายนา ขอขอบพระคุณพระสงฆ์ทั่วโลกด้วยความรักยิ่งและ “ สิริโรจนาแด่พระองค์ ผู้ทรงสามารถทำมากและเกินกว่าที่เราอาจขอหรือคิดได้ อาศัยพลานุภาพที่ก่อให้เกิดผลแก่เรา        สิริโรจนาแด่พระองค์ ในพระศาสนจักรและในพระคริสตเยซู ตลอดทุกอายุขัยและทุกกาลสมัย        อาแมน “ ( อฟ .๓ : ๒๐–๒๑ )

ข้อความแต่ละข้อทั้งสิ้นที่ประกาศไว้ในสังฆธรรมนูญฉบับนี้ บรรดาปิตาจารย์ได้เห็นชอบแล้วทั้งนั้น อาศํยอำนาจของท่านอัครธรรมฑูต ซึ่งเราได้มอบจากพระคริสตเจ้า เราพร้อมกับบรรดาปิตาจารย์ที่เคารพเหล่านี้ ในพระจิตเจ้า จึงเห็นชอบกำหนดและตราไว้ และสิ่งใดที่สภาสังคายนาได้ตราขึ้น เราก็สั่งให้ประกาศใช้เพื่อเป็นเกียรติแด่พระเป็นเจ้า