หน้าหลักเช็คเมลล์ติดต่อเราสมุดเยี่ยมลิงค์คาทอลิกแผนผังเวบไซด์

ค้นหาข้อมูล :

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

พระธรรมนูญ พระสมณกฤษฎีกา
และคำแถลงแห่งสภาสังคายนา เล่มที่ 4

บทที่  3   :   ชีวิตของพระสงฆ์ (1)

- - -  - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

พระสมณกฤษฎีกา แห่ง สภาสังคายนาว่าด้วยการปฏิบัติงานและชีวิตของพระสงฆ์

ก.กระแสเรียกพระสงฆ์ให้บรรลุถึงความดีพร้อม

การเรียกพระสงฆ์ให้ถือความศักดิ์สิทธิ์

๑๒.  พระสงฆ์เป็นผู้รับใช้ของพระคริสตเจ้าผู้ทรงเป็นศีรษะเพื่อเสริมสร้างพระกายทั้งครบของพระองค์คือพระศาสนจัการในฐานะเป็นผู้ร่วมมือกับคณะพระสังฆราช ด้วยประการฉะนี้แหละศีลบวชจึงทำให้พระสงฆ์เหมือนกับพระคริสตเจ้าผู้ทรงเป็นสงฆ์ อันที่จริง เมื่อรับการเจิมในศีลล้างบาป พระสงฆ์ก็ได้รับเครื่องหมายและพระคุณแห่งกระแสเรียกและพระหรรษทานเหมือนคริสตชนทุกๆ คนแล้ว พระสงฆ์แม้จะอ่อนแอตามประสามนุษย์จึงสามารถและจำเป็นต้องมุ่งบรรลุถึงความดีพร้อมดังที่พระคริสตเจ้าตรัสว่า “ ฉะนั้นพวกท่านจงเป็นคนดีพร้อมเหมือนดังพระบิดาของท่านในสวรรค์เป็นผู้ดีพร้อมทุกประการเถิด “ (มัต. ๕ : ๔๘ )

แต่พระสงฆ์จำต้องบรรลุถึงความดีพร้อมนี้ เพราะเหตุผลพิเศษประการหนึ่ง คือ เมื่อรับศีลบวชพระสงฆ์อุทิศตัวถวายแด่พระเป็นเจ้าในแบบใหม่ เพื่อเป็นเครื่องมืออันมีชีวิตของพระคริสตเจ้าผู้เป็นสงฆ์ชั่วนิรันดร และเป็นเครื่องมือที่มุ่งจะทำงานอันน่าพิศวงของพระองค์ต่อไปให้ตลอด       อันได้แก่งานปรับปรุงตั้งมนุษยชาติทั้งหมดขึ้นใหม่ด้วยฤทธิ์อำนาจสูงสุดของพระองค์เป็นอันว่า        พระสงฆ์ทุกองค์ได้รับพระหรรษทานพิเศษ เพราะต่างเป็นผู้แทนองค์    พระคริสตเจ้าเองตามลักษณะของแต่ละคน ดังนั้น เมื่อรับใช้ประชากรทั้งหมดของพระเป็นเจ้าผู้ที่ทรงมอบฝากไว้กับตน พระสงฆ์ก็สามารถมากขึ้นที่จะยังความดีพร้อมของพระคริสตเจ้าผู้ที่ตนเป็นผู้แทน ในทำนองเดียวกัน ความอ่อนแอของเนื้อหนังมนุษย์ก็สามารถจะได้รับการรักษาให้หายได้ด้วยความศักดิ์สิทธิ์ของผู้ที่เพราะเห็นแก่เรา ได้เป็นมหาสมณะ “ผู้ศักดิ์สิทธิ์ บริสุทธิ์ ไร้มลทินผิดแผกจากคนบาป “ (ฮบ.๗:๒๖)

พระคริสตเจ้า ซึ่งพระบิดาได้ทรงทำให้ศักดิ์สิทธิ์และทรงส่งมาในโลกนั้น “ได้ทรงมอบพระองค์เองเพื่อเรา เพื่อไถ่เราให้พ้นจากความชั่วช้าทั้งสิ้น และชำระประชากรพวกหนึ่งให้บริสุทธิ์ เพื่อให้เป็นของพระองค์เอง เป็นผู้กระตือรือร้นในการทำดี “ (ทต.๒:๑๔) และเมื่อได้ผ่านการรับทนทรมานดังนี้ พระองค์จึงเสด็จเข้าสู่พระสิริโรจนาการของพระองค์ ในทำนองเดียวกันพระสงฆ์ซึ่งศักดิ์สิทธิ์ด้วยการเจิมของพระจิตและพระคริสตเจ้าทรงส่งไป ย่อมปราบกิจการของเนื้อหนังให้ตายไปในตน แล้วอุทิศตัวรับใช้มนุษย์ทั้งหลายอย่างสิ้นเชิง ดังนี้ เมื่อเพรียบพร้อมด้วยความศักดิ์สิทธิ์ในพระคริสตเจ้า พระสงฆ์ก็สามารถก้าวจนบรรลุถึงความเป็นคนดีพร้อม

เหตุฉะนั้น เมื่อปฏิบัติงานของพระจิตและความชอบธรรมนี้แหละ พระสงฆ์ก็มั่นคงอยู่ในชีวิตฝ่ายวิญญาณ ขอแต่ให้เป็นผู้เชื่อฟังพระจิตของพระคริสตเจ้าผู้ซึ่งนำและประทานชีวิตแก่พระสงฆ์ ด้วยว่า สิ่งที่นำพระสงฆ์ไปสู่ความดีพร้อมในชีวิตนั้น ก็คือการประกอบพิธีกรรมประจำวันและการกระทำงานหน้าที่พระสงฆ์ทั้งหมด โดยร่วมเป็นหนึ่งเดียวกับพระสังฆราชและเพื่อนพระสงฆ์  อีกประการหนึ่งความศักดิ์สิทธิ๋ของพระสงฆ์มีส่วนช่วยมากที่สุด ทำให้งานที่พระสงฆ์ปฏิบัติบังเกิดผล : จริงอยู่พระหรรษทานของพระเป็นเจ้าสามารถประกอบกิจการให้ความรอดแก่มนุษย์โดยใช้ศาสนบริกรที่ไม่สมควร แต่โดยปกตินั้น พระเป็นเจ้าพอพระทัยมากกว่าที่จะแสดงงานน่ามหัศจรรย์ของพระองค์โดยอาศัยผู้ที่เชื่อฟังการดลใจและการนำของพระจิตและเป็นคนที่ร่วมสนิทอย่างใกล้ชิดกับพระคริสตเจ้าและเจริญชีวิตอย่างศักดิ์สิทธิ์จนสามารถกล่าวได้อย่างนักบุญเปาโลว่า “ถึงแม้ว่าในขณะนี้ ข้าพเจ้ามีชีวิตอยู่ก็ดี แต่ก็ไม่ใช่ข้าพเจ้าเอง หากแต่เป็นพระคริสตเจ้าผู้ทรงชีวิตในข้าพเจ้า “ ( กท. ๒ : ๒๐ )

ฉะนั้น เพื่อบรรลุถึงจุดหมายในการอภิบาบสัตบุรุษ คือฟื้นฟูจิตใจในพระศาสนจักรเผยแพร่ข่าวดีไปทั่วโลก และทำการติดต่อเจรจากับโลกทุกวันนี้ สภาสังคายนาขอเร่งเร้าพระสงฆ์ทั้งหลายให้ใช้อุปกรณ์อันเหมาะสม ที่พระศาสนจักรแนะนำพยายามทำตัวให้ยิ่งวันยิ่งศักดิ์สิทธิ์ขึ้นเสมอ ความศักดิ์สิทธิ์นั้นจะทำให้พระสงฆ์เป็นเครื่องมือที่ยิ่งวันยิ่งเหมาะสมเพื่อทำรับใช้ประชากรของพระเป็นเจ้าทั้งหมด

พระสงฆ์จำเป็นต้องมีความศักดิ์สิทธิ์เพื่อปฏิบัติหน้าที่สามประการ

๑๓.  พระสงฆ์จะบรรลุถึงความศักดิ์สิทธิ์โดยวิธีที่เป็นของพระสงฆ์โดยเฉพาะ โดยปฏิบัติหน้าที่ต่าง ๆ อย่างจริงใจและไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยเดชะพระจิตของพระคริสตเจ้า

พระสงฆ์เป็นศาสนบริการผู้ประกาศพระวาจาของพระเป็นเจ้า พระสงฆ์อ่านและฟังพระวาจาของพระเป็นเจ้าทุกวัน และต้องสอนพระวาจานั้นแก่ผู้อื่น ในขณะเดียวกัน ถ้าพระสงฆ์เอาใจใส่เก็บพระวาจานั้นมาไว้ในใจ ก็จะได้เป็นศิษย์ที่ยิ่งวันยิ่งดีขึ้นของพระสวามีเจ้า ดังที่นักบุญเปาโลเขียนถึงทีโมธีว่า “ จงใฝ่ใจในสิ่งเหล่านี้และนำไปปฏิบัติจนสุดความสามารถ เพื่อให้การก้าวหน้าของท่านประจักษ์แจ้งแก่คนทั้งหลาย จงเอาใจใส่ในตัวท่านเองและในคำสั่งสอนให้ดี จงยึดถือสิ่งเหล่านี้ ดังนั้น ท่านจะช่วยทั้งตัวท่านเองและบรรดาผู้ฟังท่านให้รอด” ( ๑ ทธ.๔ : ๑๕–๑๖)

เมื่อพระสงฆ์หาทางที่เหมาะกว่าสำหรับระบายถ่ายเทเรื่องที่ได้เพ่งพินิจรำพึงมาให้คนอื่นรู้ต่อไป ตนเองก็จะเข้าใจ “ พระคุณอันล้ำค่าสุดที่จะหยั่งถึงพระคริสตเจ้า “          (เอฟ. ๓ : ๘ )  และพระปรีชาญาณอันมีหลายรูปหลายแบบของพระเป็นเจ้าอย่างลึกซึ้งดียิ่งขึ้น ถ้าพระสงฆ์ระลึกเสมอว่าพระเป็นเจ้าเป็นผู้เปิดดวงใจของมนุษย์และการสอนอันดีวิเศษที่ตนมี มิใช่มาจากตนเอง หากมาจากฤทธานุภาพของพระเป็นเจ้าแล้ว เวลาที่ประกาศพระวาจาของพระเป็นเจ้านั้นเอง พระสงฆ์จะร่วมสนิทอย่างใกล้ชิดยิ่งขึ้นไปอีกกับพระคริสตเจ้าผู้ทรงเป็นพระอาจารย์  และปล่อยให้พระจิตของพระองค์ทรงนำไป เพื่อร่วมสนิทกับพระคริสตเจ้า ดังนั้นพระสงฆ์ก็มีส่วนร่วมในความรักของพระเป็นเจ้า แผนการลึกล้ำเรื่องความรักนี้เป็นเรื่องที่มนุษย์ไม่รู้ตลอดมาและพระคริสตเจ้าทรงนำมาเผยให้เราทราบ

พระสงฆ์ในฐานะเป็นศาสนบริกรผู้ประกอบพิธีกรรมเป็นต้นในการถวายบูชามิสซา ก็เป็นผู้แทนองค์พระคริสตเจ้าเป็นอย่างพิเศษ คือเป็นผู้แทนพระคริสตเจ้า ผู้อุทิศถวายองค์เป็นเครื่องบูชาเพื่อประทานความศักดิ์สิทธิ์แก่มนุษย์ ด้วยประการฉะนี้ พระคริสตเจ้าจึงทรงเชื้อเชิญพระสงฆ์ให้ปฏิบัติตามความหมายของสิ่งที่พระสงฆ์ทำ กล่าวคือ เมื่อประกอบพิธีระลึกถึงการสิ้นพระชนม์ของพระคริสตเจ้า พระสงฆ์ก็ต้องเอาใจใส่ปราบร่างการของตนให้ตายจากความลำเอียงชั่วและราคตัณหาต่าง ๆ

พระสงฆ์ปฏิบัติหน้าที่เอกของตนเวลาประกอบพิธีสักการบูชาขอบพระคุณ ในพิธีมิสซางานไถ่เราดำเนินต่อไปเสมอ ด้วยเหตุนี้จึงขอกำชับอย่างแข็งแรงให้พระสงฆ์ประกอบพิธีมิสซาทุกวันซึ่งถ้าแม้ไม่มีสัตบุรุษร่วมด้วย ก็เป็นกิจกรรมของพระคริสตเจ้าและของ            พระศาสนจักร  ดังนี้เมื่อร่วมใจในกิจกรรมของพระคริสตเจ้าผู้เป็นสงฆ์ พระสงฆ์ก็ถวายตัวทั้งครบแด่พระเป็นเจ้าทุกวัน และเมื่อเลี้ยงตนด้วยพระกายของพระคริสตเจ้า พระสงฆ์ก็ร่วมจิตใจมีส่วนในความรักของพระผู้ที่ประทานองค์เป็นอาหารแก่สัตบุรุษ

ในทำนองเดียวกัน เวลาโปรดศีลศักดิ์สิทธิ์ พระสงฆ์ก็ร่วมใจในเจตนาและความรักของพระคริสตเจ้า และพระสงฆ์ร่วมใจดังนี้ โดยเฉพาะเมื่อแสดงว่าพร้อมเสมอที่จะโปรดศีลอภัยบาปทุกครั้งที่คริสตชนขอรับอย่างสมควร เมื่อทำวัตร พระสงฆ์ก็เปล่งเสียงแทนพระศาสนจักรผู้สวดภาวนาอยู่ตลอดเวลาในนามของมนุษยชาติทั้งสิ้น ร่วมกับพระคริสตเจ้า “ผู้ทรงดำรงชีพอยู่เป็นนิจ เพื่อเสนอช่วยเหลือเราทั้งหลาย “ ( ฮบ .๗ :๒๕ )

พระสงฆ์เป็นผู้ปกครองและอภิบาลเลี้ยงประชากรของพระเป็นเจ้า ความรักแบบความรักของชุมพาบาลดีย่อมกระตุ้นผลักดันพระสงฆ์ให้ยอมเสียสละชีวิตเพื่อแกะของตน และพร้อมที่จะทำการบูชาสูงสุดตามแบบอบ่างพระสงฆ์ที่แม้ในสมัยนี้ก็ไม่ลังเลใจที่จะพลีชีพของตน โดยเหตุที่พระสงฆ์เป็นผู้อบรมคริสตชนในเรื่องความเชื่อและมี “ความหวังที่จะเข้าสู่สถานที่ศักดิ์สิทธิ์อย่างยิ่ง เดชะพระบารมีพระโลหิตของพระคริสตเจ้า “ ( ฮบ. ๑๐ : ๑๙ ) พระสงฆ์จึงเข้าไปใกล้พระเจ้า “ด้วยน้ำใสใจจริงและเต็มเปี่ยมด้วยความเชื่อ “ (ฮบ. ๑๐ : ๒๒ ) พระสงฆ์สร้างความหวังอย่างมั่นคงเพื่อสัตบุรุษของคน ดังนี้ก็สามารถปลุกปลอบบรรเทาใจที่ได้รับความทุกข์เข็ญทุกชนิด ด้วยการเตือนใจที่พระเป็นเจ้าทรงใช้เตือนพระสงฆ์เอง ในฐานะเป็นผู้ปกครองกลุ่มคริสตชน พระสงฆ์บำเพ็ญตบะที่เหมาะแก่ผู้อภิบาลสัตบุรุษ สละทิ้งความสะดวกสบายส่วนตัว ไม่แสวงหาผลประโยชน์ของตน แต่แสวงหารผลประโยชน์ของคนส่วนมากเพื่อให้เขาเอาตัวรอด พระสงฆ์ก้าวหน้าต่อไปเสมอเพื่อปฏิบัติงานอภิบาลสัตบุรุษให้ดียิ่งขึ้น และ   ที่สุด ถ้าจำเป็น ก็พร้อมที่จะทำการทดลองใช้วิธีอภิบาลสัตบุรุษแบบใหม่ ๆ ภายใต้การนำของพระจิตแห่งความรักซึ่งพัดไปที่ที่ทรงพอพระทัย

ชีวิตของพระสงฆ์ต้องกลมกลืนกันและประสานกัน

๑๔. ในโลกทุกวันนี้ มนุษย์มีพันธะหน้าที่มากมาย ถูกปัญหาร้อยแปดบีบคั้น บ่อยครั้งต้องแก้ปัญหาเหล่านั้นอย่างรีบด่วน หลายครั้งทีเดียว มนุษย์ตกอยู่ในห้วงอันตราย ต้องกระจายกำลังเรียวแรงไปให้หลายทิศหลายทาง สำหรับพระสงฆ์ที่ถูกพันธะมากมายในหน้าที่รบกวนจนหัวปั่น อาจจะนึกถามตนเองด้วยความกระวนกระวายใจว่า จะทำอย่างไรให้ชีวิตภายในของตนกลมกลืนเข้ากับงานการต่าง ๆ ที่ต้องทำภายนอก ความกลมกลืนแห่งชีวิตจะเกิดขึ้นไม่ได้ ไม่ว่าด้วยวิธีทำงานต่าง ๆ ในหน้าที่ให้เรียบร้อยแต่เฉพาะภายนอกเท่านั้น และไม่ว่าด้วยวิธีปฏิบัติกิจศรัทธาแต่อย่างเดียวเท่านั้น แม้ว่าวิธีหลังนี้เป็นวิธีที่ช่วยได้มากทีเดียว พระสงฆ์จะมีชีวิตที่กลมกลืนนั้นได้ก็โดยวิธีที่ว่า เมื่อปฏิบัติหน้าที่ให้ถือตามพระฉบับแบบของพระคริสตเจ้าผู้ถือว่าอาหารของพระองค์ก็คือ การปฏิบัติตามน้ำพระทัยของพระผู้ทรงส่งพระองค์มาทำงานของพระองค์ให้สำเร็จไป

ตามความจริงนั้น เพื่อทำตามน้ำพระทัยอันเดียวกันของพระบิดาโดยทางพระศาสนจักรตลอดไปในโลก พระคริสตเจ้ายังคงทรงปฏิบัติงานต่อไปโดยทางศาสนบริกรของพระองค์ ดังนั้นพระองค์ยังคงดำรงเป็นหลักและบ่อเกิดแห่งความกลมกลืนของชีวิตพระสงฆ์ เหตุฉะนี้ พระสงฆ์จะบรรลุถึงความกลมกลืนในชีวิต ก็โดยร่วมกับพระคริสตเจ้าในการแสวงหาน้ำพระทัยของพระบิดาและพลีตนอุทิศแก่ฝูงแกะที่ฝากกับตน เมื่อพระสงฆ์แสดงบทบาทของชุมพาบาลที่ดีเช่นนี้ เวลาถือความรักของชุมพาบาลนั้นเอง พระสงฆ์ก็จะพบความดีพร้อมของสงฆ์ ซึ่งจะทำให้ชีวิตกับงานของพระสงฆ์กลมกลืนกัน อันความรักที่ชุมพาบาลมีต่อสัตบุรุษนี้เป็นผลสืบเนื่องมาจากการถวาบูชาขอบพระคุณเป็นสำคัญ ฉะนั้นการถวายบูชามิสซาจึงเป็นศูนย์กลางและรากฐานแห่งชีวิตทั้งชีวิตของพระสงฆ์ จนว่าพระสงฆ์พยายามทำให้กิจการที่ทำอยู่บนพระแท่นบูชานั้นเป็นกิจการที่อุบัติในชีวิตของตนเอง แต่เรื่องนี้จะสำเร็จเป็นไปไม่ได้ นอกจากพระสงฆ์จะเข้าใจเหตุการณ์ลึกล้ำเรื่องพระคริสตเจ้าอย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้นด้วยการภาวนา

เพื่อบรรลุความกลมกลืนในชีวิตจริง ๆ พระสงฆ์ควรพิจารณากิจการต่าง ๆ ของตนให้รู้ว่าน้ำพระทัยของพระเป็นเจ้าเป็นอย่างไร คือให้รู้ว่ากิจการเหล่านั้นตรงกับกฎเกณฑ์ในภารกิจของ         พระศาสนจักรตามพระวรสารสักเพียงใด เพราะการถือซื่อสัตย์ต่อพระคริสตเจ้านั้น จะแยกจากการถือซื่อสัตย์ต่อพระศาสนจักรของพระองค์ไม่ได้ ความรักของชุมพาบาลต่อสัตบุรุษเรียกร้องให้พระสงฆ์ทำงานร่วมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับพระสังฆราชและเพื่อนพระสงฆ์เสมอ ถ้าไม่อยากวิ่งเสียแรงเปล่า ถ้าทำดังนี้พระสงฆ์ก็จะพบความกลมกลืนในชีวิต อันเป็นผลสืบเนื่องมาจากความกลมกลืนในภารกิจของพระศาสนจักรนั้นเอง ดังนั้นพระสงฆ์จะร่วมสนิทกับพระคริสตเจ้า และโดยทางพระองค์จะร่วมสนิทกับพระบิดาในพระจิต แล้วจิตใจของพระสงฆ์จะเต็มเปี่ยมไปด้วยความบรรเทาและความชื่นชมยินดีอย่างยิ่ง
.
ข.สิ่งที่ต้องมีเป็นพิเศษทางฝ่ายวิญญาณในชีวิตของพระสงฆ์

ความถ่อมตนและความเชื่อฟัง

๑๕. ในบรรดาคุณธรรมที่จำเป็นที่สุดสำหรับปฏิบัติหน้าที่ของพระสงฆ์ ต้องขอกล่าวถึงสภาพจิตใจที่ทำให้พระสงฆ์พร้อมอยู่เสมอที่จะไม่แสวงหาความพอใจของตน แต่แสวงหาน้ำพระทัยของพระผู้ที่ทรงส่งตนไป ด้วยว่างานของพระที่พระจิตเจ้าทรงเรียกพระสงฆ์มาทำนั้น เกินสติกำลังและปัญญาความฉลาดทั้งหมดของมนุษย์ “ พระเป็นเจ้าทรงเลือกคนโง่ในสายตาของโลก เพื่อทำให้คนฉลาดต้องอับอายไป “ ( ๑ คร. ๑ : ๒๗ ) เหตุฉะนั้นศาสนบริกรแท้ของพระคริสตเจ้าย่อมสำนึกในความอ่อนแอของตน ทำงานด้วยความถ่อมตัวแสวงหาสิ่งที่จะเป็นที่พอพระทัยพระเป็นเจ้า พระสงฆ์เหมือนกับผู้ที่พระจิตเจ้าทรงยึดไว้มั่น และทรงจูงไปในการงานทุกอย่างตามน้ำพระทัยของพระผู้ที่ทรงปรารถนาให้มนุษย์ทุกคนเอาตัวรอด อันน้ำพระทัยนี้ ศาสนบริกรแท้ของพระคริสตเจ้ารู้จักค้นพบและถือตามในงานจำเจประจำวัน โดยถ่อมตัวรับใช้ทุกคนที่พระเป็นเจ้าทรงฝากไว้กับตนในหน้าที่ที่รับหรือในเหตุการณ์ต่าง ๆ ในชีวิต

แต่เนื่องจากหน้าที่ของพระสงฆ์ก็คือหน้าที่ของพระศาสนจักรเอง งานนี้จึงเป็นงานที่ปฏิบัติได้ก็ต่อเมื่อผู้ปฏิบัติร่วมเป็นหนึ่งเดียวตามลำดับชั้นกับพระกายทั้งครบ ด้วยเหตุนี้ เพราะน้ำใจรักสัตบุรุษ พระสงฆ์จึ่งทำเพื่อเห็นแก่ความร่วมเป็นหนึ่งเดียวกันนี้ สละทิ้งน้ำใจของตนโดยยอมเชื่อฟังเพื่อรับใช้พระเป็นเจ้าและพี่น้องคริสตชน ยอมรับและปฏิบัติด้วยความเชื่อตามที่พระสันตะปาปา พระสังฆราชของตน ตลอดจนผู้ใหญ่อื่น ๆ จะสั่งหรือกำชับให้ทำ ให้พระสงฆ์เต็มใจอย่างยิ่งที่จะอุทิศตนจนสุดกำลังทำหน้าที่ใด ๆ ที่ได้รับมอบให้ทำ แม้ว่าจะเป็นงานหน้าที่ต่ำต้อยน้อยหน้า ด้วยประการฉะนี้ พระสงฆ์บำรุงและกระชับความเป็นอันหนึ่งอันเดียวซึ่งจำเป็นต้องมีกับพี่น้องร่วมงานด้วยกัน โดยเฉพาะกับผู้ที่พระเป็นเจ้าทรงตั้งให้เป็นผู้ปกครองที่แลเห็นได้แห่งพระศาสนจักรของพระองค์ ดังนี้ พระสงฆ์ก็ทำงานเพื่อเสริมสร้างพระกายของพระคริสตเจ้าขึ้น พระกายนั้นเจริญเติบโต “ โดยข้อต่อทุก ๆ อัน “ ความเชื่อฟังซึ่งนำเราไปสู่อิสรภาพอันสุขุมกว่าของผู้เป็นบุตรแห่งพระเป็นเจ้านั้น เรียกร้องโดยธรรมชาติของความเชื่อฟังนั้นเอง ให้พระสงฆ์เวลาถือตามภาระหน้าที่ หาช่องทางใหม่ ๆ เพื่อทำประโยชน์ให้แก่พระศาสนจักรยิ่งขึ้น และให้ปฏิบัติดังนั้นอย่างฉลาดรอบคอบและเพราะความรัก ความเชื่อฟังนี้ยังเรียกร้องให้พระสงฆ์เสนอโครงการของตนด้วยความไว้ใจ กับเน้นชี้แจงให้เข้าใจความต้องการของฝูงแกะที่ฝากแก่ตน แต่ก็พร้อมอยู่เสมอที่จะน้อมตามคำวินิจฉัยของผู้ที่ทำหน้าที่หัวหน้าในการปกครองพระศาสนจักรของพระเป็นเจ้า

เมื่อพระสงฆ์ถ่อมตนและเชื่อฟังโดยสมัครใจและด้วยความรับผิดชอบดังนี้ พระสงฆ์ก็ทำตนเหมือนกับองค์พระคริสตเจ้ามีความรู้สึกในตนเหมือนที่มีอยู่ในพระเยซูคริสตเจ้า “ พระองค์ทรงสละเกียรติถ่อมพระองค์มาถือฐานะทาส สละละทิ้งตนทรงมอบน้อมจนยอมรับความตาย“(ฟป. ๒ :๗-๙ )

เมื่อพระองค์ทรงเชื่อฟังดังนี้ ก็กำหราบและไถ่ความเชื่อฟังของอาดัม ดังที่นักบุญเปาโลยืนยันว่า “ มวลมนุษย์กลายเป็นคนบาปเพราะความไม่เชื่อฟังของคนคนเดียว ในทำนองเดียวกันมนุษย์ก็จะเป็นผู้ชอบธรรมเพราะความเชื่อฟังของคนคนเดียว “ (รม. ๕ : ๑๙ )

เลือกการบำเพ็ญพรหมจรรย์และถือเป็นพระคุณอย่างหนึ่ง

๑๖.  พระคริสตเจ้าทรงกำชับแนะให้ถือพรหมจรรย์อย่างแท้จริงและตลอดเวลาเพราะเห็นแก่อาณาจักรสวรรค์ การถือพรหมจรรย์เช่นนี้ ตั้งแต่ดึกดำบรรพ์และแม้ในสมัยของเรา สัตบุรุษคริสตชนเป็นจำนวนมากสมัครใจรับ และถืออย่างน่าสรรเสริญ และพระศาสนจักรก็ยกย่องถือเป็นสิ่งมีค่ามากเสมอสำหรับชีวิตของพระสงฆ์อย่างพิเศษ เพราะเป็นทั้งเครื่องหมายและเครื่องกระตุ้นความรักของชุมพาบาลต่อสัตบุรุษ อีกทั้งเป็นช่องทางพิเศษที่จะทำงานเป็นผลดียิ่งทางวิญญาณในโลก อันที่จริงการถือพรหมจรรย์นี้ ถ้าพูดตามลักษณะของการเป็นพระสงฆ์ก็เป็นสิ่งไม่จำเป็นต้องถือทีเดียว ตามที่เห็นได้จากการปฏิบัติแห่งพระศาสนจักรในสมัยแรกเริ่มกับประเพณีของคริสตจักรต่าง ๆ ทางภาคตะวันออก ในคริสตจักรต่าง ๆ ทางภาคนี้ นอกจากมีพระสงฆ์ที่เลือกถือพรหมจรรย์เพราะถือเป็นพระคุณของพระเหมือนอย่างพระสังฆราชทุกองค์แล้ว ยังมีพระสงฆ์ที่แต่งงานและประพฤติตัวดีมาก     ถึงแม้สภาสังคายนานี้จะกำชับแนะให้ถือพรหมจรรย์แบบที่พระศาสนจักรกำหนด สภาสังคายนานี้ก็ไม่ตั้งใจแต่ประการใดจะเปลี่ยนกฎวินัยอีกอย่างหนึ่ง ซึ่งใช้อย่างถูกต้องอยู่ในบรรดาคริสตจักรทางภาคตะวันออก และขอเตือนด้วยความรักยิ่ง บรรดาคนแต่งงานที่ได้บวชเป็นพระสงฆ์ให้ยืนหยัดมั่นคงในกระแสเรียกอันศักดิ์สิทธิ์และอุทิศชีวิตให้แก่สัตบุรุษที่ฝากอยู่กับตนอย่างเต็มที่และด้วยน้ำใจกว้างขวางต่อไป

แต่การถือพรหมจรรย์นั้นเหมาะสมกับสังฆภาพหลายประการด้วยว่าภารกิจทั้งหมดของพระสงฆ์เป็นการอุทิศรับใช้มนุษยชาติใหม่ซึ่งพระคริสตเจ้าผู้ทรงพิชิตความตายทรงบันดาลให้เกิดขึ้นในโลกเดชะพระจิต มนุษยชาติใหม่นั้นมีกำเนิดมา “ มิใช่จากเลือกหรือจากเจตนจำนงของเนื้อหนัง หรือจากเจตนจำนงของมนุษย์ แต่จากพระเป็นเจ้า “ (ยง. ๑ : ๑๓ ) เมื่อพระสงฆ์ถือพรหมจรรย์หรือความความเป็นโสดเพราะเห็นแก่อาณาจักรสวรรค์นั้น พระสงฆ์อุทิศตนแด่พระคริสตเจ้าอย่างแบบใหม่และอย่างวิเศษเลิศ ใจภักดีต่อพระองค์ได้ง่ายขึ้นโดยไม่ต้องแบ่งไปทางอื่น อุทิศรับใช้พระเป็นเจ้าและมนุษย์ในพระองค์ และอาศัยพระองค์ได้อย่างอิสระยิ่งขึ้น รับใช้อาณาจักรของพระองค์และทำการงานเพื่อให้มนุษย์เกิดใหม่โดยมีชีวิตพระด้วยอิสรภาพยิ่งขึ้น ดังนี้พระสงฆ์ก็เหมาะที่จะรับเป็นบิดาในพระคริสตเจ้าอย่างกว้างขวางยิ่งขึ้น

เมื่อพระสงฆ์ถือความเป็นโสดดังนี้ ก็เท่ากับประกาศต่อหน้ามนุษย์ทั้งหลายว่าตนอยากอุทิศตัวอย่างสิ้นเชิงแก่งานที่ได้รับ คือหมั้นคริสตชนทุกคนแก่เจ้าบ่าวคนเดียวและนำคริสตชนเหล่านั้นเป็นดังหญิงพรหมจารีบริสุทธิ์ไปถวายพระคริสตเจ้า ดังนี้พระสงฆ์ก็ทำให้นึกถึงการวิวาห์อันลึกล้ำที่พระเป็นเจ้าทรงตั้งขึ้นและจะสำแดงให้ปรากฏอย่างเต็มที่ในเวลาอนาคต คือการวิวาห์ของพระศาสนจักรกับเจ้าบ่าวผู้เดียว คือพระคริสตเจ้า นอกจากนี้พระสงฆ์ยังเป็นเครื่องหมายอันมีชีวิตของโลกในอนาคต ซึ่งถ้ามีความเชื่อและความรัก ก็ดำรงอยู่แล้วในเวลานี้ ในโลกอนาคตนั้น ผู้กลับคืนชีวิตขึ้นมาจะไม่มีการหาสามีหรือภรรยาอีก

รหัสธรรมและภารกิจของพระคริสตเจ้าเป็นหลักของการถือพรหมจรรย์ดังอธิบายมานี้ การถือพรหมจรรย์ในชั้นแรกเป็นกฎบังคับให้บรรดาผู้ที่จะรับศีลบวชต้องถือ สภาสังคายนาขอแสดงความเห็นชอบและยืนยันรับรองกฎข้อนี้อีกครั้งหนึ่งในส่วนที่เกี่ยวกับผู้มุ่งจะเป็นพระสงฆ์ โดยเชื่อมั่นในพระจิตว่า พระคุณการถือพรหมจรรย์ ซึ่งเหมาะสมกับการเป็นพระสงฆ์ในพันธสัญญาใหม่นี้         พระบิดาจะประทานให้ด้วยพระทัยกว้าง ถ้าผู้ที่มีส่วนในสังฆภาพของพระคริสตเจ้าอาศัยศีลบวช รวมทั้งพระศาสนจักรทั่วไป จะวอนขอด้วยความถ่อมตนและร้อนรน

สภาสังคายนา ยังขอเตือนพระสงฆ์ทุกองค์ที่สมัครเต็มใจถือพรหมจรรย์ตามพระฉบับแบบของพระคริสตเจ้า เพราะไว้ใจในพระหรรษทานของพระเป็นเจ้า ให้สัตย์ซื่อต่อการถือพรหมจรรย์นี้ด้วยใจกว้างและโดยสิ้นสุดจิตใจ ให้ยืนหยัดมั่นคงในสภาพดังกล่าวอย่างซื่อสัตย์ ให้รู้สำนึกถึงพระคุณอันใหญ่หลวงนี้ที่พระบิดาประทานแก่ตนและพระคริสตเจ้าตรัสยกย่องชมเชยอย่างเปิดเผย และให้พิจารณาใคร่ครวญถึงรหัสธรรมต่าง ๆ ให้รู้ว่าการถือพรหมจรรย์หมายถึงรหัสธรรมข้อใด และทำให้สำเร็จตามรหัสธรรมนั้นอย่างไร ในโลกปัจจุบันนี้ ยิ่งมีคนเป็นอันมากที่คิดว่าการถือพรหมจรรย์อย่างเคร่งครัดเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ พระสงฆ์ก็ยิ่งถ่อมตัวและยืนหยัดร่วมกับพระศาสนจักร ขอพระคุณให้ถือข้อนี้ได้อย่างสัตย์ซื่อ พระคุณนี้พระเป็นเจ้าไม่เคยละเว้นที่จะประทานแก่ผู้ที่วอนขอ เพื่อถือความบริสุทธิ์ให้พระสงฆ์ใช้วิธีการ ทั้งตามธรรมชาติและเหนือธรรมชาติที่มีไว้สำหรับทุก ๆคนด้วย โดยเฉพาะการบำเพ็ญตบะที่ผ่านการทดลองของพระศาสนจักรแล้วและยังเป็นสิ่งจำเป็นไม่น้อยในโลกปัจจุบันนี้ พระสงฆ์ไม่ควรละเลยที่จะถือตาม ฉะนั้นสภาสังคายนานี้ขอวอนมิใช่แต่พระสงฆ์    เท่านั้น แต่ขอวอนสัตบุรุษทั้งหลายด้วย ให้มีจิตใจคิดถึงพระคุณประเสริฐนี้ซึ่งได้แก่การถือพรหมจรรย์ของพระสงฆ์ กับขอให้ทุกคนสวดขอพระเป็นเจ้าโปรดประทานพระคุณประการนี้ให้แก่พระศาสนจักรของพระองค์อย่างอุดมบริบูรณ์

ท่าทีต่อโลกและต่อทรัพย์สินในโลก การสมัครใจถือความยากจน

๑๗. เมื่อพระสงฆ์เจริญชีวิตอย่างฉันมิตคและพี่น้องกับพระสงฆ์ด้วยกันและมนุษย์อื่น ๆ พระสงฆ์จะรู้จักยกย่องคุณค่าของมนุษย์และถือว่าของต่าง ๆ ที่สร้างมาเป็นพระคุณของพระเป็นเจ้า ทั้งนั้นก็ดี เมื่อเจริญชีวิตอยู่ในโลก พระสงฆ์ต้องรู้ว่าตามพระวาจาของพระสวามีเจ้าและพระอาจารย์ของเรา พระสงฆ์ไม่ใช่คนของโลก ถ้าพระสงฆ์ใช้สิ่งของในโลกนี้เหมือนกับว่าไม่ได้ใช้ พระสงฆ์จะบรรลุถึงเสรีภาพที่จะช่วยให้พ้นจากความห่วงกังวลอันไม่สมควรทุกอย่าง แล้วพระสงฆ์จะได้เป็นผู้ว่านอนสอนง่าย ยินดีฟังเสียงของพระเป็นเจ้าในชีวิตประจำวัน เมื่อพระสงฆ์มีเสรีภาพและเป็นผู้ว่านอนสอนง่ายดังนี้ พระสงฆ์จะมีความพิจารณาไตร่ตรองดีขึ้น รู้จักมีท่าทีถูกต้องต่อโลกและสิ่งของในโลก

ท่าทีดังกล่าวนี้มีความสำคัญมากสำหรับพระสงฆ์ เพราะพระสงฆ์ปฏิบัติหน้าที่อยู่ในโลกและของที่สร้างมาเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับความเจริญก้าวหน้าของมนุษย์แต่ละคน ฉะนั้นพระสงฆ์ต้องเป็นผู้รู้คุณในสิ่งต่าง ๆ ที่พระบิดาประทานให้สำหรับดำรงชีวิตอย่างเหมาะสม อย่างไรก็ดีพระสงฆ์ต้องพิจารณาวินิจฉัยทุกสิ่งที่ประสบอาศัยความสว่างแห่งความเชื่อเพื่อจะใช้สิ่งของต่าง ๆ โดยถูกต้องตามน้ำพระทัยของพระเป็นเจ้าและละทิ้งสิ่งที่ผิดต่อภารกิจของตน
พระสงฆ์ซึ่งได้พระเป็นเจ้าเป็น “ ส่วนแบ่งและมรดก” (กันดารวิถี ๑๘ : ๒๐ ) ต้องใช้สิ่งของในโลกนี้เพื่อจุดหมายตามพระธรรมของพระคริสตเจ้าและตามกฎแห่งพระศาสนจักรเท่านั้น

ส่วนทรัพย์สินที่เป็นของพระศาสนจักรแท้ ๆ ให้พระสงฆ์จัดการตามลักษณะของทรัพย์สินนั้นและตามกฎหมายของพระศาสนจักร และเท่าที่สามารถจะทำได้ ควรมีฆราวาสที่มีความชำนาญจัดเจนเป็นผู้ช่วยด้วย ทรัพย์สินเหล่านี้ทุกครั้งจะต้องใช้สำหรับจุดหมายที่อนุญาตให้พระศาสนจักรมีทรัพย์สินทางโลก กล่าวคือ เพื่อจัดคารวกิจ เพื่อจัดให้คณะสงฆ์มีการครองชีพอย่างเหมาะสม และบำรุงกิจการแพร่ธรรมหรือเมตตาโดยเฉพาะต่อคนยากจนขัดสน สำหรับปัจจัยที่ได้มาจากการปฎิบัติหน้าที่ฝ่ายพระศาสนจักรนั้น นอกจากต้องถือกฎที่มีอยู่เฉพาะแล้ว ก่อนอื่นให้พระสงฆ์รวมทั้งพระสังฆราชด้วยใช้สำหรับครองชีพอย่างสมควรกับปฎิบัติหน้าที่ตามฐานะ ส่วนที่เหลือนั้นควรจะมีแก่ใจใช้เพื่อประโยชน์ของพระศาสนจัการหรือเพื่อกิจการเมตตาต่าง ๆ ดังนี้ พระสงฆ์อย่าถือหน้าที่ฝ่ายพระศาสนจักรเป็นทางหากำไร และอย่าใช้รายได้ที่เกิดจากหน้าที่นั้นสำหรับเพิ่มพูนสมบัติส่วนตัวให้มากขึ้น เพราะเหตุนี้ขอพระสงฆ์อย่างมีใจผูกพันกับทรัพย์สมบัติ ให้หลีกเลี่ยงความละโมภอยากได้ทุกชนิด และให้เอาใจใส่งดเว้นการใด ๆ ที่มีอาการส่อว่าจะเป็นการค้าหากำไร

ยิ่งกว่านั้น ขอเชิญชวนพระสงฆ์ให้สมัครใจถือความยากจน ซึ่งจะทำให้พระสงฆ์เหมือนพระคริสตเจ้ามากขึ้น และพร้อมที่จะปฎิบัติหน้าที่ศักดิ์สิทธิ์ยิ่งขึ้น ด้วยว่าพระคริสตเจ้านั้น  แม้เป็น   ผู้มั่งคั่งก็ได้ทรงมอบมาเป็นคนอนาถาเพราะเรา เพื่อทำให้เราร่ำรวยเพราะความขัดสนของพระองค์ ฝ่ายบรรดาอัครธรรมฑูตก็ได้ทำเป็นตัวอย่างให้เห็นว่า ของที่พระเป็นเจ้าประทานให้เปล่า ๆ ก็ต้องให้เปล่า ๆ และเวลามีอุดมสมบูรณ์เขาก็อยู่ได้ เวลาขัดสน ก็ทนได้เหมือนกัน แต่ถ้าพระสงฆ์ใช้ของร่วมกันบ้าง ตามอย่างคริสตชนเดิมมีของทุกอย่างร่วมกันซึ่งเป็นเรื่องที่ยกย่องมากในพระศาสนจักรสมัยแรก ก็นับเป็นทางดีที่สุดทางหนึ่งสำหรับมีความรักแบบที่ชุมพาบาลมีต่อสัตบุรุษถ้าพระสงฆ์ดำรงชีวิตอย่างน่าสรรเสริญแบบนี้ ก็จะเป็นการปฏิบัติตามจิตตารมณ์ความยากจนที่พระคริสตเจ้าทรงกำชับแนะให้ถือนั้น

ฉะนั้น โดยการนำของพระจิต ซึ่งได้อภิเษกพระคริสตเจ้าด้วยการเจิมและใช้พระองค์ไปประกาศข่าวดีแก่คนยากจน ขอให้พระสงฆ์ ตลอดจนพระสังฆราช หลีกเลี่ยงการทุกอย่างซึ่งอาจทำให้คนจนถอยห่างไปไม่ว่าด้วยวิธีใด และขอให้ละเว้นอย่าทำการใด ๆ ที่ส่อความโอ้อวดของใช้ไม้สอยให้มากยิ่งกว่าศิษย์ประเภทอื่น ๆ ของพระคริสตเจ้า ขอให้จัดบ้านในแบบที่ไม่มีใครเห็นว่าเข้าไปไม่ได้ หรือในแบบที่ไม่มีใครแม้คนที่ต่ำต้อยที่สุด ไม่กล้าเข้าไป

ค.วิธีการต่าง ๆ สำหรับช่วยชีวิตของพระสงฆ์

วิธีการสำหรับส่งเสริมบำรุงชีวิตฝ่ายวิญญาณ

๑๘. เพื่อส่งเสริมความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับพระคริสตเจ้าในทุกกรณีแวดล้อมของชีวิต พระสงฆ์นอกจากปฏิบัติงานในหน้าที่อย่างมีความสำนึกดีแล้ว ยังสามารถใช้วิธีการต่าง ๆ ทั้งที่พิเศษและเป็นของมูลทั่วไป ทั้งของใหม่และของเก่า ซึ่งวิธีการเหล่านี้ พระจิตไม่เคยหยุดยั้งที่จะทรงบันดาลให้เกิดขึ้นในประชากรของพระเป็นเจ้า และพระศาสนจักรคอยแนะ ยิ่งกว่านั้น บางครั้งก็สั่งให้ถือ   เพื่อทำให้สมาชิกของคนศักดิ์สิทธิ์ไป ในบรรดาวิธีการฝ่ายวิญญาณทั้งหมด ที่สำคัญที่สุดก็คือกิจกรรมซึ่งเมื่อประกอบกิจกรรมนั้น คริสตชนก็เลี้ยงตนด้วยพระวจนาถของพระเป็นเจ้าที่โต๊ะสองโต๊ะ อันได้แก่โต๊ะพระคัมภีร์และโต๊ะศีลมหาสนิท ใคร ๆ ย่อมทราบดีกว่าการหมั่นมายังโต๊ะทั้งสองนั้นมีความสำคัญสักเพียงใดสำหรับความศักดิ์สิทธิ์ของพระสงฆ์

พระสงฆ์เป็นศาสนบริกรจ่ายแจกพระหรรษทานอันติดกับศีลศักดิ์สิทธิ์ ย่อมรวมเป็นหนึ่งเดียวอย่างชิดสนิทกับพระคริสตเจ้า พระผู้ไถ่และนายชุมพาบาล เมื่อรับศีลศักดิ์สิทธิ์ต่าง ๆ ก็มีผลโดยเฉพาะด้วยการรับศีลอภัยบาปบ่อย ๆ ซึ่งการรับศีลอภัยบาปนี้ เมื่อเตรียมด้วยการพิจารณามโนธรรมทุกวัน ย่อมเป็นเครื่องกระตุ้นอย่างแรงให้จิตใจเปลี่ยนมารักพระบิดาผู้มีพระทัยเมตตายิ่ง อาศัยความสว่างแห่งความเชื่อซึ่งหล่อเลี้ยงด้วยการอ่านพระคัมภีร์ พระสงฆ์สามารถตั้งใจเสาะแสวงหา    เครื่องหมายบอกน้ำพระทัยของพระเป็นเจ้า ตลอดจนการกระตุ้นเตือนแห่งพระหรรษทานของ     พระคริสตเจ้าในเหตุการณ์ต่าง ๆ ของชีวิต ดังนี้ พระสงฆ์จะเชื่อฟังดียิ่งขึ้นในการปฎิบัติภารกิจที่ได้รับมาในพระจิตเจ้า พระสงฆ์พบเห็นตัวอย่างความว่านอนสอนง่ายเช่นนี้ได้เสมอในพระนางพรหมจารีมารีย์ โดยการดลใจของพระจิต พระนางได้ถวายตัวอย่างสิ้นเชิง เพื่อให้แผนการลึกล้ำในการไถ่มนุษย์สำเร็จไป พระนางเป็นพระมารดาของพระมหาสมณะนิรันดร เป็นราชินีแห่งคณะอัครธรรมฑูตและเป็นผู้ปกป้องคุ้มครองหน้าที่การงานของพระสงฆ์ ก็สมควรแล้วที่พระสงฆ์จะเคารพและรักพระนาง โดยมีความคารวะและความภักดีเยี่ยงบุตร

เพื่อปฏิบัติการงานในหน้าที่ได้อย่างซื่อสัตย์ พระสงฆ์ต้องยินดีไปสนทนากับพระคริสตเจ้า  โดยมีความศรัทธาส่วนตัวและไปเฝ้าศีลมหาสนิททุกวัน ต้องชอบหาเวลาเข้าเงียบและถือว่าการแนะนำทางวิญญาณเป็นเรื่องสำคัญ พระสงฆ์ขวนขวายหาและวอนขอจิตตารมณ์การนมัสการแท้ได้จากพระเป็นเจ้าด้วยวิธีหลายอย่าง โดยเฉพาะด้วยแบบรำพึงที่ได้รับอนุมัติเห็นชอบกับแบบภาวนาต่าง ๆ ถ้ามีจิตตารมณ์เช่นนี้ พระสงฆ์พร้อมด้วยประชากรที่ฝากไว้กับตน ก็จะร่วมชิดสนิทกับพระคริสตเจ้าผู้เป็นคนกลางแห่งพันธสัญญาใหม่และจะร้องได้ในฐานะบุตรบุญธรรมว่า “ อับบา ข้าแต่พระบิดา “ (โรม ๘ : ๑๕ )

การศึกษาและความรู้เรื่องอภิบาลสัตบุรุษ

๑๙.  ในจารีตพิธีศีลบวช พระสังฆราช เตือนพระสงฆ์ให้ “เป็นผู้สุขุมในความรู้ และปรารภให้คำสอนของพระสงฆ์เป็น “ โอสถฝ่ายวิญญาณสำหรับประชากรของพระเป็นเจ้า “ อันว่าความรู้ของศาสนบริกรผู้ได้รับศีลบวชนั้น ต้องเป็นความรู้อันศักดิ์สิทธิ์เพราะสืบเนื่องมาจากต้นกำเนิดอันศักดิ์สิทธิ์ และมุ่งไปสู่จุดหมายอันศักดิ์สิทธิ์ ความรู้นั้น ก่อนอื่นได้มาจากการอ่านและรำพึงพระคัมภีร์ และยังหล่อเลี้ยงไว้อย่างได้ผลด้วยการศึกษาหนังสือของบรรดานักปราชญ์และพระปิตาจารย์ ตลอดจนผู้ได้รู้เห็นธรรมประเพณีอื่น ๆ อนึ่ง เพื่อตอบปัญหาต่าง ๆ ที่มนุษย์ยุคนี้ถกเถียงกันได้อย่างถูกต้องพระสงฆ์จำเป็นต้องรู้เป็นอย่างดี คือรู้เอกสารที่บรรจุคำสอนของพระศาสนจักร โดยเฉพาะอย่างยิ่งเอกสารของสภาสังคายนาต่าง ๆ และของบรรดาพระสันตะปาปากับต้องอ่านหนังสือของผู้เขียนเทววิทยาที่เชี่ยวชาญและเป็นที่รับรองเชื่อได้

เนื่องจากในสมัยของเรานี้ การศึกษาหาความรู้ของมนุษย์แม้แต่วิชาศาสนาก็เจริญก้าวหน้าอย่างไม่เคยเป็นเช่นนี้เลย จึงขอเตือนพระสงฆ์ทั้งหลายให้ปรับปรุงความรู้ของตนในเรื่องพระเจ้าและเรื่องมนุษย์อย่างเหมาะสมและโดยไม่หยุดยั้ง เช่นนี้ก็จะเป็นการเตรียมตัวสำหรับติดต่อเจรจากับคนในสมัยเดียวกันอย่างเหมาะสมดียิ่งขึ้น

เพื่อให้พระสงฆ์หาทางศึกษาได้ง่ายและเพื่อเรียนรู้วิธีประกาศข่าวดีและแพร่ธรรมอย่างได้ผลดียิ่งขึ้น ให้ใช้ความพยายามเต็มที่จัดเตรียมวิธีการต่าง ๆที่เหมาะสมสำหรับพระสงฆ์ เช่น จัดให้มีการเรียนเป็นภาค ๆ หรือการประชุมสัมมนา แล้วแต่สภาพของแต่ละท้องที่ ตั้งศูนย์ศึกษาเกี่ยวกับการอภิบาลสัตบุรุษ ตั้งห้องสมุด และมอบให้บุคคลที่มีความชำนาญจัดเจนจัดระเบียบการศึกษาเหล่านี้ อนึ่ง ให้บรรดาพระสังฆราชพิจารณาโดยต่างองค์ ต่างทำ หรือจะร่วมมือกันทำก็ได้ หาทางที่เหมาะสมยิ่งให้พระสงฆ์ทั้งหมดของตน เมื่อถึงเวลากำหนดและโดยเฉพาะเมื่อบวชแล้วไม่หลายปีนัก ได้ไปรับการอบรมเป็นหลักสูตร ซึ่งจะให้โอกาสพระสงฆ์นั้นรู้เทววิทยาและวิธีอภิบาบสัตบุรุษดียิ่งขึ้น บำรุงชีวิตทางฝ่ายวิญญาณให้มั่นคงยิ่งขึ้นและนำเอาประสบการณ์ในการแพร่ธรรมถ่ายทอดให้เพื่อนพระสงฆ์รู้ ให้เอาใจใส่จัดวิธีการเหล่านี้และวิธีการที่เหมาะสมอื่น ๆ เป็นการช่วยเหลือพระสงฆ์เจ้าอาวาสใหม่ ตลอดจนพระสงฆ์ที่ได้รับหน้าที่ใหม่ในการอภิบาลสัตบุรุษ หรือที่ถูกส่งไปยังสังฆมณฑลหรือประเทศอื่น ๆ

ที่สุด พระสังฆราชควรเอาใจใส่ให้พระสงฆ์บางองค์เรียนวิชาศักดิ์สิทธิ์ต่าง ๆ ให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น เพื่อไม่ขาดอาจารย์ที่สันทัดในการอบรมพระสงฆ์ เพื่อช่วยพระสงฆ์อื่น ๆ และสัตบุรุษให้รู้คำสอนที่ จำเป็นกับเพื่อส่งเสริมความก้าวหน้าในวิชาศักดิ์สิทธิ์ต่าง ๆ ซึ่งความก้าวหน้านั้นเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งยวดแก่พระศาสนจักร

พระสงฆ์ต้องได้รับค่าตอบแทนอย่างยุติธรรม

๒๐.  เมื่อพระสงฆ์ถวายตัวรับใช้พระเป็นเจ้าโดยปฏิบัติงานหน้าที่ที่ฝากกับตนนั้น พระสงฆ์ก็สมจะได้รับค่าตอบแทนอันยุติธรรม “ เพราะคนงานสมที่จะได้ค่าจ้างของตน “ ( ลก. ๑๐ : ๗ ) และ    “ พระสวามีเจ้าได้กำหนดให้ผู้ที่ประกาศข่าวดีดำรงชีพด้วยข่าวดี “ ( ๑ คร. ๙ : ๑๔ ) เพราะฉะนั้น ในที่ที่ไม่มีการกำหนดให้ค่าตอบแทนอย่างยุติธรรมแก่พระสงฆ์ โดยที่พระสงฆ์ทำงานเพื่อคุณประโยชน์ของสัตบุรุษ สัตบุรุษเองย่อมมีพันธะอย่างแท้จริงที่จะจัดหาให้พระสงฆ์มีปัจจัยอันจำเป็นสำหรับดำรงชีวิตอย่างเหมาะสมโดยสมควร พระสังฆราช มีหน้าที่ต้องเตือนสัตบุรุษให้ระลึกถึงเรื่องนี้             พระสังฆราชต้องเอาใจใส่โดยต่างองค์ต่างทำเพื่อสังฆมณฑลของตน หรือที่ดีกว่านั้น โดยหลาย ๆ องค์ร่วมทำเพื่อเขตท้องที่ร่วมกัน วางระเบียบให้พระสงฆ์ที่กำลังปฏิบัติหรือได้ปฏิบัติหน้าที่รับใช้ประชากรของพระเป็นเจ้ามาแล้ว ได้รับอุปการะให้ดำรงชีวิตอย่างสมควรแก่อัตภาพที่ควรจะเป็นนั้น

ค่าตอบแทนที่พระสงฆ์แต่ละองค์มีสิทธิรับนั้น เมื่อคำนึงถึงลักษณธของหน้าที่เองกับสภาพของสถานที่และเวลาแล้ว โดยหลักการต้องเหมือนกับหมดสำหรับพระสงฆ์ทุกองค์ที่อยู่ในสภาพการณ์อย่างเดียวกัน ต้องเหมาะสมกับสภาพของพระสงฆ์และต้องมากพอให้พระสงฆ์มิใช่แต่สามารถจ่ายค่าจ้างแก่คนใช้เท่านั้นแต่ยังสามารถช่วยเหลือคนขัดสนด้วยตนเองด้วย หน้าที่ต่อคนยากจนประการนี้ พระศาสนจักร ยกย่องมาก นับตั้งแต่สมัยแรกเริ่มมาแล้ว นอกจากนั้น ค่าตอบแทนของพระสงฆ์ควรมากพอให้พระสงฆ์มีเวลาไปหยุดพักผ่อนได้อย่างเพียงพอทุก ๆ ปี และพระสังฆราชควรเอาใจใส่สอดส่องให้พระสงฆ์ได้มีเวลาไปพักผ่อนดังกล่าวนี้ด้วย

อย่างไรก็ดี ต้องถือว่าหน้าที่ทีศาสนบริการปฏิบัตินั้น มีความสำคัญเป็นเอก ด้วยเหตุนี้ต้องเลิกระบบที่เรียกว่าระบบ “ ผลประโยชน์ “ หรืออย่างน้อยต้องปรับปรุงแก้ไขลักษณะที่ถือว่า ส่วนที่เกี่ยวกับผลประโยชน์หรืออีกนัยหนึ่งสิทธิ์ที่จะได้รับรายได้อันมีติดกับตำแหน่งหน้าที่นั้น มีความสำคัญเป็นรองและกฎหมายต้องให้ความสำคัญเป็นเอกแก่ตำแหน่งหน้าที่ในพระศาสนจักรเอง ซึ่ง  ต่อไปนี้ต้องเข้าใจว่าเป็นตำแหน่งหน้าที่ใด ๆ ที่มอบให้เป็นการถาวรและต้องปฎิบัติเพื่อจุดหมายทางฝ่ายวิญญาณ

การตั้งเงินกองกลางกับการจัดการประกันสังคมสำหรับพระสงฆ์

๒๑. ควรคิดถึงตัวอย่างของสัตบุรุษในพระศาสนจัการสมัยแรกที่กรุงเยรูซาแลมเสมอ “ เขาเอาของทุกอย่างมาไว้เป็นของกลาง “ ( กจ. ๔ : ๓๒ ) และ “ มีการจ่ายแจก สุดแล้วแต่ความต้องการของแต่ละคน “ ( กจ. ๔ : ๓๕ ) ฉะนั้น อย่างน้อยในภาคที่การครองชีพของคณะสงฆ์ขึ้นอยู่กับการถวายของสัตบุรุษทั้งหมดหรือเป็นส่วนใหญ่ เป็นการสมควรอย่างยิ่งที่สังฆมณฑ,จะมีสถาบันอย่างหนึ่งสำหรับรวบรวมของที่ถวายเพื่อการนี้ สถาบันดังกล่าวให้พระสังฆราชอำนวยการ โดยมีผู้แทนพระสงฆ์เป็นผู้ช่วยและในที่ ๆ เห็นว่ามีประโยชน์ ก็ให้มีฆราวาสที่ชำนาญในเรื่องเศรษฐกิจเป็นผู้ช่วยด้วย

อนึ่ง เท่าที่สามารถทำได้ในทุกสังฆมณฑลหรือทุกภาคยังเป็นที่น่าปรารถนาให้มีเงินกองกลางซึ่งพระสังฆราชสามารถใช้สำหรับปฏิบัติตามพันธะอื่น ๆ อันมีต่อผู้ที่รับใช้พระศาสนจักรและสำหรับช่วยสังฆมณฑลที่ยากจน ดังนี้ ความมั่งมีของสังฆมณฑลที่ร่ำรวยก็จะบรรเทาความขัดสนของสังฆมณฑลที่ยากจน เงินกองกลางที่กล่าวนี้ต้องตั้งขึ้นส่วนใหญ่ด้วยเงินที่มาจากการถวายของสัตบุรุษ แต่ต้องอาศัยเงินที่มาจากแหล่งอื่น ตามที่กฎหมายจะกำหนด

ในประเทศที่ยังไม่มีการจัดการประกันสังคมอย่างเหมาะสมสำหรับพระสงฆ์ สภาสังฆราชควรเอาใจใส่ โดยคำนึงถึงกฎหมายของพระศาสนจักรและของบ้านเมืองอยู่เสมอ  ให้มีองค์การที่ตั้งขึ้นสำหรับดินแดนทั้งหมด องค์การต่าง ๆ เหล่านี้มุ่งจะจัดภายใต้การควบคุมของพระฐานานุกรมให้มีการประกันอันเหมาะสมและสิ่งที่เขาเรียกว่าการสงเคราะห์เวลาเจ็บป่วยอย่างหนึ่ง กับให้มีการส่งเสียพระสงฆ์ซึ่งรับทุกข์เพราะความเจ็บป่วย ความพิการ และความชราอีกด้วย พระสงฆ์ทั้งหลายควรอุดหนุนค้ำจุนองค์การที่ตั้งขึ้นโดยคิดว่าเป็นการร่วมมือช่วยเหลือและเป็นการมีส่วนร่วมในความทุกข์ลำเค็ญของพระสงฆ์พี่น้องของตน ในขณะเดียวกันพระสงฆ์จะเห็นว่าตนไม่ต้องเป็นห่วงถึงชะตาในอนาคต จึงสามารถจะบำเพ็ญถือความยากจนด้วยความซาบซึ้งในพระวรสารยิ่งขึ้นและสามารถจะอุทิศตน เพื่อช่วยวิญญาณให้รอดได้อย่างเต็มที่ ส่วนผู้ที่มีหน้าที่รับผิดชอบ ควรพยายามอย่างเต็มสติกำลังให้องค์กรของชาติต่าง ๆ เหล่านี้ทำงานประสานกัน เพื่อมีกำลังเข้มแข็งมั่นคงยิ่งขึ้นและแพร่ขยายออกไปมากยิ่งขึ้น

ข้อสรุปและคำตักเตือน

๒๒. สภาสังคายนารู้สำนึกถึงความชื่นชมยินดีที่มีอยู่ในชีวิตของพระสงฆ์ แต่ก็ไม่สามารถมองข้ามความทุกข์ยากลำบากต่าง ๆ ซึ่งพระสงฆ์ต้องสู้ทนอยู่ในสภาพของชีวิตปัจจุบันนี้ได้ สภาสังคายนา รู้ด้วยว่าภาวการณ์ทางเศรษฐกิจและสังคม และแม้กระทั่งขนบธรรมเนียมของมนุษย์ ได้เปลี่ยนแปลงไปสักเพียงใดและความรู้สึกต่อคุณค่าต่าง ๆ ได้เปลี่ยยไปในความนึกคิดของมนุษย์สักเพียงใด เมื่อเป็นเช่นนี้ ศาสนบริกรของพระศาสนจักรและบางทีแม้แต่สัตบุรุษคริสตชนด้วยมักรู้สึกตนเป็นแขกแปลกหน้าในโลกนี้ นึกถามตนเองด้วยความกระวนกระวายใจว่าจะใช้วิธีการและคำพูดที่เหมาะสมอย่างไร จึงจะติดต่อกับโลกได้ อุปสรรคใหม่ขัดขวางความเชื่อ งานที่ทำแล้วภายนอกดูไม่เกิดผล ต้องโดดเดี่ยวอย่างขมขื่น เรื่องเหล่านี้อาจเกิดเป็นอันตรายชักจูงพระสงฆ์ให้รู้สึกท้อแท้ใจได้

แต่โลก แม้ในสภาพที่ฝากให้ชุมพาบาลแห่งพระศาสนจัการรับและอภิบาลในปัจจุบันนี้แหละ พระเป็นเจ้าทรงรักจนถึงกับประทานพระบุตรแต่องค์เดียวเพราะเห็นแก่โลกนั้น ความจริงโลกนี้ซึ่งแม้ว่าจะติดบาปมากมาย แต่ก็มีความสามารถหลายประการนั้น ได้หยิบยื่นหินที่มีชีวิตให้พระศาสนจักรนำมาใช้สร้างพระตำหนักของพระเป็นเจ้าเดชะพระจิต พระจิตนี้เองที่กระตุ้นให้พระศาสนจักรเปิดทางใหม่เพื่อก้าวไปหาโลกในยุคนี้ เป็นผู้แนะและสนับสนุรให้ทำการปรับปรุงการงานหน้าที่ของพระสงฆ์ให้เหมาะสม

ขอให้พระสงฆ์ระลึกว่าตนไม่ใช่อยู่โดดเดี่ยวในการปฏิบัติงานเลย แต่อานุภาพของพระผู้ทรงฤทธิ์ทุกประการค้ำจุนตนอยู่ ขอพระสงฆ์ที่เชื่อถึงพระคริสตเจ้าผู้ได้เรียกตนมาร่วมในศักดิ์สงฆ์ของพระองค์ จงอุทิศตนปฎิบัติหน้าที่ด้วยความไว้ใจอย่างเต็มเปี่ยม เพราะรู้ว่าพระเป็นเจ้าทรงมีฤทธิ์อำนาจที่จะทำให้ความรักในตัวพระสงฆ์เพิ่มขึ้น ขอให้พระสงฆ์จำไว้ด้วยว่าตนมีพี่น้องพระสงฆ์ ยิ่งกว่านั้นมีสัตบุรุษทั่วทั้งโลก เป็นเพื่อนร่วมอยู่ด้วยกัน แท้จริงพระสงฆ์ทุกองค์ร่วมมือกัน เพื่อทำให้แผนการความรอดของพระเป็นเจ้าสำเร็จไป แผนการที่กล่าวนี้หมายถึงการลึกล้ำเกี่ยวกับพระคริสตเจ้า ซึ่งซ่อนเร้นอยู่ในพระเป็นเจ้าตั้งแต่ปฐมกาล และแผนการลึกล้ำค่อย ๆ สำเร็จไปทีละเล็กทีละน้อยด้วยการปฏิบัติหน้าที่ต่าง ๆ ร่วมกัน เพื่อเสริมสร้างพระกายของพระคริสตเจ้าขึ้นจนกว่าจะโตถึงขนาดอายุเต็มที่ ความจริงทั้งหมดซึ่งซ่อนเร้นอยู่กับพระคริสตเจ้าในพระเจ้า ต้องอาศัยความเชื่อเป็นต้นจึงจะสามารถเข้าใจได้ เพราะบรรดาผู้นำประชากรของพระเป็นเจ้าจำเป็นต้งอเดินไปด้วยความเชื่อโดยถือตามแบบฉบับของอับราฮามผู้ซื่อสัตย์ เพราะมีความเชื่อ  อับราฮามจึง “ เชื่อฟังพระสุรเสียง เรียกให้ออกเดินทางไปสู่ถิ่นฐาน อันจะเป็นมรดกประทานแก่ท่าน…และท่านก็ออกเดินทางไป โดยไม่ทราบว่าจะไปแห่งหนตำบลใด “ (ฮบ .๑๑ :  ๘ )

แท้จริง พระสงฆ์ผู้แจกจ่ายพระคุณของพระเป็นเจ้า อาจเปรียบได้กับคนหว่านในนาซึ่งพระคริสตเจ้าตรัสถึงว่า “ เขาจะนอนหรือจะลุกขึ้นก็ตาม ไม่ว่ากลางวันหรือกลางคืน เมล็ดพืชนั้นก็จะงอกและโตขึ้นโดยเขาไม่ทราบว่างอกและโตขึ้นอย่างไร “ (มาร. ๔ : ๒๗ ) จริงอยู่พระเยซูเจ้าได้ตรัสว่า “ จงไว้ใจเถิด เราชนะโลกแล้ว “ (ยง.๑๖ : ๓๓ ) แต่เมื่อตรัสดังนี้ พระองค์ไม่ไทรงสัญญาจะให้      พระศาสนจักรมีชัยชนะอย่างสมบูรณ์ในโลกนี้ พระศาสนจักรยินดีที่แผ่นดินซึ่งได้รับพืชหว่านของข่าวดีนั้น บัดนี้กำลังออกผลในที่หลายแห่งโดยการดลบันดาลของพระจิต ซึ่งแผ่ไปทั่วพิภพและปลุกให้เกิดจิตตารมณ์ของธรรมฑูตอย่างแท้จริงขึ้นในดวงใจของพระสงฆ์และสัตบุรุษเป็นอันมาก เพราะการทั้งหมดนี้ สภาสังคายนา ขอขอบพระคุณพระสงฆ์ทั่วโลกด้วยความรักยิ่งและ “ สิริโรจนาแด่พระองค์ ผู้ทรงสามารถทำมากและเกินกว่าที่เราอาจขอหรือคิดได้ อาศัยพลานุภาพที่ก่อให้เกิดผลแก่เรา        สิริโรจนาแด่พระองค์ ในพระศาสนจักรและในพระคริสตเยซู ตลอดทุกอายุขัยและทุกกาลสมัย        อาแมน “ ( อฟ .๓ : ๒๐–๒๑ )

ข้อความแต่ละข้อทั้งสิ้นที่ประกาศไว้ในสังฆธรรมนูญฉบับนี้ บรรดาปิตาจารย์ได้เห็นชอบแล้วทั้งนั้น อาศํยอำนาจของท่านอัครธรรมฑูต ซึ่งเราได้มอบจากพระคริสตเจ้า เราพร้อมกับบรรดาปิตาจารย์ที่เคารพเหล่านี้ ในพระจิตเจ้า จึงเห็นชอบกำหนดและตราไว้ และสิ่งใดที่สภาสังคายนาได้ตราขึ้น เราก็สั่งให้ประกาศใช้เพื่อเป็นเกียรติแด่พระเป็นเจ้า