หน้าหลักเช็คเมลล์ติดต่อเราสมุดเยี่ยมลิงค์คาทอลิกแผนผังเวบไซด์

ค้นหาข้อมูล :

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

การเผยของพระเป็นเจ้า พิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์
การแพร่ธรรมของฆราวาส เล่ม 2

บทที่  2 : การมอบพระธรรมที่พระเป็นเจ้าทรงเผยให้รู้นั้นสืบต่อกันมา

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

 พระธรรมนูญ เรื่องการเผยของพระเป็นเจ้า

๗. ด้วยพระทัยดีหาขอบเขตมิได้ พระเป็นเจ้าทรงจัดไว้ว่า พระธรรมที่พระองค์ทรงเผยให้รู้เพื่อความรอดของนานาชาตินั้น จะต้องคงอยู่ไปอย่างครบถ้วน และมอบให้แก่คนรุ่นหลังสืบต่อกันไปทุกอายุขัย. ด้วยเหตุนี้พระคริสตเจ้าองค์พระเจ้า – ผู้ทรงเผยความจริงของพระเป็นเจ้าผู้สูงสุดในขั้นสมบูรณ์ (๒ คร. ๑:๒๐. ๓:๑๖, ๔;๖) เมื่อได้ทรงกระทำให้ “ข่าวดี” สำเร็จไปตามสัญญาของประกาศก และทรงประกาศ “ข่าวดี” นั้นด้วยพระองค์เอง ก็ทรงแต่งตั้งบรรดาอัครธรรมทูตให้ไปประกาศ “ข่าวดี” ให้คนทั้งหลายรู้ว่า “ข่าวดี” นั้นเป็นแหล่งที่มาของความจริงทั้งปวงที่จะนำความรอดมาให้และของระเบียบศีลธรรม. ดังนี้พระเยซูเจ้าก็ทรงประทานพรสวรรค์ไว้กับบรรดาอัครธรรมทูต อัประมาณธรรมทูตก็ทำหน้าที่สำเร็จไปอย่างซื่อสัตย์. อาศัยการประกาศด้วยวาจา แบบอย่างและสถาบันต่างๆ บรรดาอัครธรรมทูตก็มอบพระธรรมแก่ผู้อื่นต่อไป พระธรรมนี้ท่านได้จากพระวาจา การอยู่กับพระคริสตเจ้าและกิจการของพระคริสต์ หรือเรียนรู้อาศัยการดลใจของพระจิตเพื่อทำหน้าที่ให้สำเร็จ. บรรดาอัครธรรมทูตและคนอื่นในวงใกล้ชิดกับท่านยังเขียนสารแห่งความรอดนี้ไว้เป็นลายลักษณ์อักษร โดยอาศัยดลใจของพระจิตองค์เดียวเท่านั้น

เพื่อจะรักษาข่าวดี ให้ครบถ้วนและมีชีวิตชีวาไว้ในพระศาสนจักรบรรดาอัครธรรมทุตจจึงตั้งสังฆราชให้เป็นผู้สืบตำแหน่งต่อไป และ “มอบหน้าที่สั่งสอนของท่านแก่บรรดาสังฆราช” ดังนั้นธรรมประเพณีศักดิ์สิทธิ์และพระคัมภีร์ทั้งพันธสัญญาเดิมและพันธสัญญาใหม่ก็เป็นเหมือนกระจกเงาที่พระศาสนจักรซึ่งยังเดินทางในโลกนี้ใช้ส่องรำพึงถึงพระเจ้า พระศาสนาจักรรับทุกสิ่งจากพระองค์จนกว่าจะได้เห็นพระองค์หน้าต่อหน้า ดังที่พระองค์ทรงเป็นอยู่ (๑ ยน. ๒:๓)

๘. ดังนั้น ข่าวดีที่บรรดาอัครธรรมทูตประกาศและบันทึกไว้อย่างพิเศษในพระคัมภีร์ ก็ได้รับการรักษาไว้อาศัยการรับตำแหน่งต่อกันไปจนถึงสิ้นพิภพ. บรรดาอัครธรรมเมื่อได้มอบพระธรรมที่ได้มาต่อไปแล้ว ก็เตือนสัตบุรุษให้ยึดธรรมประเพณีมั่นไว้ ไม่ว่าเขาจะเรียนรู้การสั่งสอนด้วยวาจาหรือจดหมายก็ตาม (๒ ธส. ๒,๑๕) และให้ต่อสู้เพื่อรักษาความเชื่อที่ได้รับมาแล้ว และจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงอีกเลย (ยค. ๓) ส่วนธรรมประเพณีที่บรรดาอัครธรรมทูตได้รับมานั้นก็มีทุกสิ่งทุกอย่างที่ส่งเสริมให้บรรดาประชากรของพระเป็นเจ้าดำรงชีวิตอย่างศักดิ์สิทธิ์ และทวีความเชื่อของตนได้. ดังนั้นพระศาสนจักรอาศัยการสอน การดำรงชีวิต และคารวกิจ ก็รักษาทุกสิ่งที่ตัวเองเป็นและตัวเองเชื่อนั้นไว้ให้ถาวรตลอดกาล และมอบให้แก่ชนทุกรุ่นต่อไปทุกอายุขัย

ธรรมประเพณีจากอัครธรรมทูตยังคงก้าวหน้าต่อไปในพระศาสนจักรอาศัยความช่วยเหลือจากพระจิต เหตุว่าความเข้าความเป็นจริงและพระวาจาที่สอนกันต่อมานั้นเจริญขึ้นอาศัยการศึกกษาและการรำพึงพิจารณาในใจของบรรดาผู้มีความเชื่อ (ลก. ๒:๑๙ - ๕๑) หรืออาศัยประสบการณ์ช่วยหยั่งลึกลงไปในความเจริญฝ่ายวิญญาณของตน หรืออาศัยการเทศน์ของบรรดาผู้ที่ได้รับพระคุณพิเศษให้เข้าใจความจริงพร้อมกับการสืบตำแหน่งพระสังฆราช. ดังนี้ – ตลอดทุกศตวรรษเสมอไป – พระศาสนจักรก็มุ่งหน้าาไปยังความเข้าใจความจริงของพระเป็นเจ้าอย่างสมบูรณ์จนกว่าพระวาจาของพระเจ้าจะสำเร็จไปในตน

วาทะของบรรดาปิตาจารย์ผู้ศักดิ์เป็นพยานยืนยันว่ามีธรรมประเพณีที่ให้ชีวิตอยู่ในพระศาสนจักรจริงๆ. ความอุดมจากธรรมประเพณีหลั่งลงสู่ชีวิตและการปฏิบัติของพระศาสนจักรที่มีความเชื่อและภาวนา, อาศัยธรรมประเพณีเดียวกันนี้ พระศาสนจักรจึงรู้สารบัญทั้งหมดของพระคัมภีร์ เข้าใจพระคัมภีร์อย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้นและมีผลในกิจการมิได้ขาด. ในทำนองพระเป็นเจ้าผู้ทรงมีพระวาจาในกาลก่อน ก็ยังทรงสนทนากับเจ้าสาวของพระบุตรที่สุดรักของพระองค์มิได้ขาด ส่วนพระจิตซึ่งโปรดให้เสียงอันมีชีวิตที่ประกาศข่าวดีเรื่องพระคริสตเจ้าดังก้องในพระศาสนจักรและดังไปทั่งโลกอาศัยพระศาสนจักรนั้น ก็ชักนำผู้มีความเชื่อให้รู้ความจริงทั้งปวงและให้พระวาจาของพระคริสตเจ้าอยูในตัวเขาอย่างอุดม (คส, ๓:๑๖)

๙. ดังนี้ จึงมีการเกี่ยวข้องแและการสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดระหว่างธรรมประเพณีศักดิ์สิทธิ์และพระคัมภีร์ ทั้งสองมาจากธารของพระเป็นเจ้าอันเดียวกัน รวมเป็นหนึ่งเดียวกันและมุ่งไปยังจุดหมายเดียวกัน เพราะว่าพระคัมภีร์เป็นพระวาจาของพระเป็นเจ้าโดยนัยที่ผู้เขียนได้รับการดลใจของพระจิต ส่วนธรรมประเพณีศักดิ์สิทธ์รับพระวาจาของพระเป็นเจ้าที่พระคริสต์องค์พระเจ้าและพระจิตมอบให้แก่อัคระรรมทูตนั้นไว้ และมอบให้แก่ผู้สืบตำแหน่งของอัครธรรมทูตอย่างครบครัน เพียงที่บรรดาผู้สืบตำแหน่งอาศัยความสว่างของพระจิตแห่งความจริงชักนำเพื่อประกาศพระวาจา ก็สามารถรักษาไว้ได้อย่างถูกต้องอธิบายได้และแพร่หลายทั่วไปได้. ดังนั้นพระศาสนจักรมิได้พึ่งพระคัมภีร์อย่างเดียว เพื่อจะได้แน่ใจถึงพระธรรมทั้งหมดที่พระเป็นเจ้าทรงเผยให้รู้ เราจึงต้องรับทั้งพระคัมภีร์และธรรมประเพณีศักดิ์สิทธิ์ และนับถือด้วยความจงรักภักดีและเคารพเท่าๆ กัน

๑๐.  ธรรมประเพณีศักดิ์สิทธิ์และพระคัมภีร์รวมกันเป็นคลังเดียวอันศักดิ์สิทธิ์ซึ่งบรรจุพระวาจาของพระเป็นเจ้าที่พระศาสนจักรได้รับมอบไว้ ประชากรศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายรวมเป็นหนึ่งเดียวกับสังฆราชผู้อภิบาลสัตบุรุษยึดพระวาจานี้มั่นไว้ดำเนินอย่างมั่นคงในคำสอนของอัครธรรมทูตในชีวิตร่วมกันฉันพี่น้องในการหักปังและในการภาวนา (กจ. ๒:๔๒) ดังนี้ก็มีการช่วยร่วมมืออย่างหาเปรียบมิได้ในระหว่างสัตบุรุษและสังฆราชของเขา ในเรื่องเกี่ยวกับการรักษา การปฏิบัติและการแสดงความเชื่อที่ได้รับเป็นมรดกมาแต่หน้าที่ที่จะอธิบายพระวาจาของพระเป็นเจ้า ทั้งที่เขียนไว้และวาจานั้นให้อย่างถูกต้อง ตกอยู่กับพระศาสนจักรแต่ผู้เดียวซึ่งมีหน้าที่สั่งสอนและใช้อำนาจนี้ในนามของพระเยซุคริสตเจ้า. หน้าที่สั่งสอนนี้มิได้อยู่เหนือพระวาจาของพระเป็นเจ้า แต่รับใช้พระวาจา สอนแต่พระธรรมที่ได้มอบมา ฟังพระวาจานี้ด้วยความศรัทธารักษาไว้ด้วยความเคารพและอธิบายด้วยความซื่อสัตย์ จากคลังเดียวแห่งความเชื่อนี้ พระศาสนจักรชักเอาพระธรรมทุกข้อที่ตนเสนอให้เชื่อว่าเป็นข้อที่พระเป็นเจ้าทรงเผยให้รู้
ดังนั้น จึงเห็นชัดว่า ตามแผนการอันเปี่ยมด้วยพระปรีชาญาณของพระเป็นเจ้า ธรรมประเพณีศักดิ์สิทธิ์ พระคัมภีร์ และอำนาจสั่งสอนของพระศาสนจักร มีความเกี่ยวพันร่วมกันอย่างที่ว่า แต่ละอย่างจะอยู่ไม่ได้โดยไม่อาศัยอีกสองอย่าง ทั้งสามอย่างต่างก็ส่งเสริมความรอดของวิญญาณอย่างสัมฤทธิ์ผล อาศัยแต่ละกิจการของพระจิตองค์เดียวกัน