57. ความสนิทสนมใกล้ชิดเป็นหนึ่งเดียวของพระมารดากับพระบุตรในพระภารกิจแห่งความรอดนั้น
ปรากฏชัดนับตั้งแต่พระคริสตเจ้าทรงรับเอาการปฏิสนธิอันพรหมจรรย์จวบจนกระทั่งพระองค์ทรงถึงแก่มรณธรรม. ก่อนหมดคราวเมื่อพระแม่มารีทรงขมีขมันเดินทางไปเยือนนางเอลีซาเบ็ธ, คราวนั้นนางผู้นี้ได้กล่าวคำคำนับพระแม่เจ้าว่า ทรงเป็นผู้มีบุญ เพราะได้ทรงเชื่อฟังคำมั่นสัญญาเรื่องความรอด และองค์ผู้เดินนำหน้าพระมหาไถ่ ผู้อยู่ในครรโภธรของนางเอลีซาเบ็ธก็โลดเต้น (เทียบ ลก. 1,41-45), ในคราวพระคริสตสมภพ พระเทวมารดาก็ได้อุ้มแสดงให้พวกชุมพาบาล และคณะมหาบัณฑิตแลเห็นพระบุตรหัวปีของพระนาง, การประสูติพระบุตรนี้มิได้ทำให้พรหมจรรย์อันครบถ้วนของพระนางลดน้อยถอยลงเลย, แต่กลับบันดาลให้ศักดิ์สิทธิ์ยิ่งขึ้นอีก. คราวเมื่อพระมารดาทรงถวายพระบุตรแด่พระสวามีเจ้าในพระวิหาร, โดยทรงนำของถวายประสาคนยาก, ในคราวนั้นพระนางได้ยินท่านซีเมออนกล่าวคำทักทายว่า พระบุตรของพระนางผู้นี้จะเป็นเป้าเครื่องหมายให้คนเขาถกเถียง และดาบเล่มหนึ่งจะทิ่มแทงทะลุดวงพระหทัยของพระนาง ทั้งนี้เพื่อเปิดเผยความนึกคิด (เร้นลับ) จากดวงใจของคนจำนวนมาก (เทียบ ลก. 2,34-35). คราวพระกุมารเยซูทรงหายไป, ท่านบิดามารดาก็ตามหาด้วยความทุกข์ระทม และได้พบพระองค์ในพระวิหารกำลังทรงปฏิบัติพระภารกิจของพระบิดาของพระองค์, ท่านทั้งสองมิได้เข้าใจวาจาของพระบุตร, แต่พระมารดาก็ทรงเก็บทุกสิ่งทุกอย่างไว้ในพระหทัยเพื่อพิจารณาตรึกตรอง (เทียบ ลก. 2,41-51).
|