หน้าหลักเช็คเมลล์ติดต่อเราสมุดเยี่ยมลิงค์คาทอลิกแผนผังเวบไซด์

ค้นหาข้อมูล :

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

พระธรรมนูญ พระสมณกฤษฎีกา
และคำแถลงแห่งสภาสังคายนา เล่มที่ 4

บทที่  2 :  การปฏิบัติงานของพระสงฆ์

- - -  - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

พระสมณกฤษฎีกา แห่ง สภาสังคายนาว่าด้วยการปฏิบัติงานและชีวิตของพระสงฆ์

ก.หน้าที่ต่าง ๆ ของพระสงฆ์

พระสงฆ์เป็นศาสนบริกรประกาศพระวาจาของพระเป็นเจ้า

๔. ก่อนอื่น พระวาจาของพระเป็นเจ้าผู้ทรงชีวิตรวมประชากรของพระเป็นเจ้าเข้าเป็นหนึ่งเดียว และผู้แสวงหาพระวาจาก็จะต้องฟังจากปากพระสงฆ์ โดยเหตุที่ไม่มีใครจะรอดได้โดยไม่เชื่อก่อน พระสงฆ์ในฐานะเป็นผู้ช่วยงานของพระสังฆราช จึงมีหน้าที่ประการแรกที่จะประกาศข่าวดีเรื่องพระเป็นเจ้าแก่มนุษย์ทุกคน  เมื่อพระสงฆ์ปฏิบัติตามพระบัญชาของพระคริสตเจ้าผู้ตรัสว่า “ จงไปทั่วโลกประกาศข่าวดีแก่มนุษย์ทุกรูป ทุกนาม”แล้ว (มาร.๑๖:๑๕) พระสงฆ์ จะตั้งประชากรของพระเป็นเจ้าขึ้นและทำให้เจริญเติบโต ด้วยว่าเป็นพระวาจาอันความรอดมาให้ปลุกความเชื่อให้ตื่นขึ้นในใจของผู้ที่มิใช่คริสตชนกับหล่อเลื้ยงความเชื่อนั้นในใจของผู้ที่เป็นคริสตชน เป็นความเชื่อที่ทำให้กลุ่มคริสตชนเริ่มต้นและเติบโตขึ้นดังที่นักบุญเปาโลกล่าวว่า “ ความเชื่อเกิดจาเรื่องที่เราได้ยิน และเรื่องที่ได้ยินมาจากการประกาศพระวาจาของพระคริสตเจ้า “ (โรม ๑๐: ๑๗) ดังนี้ พระสงฆ์มีพันธะต่อมนุษย์ทุกคน ต้องสอนให้เขามีส่วนรู้ความจริงเรื่องข่าวดี ซึ่งทำให้เขาชื่นชมโสมนัสในพระเจ้า ฉะนั้นไม่ว่าพระสงฆ์จะประพฤติอย่างน่าชมสรรเสริญในท่ามกลางคนต่างศาสนาเพื่อชักจูงเขาให้มาถวายเกียรติแด่พระเป็นเจ้า ไม่ว่าพระสงฆ์จะประกาศข่าวดีอย่างเปิดเผยเพื่อให้ผู้ที่ยังไม่มีความเชื่อรู้เหตุการณ์ลึกล้ำเรื่องพระคริสตเจ้า ไม่ว่าพระสงฆ์จะสอนพระคริสตธรรม หรืออธิบายคำสอนของ พระศาสนจักร ไม่ว่าพระสงฆ์จะวินิจฉัยปัญหาต่าง ๆ ในสมัยของตนโดยอาศัยความสว่างแห่ง   พระคริสตเจ้าในทุกกรณีเหล่านี้พระสงฆ์มีหน้าที่ต้องสอน มิใช่ความปรีชาฉลาดของตนเอง แต่ต้องสอนพระวาจาของพระเป็นเจ้า และต้องเร้าใจชักชวนมนุษย์ทุกคนให้กลับใจและถือความศักดิ์สิทธิ์ ในสถานการณ์ปัจจุบันของโลกบ่อยครั้งเป็นการยากที่พระสงฆ์จะประกาศเทศนา เพื่อเข้าถึงจิตใจของผู้ฟังอย่างได้ผลดียิ่งขึ้น การเทศนานั้นไม่ควรเพียงแต่อธิบายพระวาจาของพระเป็นเจ้าอย่างมูลๆ ทั่วไปและในแบบนามธรรม แต่ควรนำเอาพระวรสารซึ่งเป็นความจริงอยู่เสมอมาใช้กับเหตุการณ์ในชีวิตจริง ๆ

ฉะนั้น จึงมีวิธีประกาศพระวาจาของพระเป็นเจ้าอยู่หลายแบบ แล้วแต่ความต้องการของ   ผู้ฟังและแล้วแต่พระคุณความสามารถของผู้ประกาศ ในประเทศและในชุมนุมที่มิใช่คริสตชน การประกาศข่าวดีจะชักนำมนุษย์ให้มาถือความเชื่อและรับศีล ซึ่งให้ความรอดในหมู่คริสตชนเอง โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่มีความเชื่อน้อย หรือไม่สู้เข้าใจเรื่องที่เขาเชื่อถือ การประกาศพระวาจาก็ยังเป็น    สิ่งจำเป็นสำหรับการโปรดศีลศักดิ์สิทธิ์เอง เพราะศีลศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้เป็นศีลที่ต้องใช้ความเชื่อ และความเชื่อนั้นเกิดขึ้นและดำรงคงอยู่อาศัยพระวาจา ข้อนี้เป็นความจริง โดยเฉพาะในวจนพิธีกรรมในการถวายบูชามิสซา ในพิธีนั้น มีการประกาศการสิ้นพระชนม์และการกลับคืนชีพของพระคริสตเจ้ามีคำตอบของสัตบุรุษที่ฟังการประกาศนั้น มีการถวายพระคริสตเจ้าผู้ประทับตราพันธสัญญาใหม่ด้วยพระโลหิตของพระองค์ บรรดาสัตบุรุษมีส่วนร่วมในการถวายบูชานี้ทั้งด้วยการภาวนาอธิษฐานและการรับศีลศักดิ์สิทธิ์

พระสงฆ์เป็นศาสนบริกรประกอบพิธีศักดิ์สิทธิ์ต่าง ๆและพิธี

๕. พระเป็นเจ้าผู้ศักดิ์สิทธิ์แต่องค์เดียว พระองค์ผู้เดียวทรงทำให้ผู้อื่นศักดิ์สิทธิ์ พระองค์พอพระทัยรับมนุษย์มาเป็นผู้ร่วมงานและผู้รับใช้ที่ถ่อมตนในพระราชกิจที่ทำให้มนุษย์ศักดิ์สิทธิ์ พระเป็นเจ้าอาศัยพระสังฆราชบวชพระสงฆ์เพื่อจุดประสงค์นี้ พระสงฆ์จึงมีส่วนอย่างพิเศษในสังฆภาพของพระคริสตเจ้า พระสงฆ์ประกอบพิธีศักดิ์สิทธิ์เป็นศาสนบริการของพระคริสตเจ้าซึ่งอาศัยพระจิตของพระองค์ยังคงปฏิบัติหน้าที่สงฆ์ในพิธีกรรมเพื่อเราอยู่เสมอมิได้ขาด
เมื่อโปรดศีลล้างบาป พระสงฆ์ นำมนุษย์เข้ามาอยู่ในประชากรของพระเป็นเจ้า เมื่อโปรดศีลอภัยบาป พระสงฆ์ ทำให้มนุษย์กลับคืนดีกับพระเป็นเจ้าและกับพระศาสนจักร เมื่อโปรดศีลเจิมคนไข้ พระสงฆ์บรรเทาทุกข์ผู้ที่กำลังเจ็บป่วย เฉพาะอย่างยิ่งเมื่อประกอบสักการบูชามิสซา พระสงฆ์ถวายเครื่องบูชาของพระคริสตเจ้าในแบบศีล ทุกครั้งที่ประกอบพิธีศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้ –ดังนักบุญอิกญาเซียส์มารตีแห่งอันตีโอเกียยืนยันตั้งแต่ในสมัยแรกแห่งพระศาสนจัการแล้ว - พระสงฆ์ มีความผูกพันเกี่ยวโยงกับสังฆราชตามลำดับชั้นฐานานุกรมโดยวิธีต่าง ๆ และดังนั้นก็เหมือนกับทำให้พระสังฆราชอยู่ในหมู่คริสตชนทุก ๆ หมู่ก็ว่าได้

ศีลศักดิ์สิทธิ์อื่น ๆตลอดจนการปฏิบัติงานทุกอย่างของพระศาสนจักรรวมทั้งงานแพร่ธรรมทุกชนิดล้วนแต่เกี่ยวโยงถึงศีลมหาสนิทและมุ่งไปยังศีลมหาสนิททั้งสิ้น เพราะศีลมหาสนิทมีขุมมหาสมบัติฝ่ายวิญญาณของพระศาสนจักรไว้ทั้งหมด คือองค์พระคริสตเจ้าเอง ผู้เป็นปัสกาของเราและปังอันทรงชีวิต อาศัยพระกายซึ่งทำให้มีชีวิตและสามารถให้ชีวิต เดชะพระจิตพระองค์ประทานชีวิตแก่มนุษย์ ทรงเชิญชวนและชักจูงมนุษย์ถวายตนเองตลอดจนการงานและสรรพสิ่งที่พระทรงสร้างมานั้นร่วมกับพระองค์

ฉะนั้นเราจึงเห็นว่าศีลมหาสนิทเป็นบ่อเกิดและจุดสุดยอดแห่งการประกาศข่าวดี คริสตชนสำรอง ได้รับการเตรียมเป็นขั้น ๆ เพื่อไปรับศีลมหาสนิท ส่วนคริสตชนที่ได้รับศีลล้างบาปและศีลกำลังแล้ว เมื่อรับศีลมหาสนิทร่วมเข้าอยู่ในพระกายของพระคริสตเจ้าอย่างสมบูรณ์

รวมความว่าการประกอบพิธีสักการบูชาขอบพระคุณจึงเป็นหัวใจของที่ชุมนุมคริสตชนซึ่งมีพระสงฆ์อยู่เป็นประธาน ดังนี้พระสงฆ์ต้องสอนสัตบุรุษให้ถวายพระผู้เป็นเครื่องบูชายัญแด่พระบิดาเจ้าในมหาบูชามิสซา กับให้ถวายชีวิตของตนพร้อมกับเครื่องบูชานั้น ตามเจตนารมณ์ของพระคริสตเจ้าผู้ทรงเป็นชุมพาบาล พระสงฆ์ ต้องอบรมสัตบุรุษให้สารภาพบาปต่อพระศาสนจัการด้วยใจตรอมตรมเป็นทุกข์ในศีลอภัยบาป เขาจะได้กลับใจมาหาพระเจ้ามากยิ่งขึ้นทุกวัน โดยคิดถึงพระวาจาของพระองค์ผู้ตรัสว่า”จงสำนึกผิดเถิด เพราะอาณาจักรสวรรค์อยู่ใกล้แล้ว” (มัต. ๔ : ๑๗)

ในทำนองเดียวกัน พระสงฆ์ ต้องสอนสัตบุรุษให้มีส่วนร่วมในการประกอบพิธีกรรมต่าง ๆ ในแบบที่สามารถภาวนาอธิษฐานในพิธีกรรมต่าง ๆ  ในแบบที่สามารถภาวนาอธิษฐานในพิธีกรรมเหล่านั้นได้อย่างแท้จริง พระสงฆ์ ต้องแนะนำให้สัตบุรุษมีจิตตารมณ์แห่งการภาวนาอธิษฐานตลอดชีวิตของเขาอย่างซาบซึ้งยิ่ง ๆขึ้นไปตามพระหรรษทานและความต้องการของแต่ละคน พระสงฆ์ต้องเตือนให้ทุกคนปฏิบัติหน้าที่ตามฐานะ และเตือนคนที่ก้าวหน้าในความศักดิ์สิทธิ์มากกว่าคนอื่นให้ปฏิบัติตามข้อแนะนำในพระวรสารโดยใช้วิธีที่เหมาะแก่แต่ละคน พูดสั้น ๆว่าพระสงฆ์ต้องสอนสัตบุรุษให้ขับร้องบทเพลงสรรเสริญและบทเพลงศรัทธาสดุดีพระเป็นเจ้าด้วยสิ้นสุดดวงใจ ขอบพระคุณพระบิดาเจ้าทุกเวลาเพราะพระคุณทั้งปวงในนามของพระเยซูคริสต์ พระเจ้าของเรา

หลังจากสรรเสริญและขอบคุณพระเป็นเจ้าเวลาประกอบพิธีสักการบูชามิสซาแล้ว พระสงฆ์ยังสรรเสริญและขอบพระคุณต่อไปในชั่วโมงต่าง ๆ ตลอดวันในเวลาทำวัตรด้วย เวลาทำวัตรนั้น  พระสงฆ์ภาวนาอ้อนวอนพระเป็นเจ้าในนามของพระศาสนจัการอุทิศแก่ประชากรทั้งมวลที่ฝากไว้กับตนและอุทิศแก่โลกทั้งหมด้วย

เคหะสำหรับสวดภาวนาเป็นสถานที่ประกอบพิธีบูชาขอบพระคุณและเก็บศีลมหาสนิท และเป็นสถานที่ซึ่งสัตบุรุษมาชุมนุมกันนมัสการพระบุตรของพระเป็นเจ้าพระผู้ไถ่ของเรา ผู้ถวายองค์เพื่อชาวเราบนพระแท่นบูชาและประทับอยู่เพื่อเป็นกำลังค้ำจุนคริสตชนและความอบอุ่นใจของเขา เคหะที่กล่าวนี้ต้องสวยงามเหมาะสำหรับการภาวนาอธิษฐานและการประกอบพิธีกรรม ในสถานที่นี้ทั้งผู้อภิบาลสัตบุรุษและสัตบุรษได้รับการเชิญชวนให้ตอบสนองแสดงความรู้สำนึกถึงพระคุณของพระผู้ประทานชีวิตของพระเจ้ามาสู่ส่วนอวัยวะแห่งพระกายอาศัยมนุษยภาพของพระองค์โดยไม่หยุดยั้ง พระสงฆ์ต้องเอาใจใส่บำรุงความรู้และศิลปะเกี่ยวกับพิธีกรรมเต็มความสามารถ เพื่อการประกอบพิธีกรรมของพระสงฆ์จะได้อำนวยให้กลุ่มคริสตชนต่าง ๆในความดูแลของตนได้สรรเสริญพระบิดา   พระบุตร และพระจิตอย่างสมบูรณ์ยิ่งขึ้นเสมอ

พระสงฆ์เป็นหัวหน้าประชากรของพระเป็นเจ้า

๖. พระสงฆ์ปฏิบัติหน้าที่ของพระคริสตเจ้าผู้เป็นศีรษะและนายชุมพาบาลตามระดับอำนาจที่ตนที พระสงฆ์ในนามของพระสังฆราช รวมครอบครัวของพระเป็นเจ้าให้มาเป็นกลุ่มพี่น้องที่มีความกลมเกลียวเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน แล้วนำไปหาพระบิดาเจ้าด้วยอาศัยพระคริสตเจ้าในพระจิต เพื่อ ปฏิบัติงานนี้ตลอดจนหน้าที่อื่น ๆของสงฆ์ พระสงฆ์ได้รับอำนาจฝ่ายวิญญาณสำหรับเสริมสร้าง พระศาสนจักรขึ้น ในงานเสริมสร้างนี้ พระสงฆ์แสดงความใจดีต่อมนุษย์ทุกคนอย่างมากที่สุดตามพระฉบับของพระเจ้าของเรา พระสงฆ์ควรปฏิบัติต่อผู้อื่นมิใช้ตามที่โลกเขาทำกัน แต่ตามที่พระคริสตธรรมและชีวิตแบบคริสตชนจะเรียกร้องให้กระทำ พระสงฆ์ควรสอนและเตือนมนุษย์เหมือนกับเป็นลูกที่รักยิ่ง ที่นักบุญเปาโลกล่าวว่า “ท่านจงประกาศพระวาจาย้ำแล้วย้ำอีก ทั้งเมื่อสบโอกาสเหมาะ และไม่สบโอกาสเหมาะ จงติเตียน ตักเตือน เร้าใจด้วยความพากเพียรและพร่ำสอน” (๒ ทธ. ๔ : ๒)

เพราะฉะนั้น พระสงฆ์ในฐานะเป็นผู้ฝึกฝนคริสตชนให้มีความเชื่อ จึงต้องเอาใจใส่กวดขันด้วยตนเองหรืออาศัยคนอื่นให้คริสตชนแต่ละคนพึ่งพระจิตเพื่อบรรลุถึงการทำให้กระแสเรียกส่วนตัวของคนงอกงามตามคำสั่งสอนของพระวรสาร เพื่อบรรลุถึงความรักอย่างจริงใจและอย่างเข้มแข็ง และเพื่อบรรลุถึงเสรีภาพซึ่งพระคริสตเจ้าทรงใช้กอบกู้เราให้เป็นอิสระ จารีตพิธี แม้จะงามสง่าสักเพียงไร หรือสังคมจะเจริญสักเพียงไร จะไม่มีประโยชน์ ถ้าไม่ใช้สำหรับอบรมมนุษย์ให้บรรลุถึงความสุขุมคัมภีรภาพแบบคริสตชน เพื่อบรรลุถึงสุขุมคัมภีรภาพที่กล่าวนี้ พระสงฆ์จะต้องช่วยคริสตชนให้ รู้จักพิจารณาเหตุการณ์ไม่ว่าน้อยหรือใหญ่และรับว่าสถานการณ์เรียกร้องให้ทำอะไรและพระเป็นเจ้ามีพระประสงค์เป็นประการใด นอกจากนั้นพระสงฆ์ยังต้องอบรมคริสตชนมิให้เจริญชีวิตเพื่อตนเองเท่านั้น แต่ให้รู้จักนำพระพรที่แต่ละคนได้รับมารับใช้ผู้อื่นตามที่บัญญัติใหม่แห่งความรักเรียกร้อง ทั้งนี้เพื่อให้ทุกคนได้ทำหน้าที่ของตนเยี่ยงคริสตชนในสังคม

จริงอยู่ พระสงฆ์มีพันธะที่จะรับใช้มนุษย์ทุกคน แต่ควรคำนึงกัน คนจนและคนอ่อนแอที่ฝากฝังไว้กับพระสงฆ์อย่างพิเศษ พระคริสตเจ้าเองก็เคยแสดงว่า พระองค์ทรงมีส่วนเกี่ยวพันกับเขา และทรงประกาศข่าวดีแก่คนเหล่านี้เป็นเครื่องหมายอันหนึ่งที่แสดงภารกิจของพระเมสสิอาห์ พระสงฆ์ยังต้องเอาใจใส่พวกเยาวชนเป็นพิเศษ อีกทั้งสามีภรรยาและพ่อแม่ด้วย เป็นที่น่าปรารถนาให้คนสองพวกหลังนี้รวมเป็นกลุ่ม แล้วช่วยเหลือกันและกันให้ดำรงชีวิตตามพระคริสตธรรมได้ง่ายขึ้นและครบถ้วนยิ่งขึ้น เพราะชีวิตของเขามักจะมีความลำบากมิใช่น้อย

พระสงฆ์ต้องไม่ลืมนักบวชทั้งชายและหญิงด้วย นักบวชเป็นพวกที่มีเอกสิทธิ์ในพระเคหะของพระเป็นเจ้า จึงสมควรที่พระสงฆ์จะเอาใจใส่เป็นพิเศษให้เขาก้าวหน้าทางวิญญาณเพื่อคุณประโยชน์ของพระศาสนจักรทั่วไป ที่สุดพระสงฆ์ต้องเอาใจใส่เป็นอย่างยิ่งต่อคนป่วยและคนใกล้จะตาย พระสงฆ์ต้องไปเยี่ยมและให้กำลังใจเขาในนามของพระเป็นเจ้า

แต่หน้าที่อภิบาลสัตบุรุษนี้ไม่ใช่มีเพียงการเอาใจใส่คริสตชนเป็นคน ๆ เท่านั้น แต่ยังมีภาระโดยเฉพาะต้องสร้างกลุ่มคริสตชนแท้ขึ้นมา อันว่าจิตตารมณ์กลุ่มจะพัฒนาเจริญเท่าที่ควรก็เฉพาะเมื่อจิตตารมณ์นั้นไม่มมองแต่คริสตจักรท้องถิ่นแต่ต้องมองเลยไปถึงพระศาสนจักรสากลด้วย กลุ่มท้องถิ่นต้องเอาใจใส่มิใช่แต่สัตบุรุษของตนเองเท่านั้น แต่ต้องดื่มด่ำไปด้วยจิตตารมณ์ของธรรมฑูตและแผ้วถางทางให้มนุษย์ทุกคนเดินไปหาพระคริสตเจ้า อย่างไรก็ดีกลุ่มท้องถิ่นต้องเอาใจใส่เป็นพิเศษต่อผู้เตรียมรับศีลล้างบาปกับผู้รับศีลล้างบาปใหม่ ซึ่งจะต้องค่อยรับการอบรมให้รู้จักและถือชีวิตคริสตชน

แต่ไม่มีกลุ่มคริสตชนแห่งใดจะตั้งขึ้นได้โดยไม่ยึดเอาการประกอบพิธีบูชาขอบพระคุณเป็นรากและศูนย์กลาง ฉะนั้นการฝึกฝนจิตตารมณ์กลุ่มไม่ว่าแบบใดต้องเริ่มต้นด้วยการประกอบพิธีบูชา การประกอบพิธีนี้ ถ้าทำด้วยความซาบซึ้งตรึงใจอย่างแท้จริงแล้ว จะต้องโน้มนำเราให้ประกอบกิจเมตตาต่าง ๆ และการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ตลอดจนงานธรรมฑูตและการเป็นพยานถึงพระคริสตเจ้าในรูปต่าง ๆ

นอกจากนั้น เมื่อกลุ่มคริสตชนประกอบกิจเมตตา สวดภาวนา เป็นแบบฉบับดีและทำกิจใช้โทษบาปนั้น ก็ทำหน้าที่เป็นมารดาจริง ๆ ต่อวิญญาณที่ต้องนำมาหาพระคริสตเจ้า กลุ่มคริสตชนเป็นเครื่องมืออันมีประสิทธิภาพสำหรับชี้หรือเตรียมทางไปหาพระคริสตเจ้าและพระศาสนจักรของพระองค์ให้แก่ผู้ยังไม่เชื่อ สำหรับปลุกสัตบุรุษให้ตื่นขึ้นและเลี้ยงบำรุงเขาให้มีกำลังสำหรับทำการสู้รบฝ่ายวิญญาณ

เมื่อสร้างกลุ่มคริสตชนขึ้น พระสงฆ์จะคิดทำการรับใช้ลัทธิหรือพรรคใดของมนุษย์ไม่ได้   พระสงฆ์เป็นผู้ประกาศข่าวดีและชุมพาบาลของพระศาสนจักร ซึ่งต้องอุทิศกำลังสำหรับทำให้พระกายของพระคริสตเจ้าเติบใหญ่ขึ้นทางฝ่ายวิญญาณ

ข.ความสัมพันธ์ของพระสงฆ์กับผู้อื่น

ความสัมพันธ์ระหว่างพระสังฆราชและพระสงฆ์

๗. พระสงฆ์ทุกองค์รวมทั้งบรรดาพระสังฆราชมมีส่วนร่วมในงานหน้าที่และสังฆภาพอันหนึ่งอันเดียวกันของพระคริสตเจ้า ศีลบวชและภารกิจของพระสงฆ์เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน จึงต้องร่วมสัมพันธ์เป็นหนึ่งเดียวตามลำดับชั้นกับตำแหน่งพระสังฆราช การร่วมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับพระสังฆราชเห็นได้ชัดทีเดียวเมื่อมีการประกอบพิธีกรรมร่วมกัน และพระสงฆ์ยังยืนยันอย่างจะแจ้งในเวลาประกอบพิธีสักการบูชาขอบพระคุณกับพระสังฆราช เหตุฉะนี้เนื่องด้วยพระสงฆ์ได้รับพระคุณของพระจิตเวลาบวช พระสังฆราชจึงต้องถือพระสงฆ์เป็นผู้ช่วยที่จำเป็นต้องมีและเป็นที่ปรึกษาในการทำหน้าที่สังฆราชและในหน้าที่เป็นผู้สอน อภิบาล และทำให้ประชากรของพระเป็นเจ้าศักดิ์สิทธิ์

ตั้งแต่ในสมัยเริ่มแรกของพระศาสนจักรแล้ว มีบทพิธีกรรมซึ่งเน้นถึงความสัมพันธ์ที่กล่าวนี้อย่างแข็งแรง บทพิธีกรรมนั้นวิงวอนขอพระเป็นเจ้าอย่างสง่าขอโปรดให้ผู้ที่รับศีลบวชเป็นพระสงฆ์มี “จิตตารมณ์แห่งพระหรรษทานและความคิดอ่านเพื่อจะได้สงเคราะห์และปกครองประชากรของ   พระเป็นเจ้าด้วยจิตใจอันบริสุทธิ์” เช่นเดียวกับในถิ่นทุรกันดาร พระประทานจิตตารมณ์ของโมเซสให้แก่ผู้ปรีชาเจ็ดสิบคน “เพื่อว่าเมื่อได้คนเหล่านั้นเป็นผู้ช่วยแล้ว โมเซสจะได้ปกครองประชาชนซึ่งมีจำนวนมากมายเหลือคณานับได้โดยสะดวก”

เพราะพระสงฆ์มีส่วนร่วมในหน้าที่และสังฆภาพอันหนึ่งอันเดียวกันนี้เอง พระสังฆราชจึงต้องถือพระสงฆ์เป็นพี่น้อง และมิตร กับต้องมีแก่ใจคิดถึงสวัสดิการของพระสงฆ์ทางฝ่ายการและ โดยเฉพาะฝ่ายวิญญาณ เพราะก่อนอื่นตกเป็นหน้าที่ของพระสังฆราชที่จะรับผิดชอบในการช่วยให้พระสงฆ์มีความศักดิ์สิทธิ์ เพราะฉะนั้นพระสังฆราชต้องมีความห่วงใยถึงการอบรมพระสงฆ์ใน      ปกครองให้ก้าวหน้าเสมอ พระสังฆราช ควรเต็มใจฟังพระสงฆ์แสดงความคิดเห็น ควรปรึกษาหารือและประชุมกับพระสงฆ์ถึงเรื่องเกี่ยวกับประโยชน์ของสังฆมณฑล และความต้องการในงานอภิบาลสัตบุรุษ เพื่อให้ความคิดนี้สัมฤทธิ์ผล ควรตั้งคณะกรรมการหรือสภาสงฆ์ขึ้นเป็นผู้แทนของคณะสงฆ์  โดยวิธีที่เหมาะที่สุดสำหรับภาวนาการณ์และความต้องการในปัจจุบัน ให้มีกฎข้อบังคับกำหนดว่าคณะกรรมการหรือสภานี้ต้องมีโครงสร้างอย่างไร แล้วต้องดำเนินการอย่างไร เพื่อให้คำแนะนำช่วยพระสังฆราชในการปกครองสังฆมณฑลอย่างมีประสิทธิภาพ

พระสงฆ์ต้องคำนึงว่าพระสังฆราชาเป็นผู้ได้รับศีลบวชอย่างบริบูรณ์ครบถ้วน พระสงฆ์จึงต้องเคารพพระสังฆราชโดยถือว่าพระสังฆราชกำอำนาจของพระคริสตเจ้าผู้เป็นชุมพาบาลสูงสุด พระสงฆ์ต้องมีความจงรักภักดีอย่างจริงใจต่อพระสังฆราชของตนโดยมีความรักและความเชื่อฟัง การที่พระสงฆ์ต้องเชื่อฟังโดยมีเจตนารมณ์ของการร่วมมือกันนั้น ก็เพราะหลักที่ว่าพระสงฆ์มีส่วนในหน้าที่ของพระสังฆราชซึ่งพระสงฆ์ได้รับโดยศีลบวชและการอบรมภารกิจตามกฎหมายของ      พระศาสนจักร

ทุกวันนี้ การร่วมเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวระหว่างพระสงฆ์กับพระสังฆราชเป็นสิ่งจำเป็นยิ่งขึ้น เพราะในสมัยของเรานี้ เนื่องจากเหตุผลหลายประการ งานธรรมฑูตมิใช้ต้องทำเป็นหลาย ๆแบบ เท่านั้น แต่ยังต้องขยายให้เลยเขตของสังฆตำบลหนึ่งหรือสังฆมณฑลหนึ่งไปอีก ฉะนั้นไม่มีพระสงฆ์องค์ใดสามารถจะปฎิบัติภารกิจของตนอย่างเป็นที่น่าพอใจได้ถ้าแยกทำหรือทำคนเดียว : พระสงฆ์จะทำได้ก็แต่โดยร่วมกำลังกับพระสงฆ์อื่น ภายใต้การนำของบรรดาผู้ปกครองแห่งพระศาสนจักร