49. พระสวามีเจ้าจะเสด็จมา
ประกอบด้วยพระมหิทธิศักดิ์, อินทร์พรหมเทวดาทั้งหลายเป็นบริวารห้อมล้อมพระองค์ (เทียบ มธ. 25,31), และเมื่อนั้นความตายจะทลายสูญสิ้น และสรรพสิ่งต่าง ๆ จะอยู่ใต้อำนาจของพระองค์ท่าน (เทียบ 1 คร. 26-27) แต่ก่อนจะถึงเวลาที่กล่าวนี้, ศิษยานุศิษย์ของพระองค์, บ้างกำลังเดินทางระเหระหนอยู่ในแผ่นดิน, บ้างก็ถึงแก่กรรมแล้ว, กำลังชำระล้างตนให้บริสุทธิ์ผุดผ่อง, บ้างกำลังเสวยพระเกียรติมงคล, กำลังเพ่งมองดูพระผู้เป็นเจ้าอย่างกระจ่างชัดเจน แลเห็นสามพระบุคคล และพระเป็นเจ้าเดียวอย่างที่ทรงเป็น, ถูกแล้ว แม้เราคนละคนมีหลั่นชั้นและแบบทำนองต่างกัน แต่เราต่างคนต่างมีความรักอันเดียวกันต่อพระเป็นเจ้าและต่อเพื่อนมนุษย์, เราขับร้องเพลงสดุดีบทเดียวกัน เพื่อถวายเกียรติมงคลแด่พระเป็นเจ้า, เราทุกคนรวมกันเป็นของพระคริสตเจ้า, ต่างก็มีพระจิตเจ้าของพระองค์ และต่างก็ผนึกแน่นติดกับพระองค์ (เทียบ อฟ. 4,16). ฉะนั้น ความสัมพันธ์ของพวกที่กำลังเดินทางกับบรรดาพี่น้องที่ได้สิ้นใจ หลับอยู่ในสันติสุขของพระคริสตเจ้า, ก็หาเป็นการแตกต่างจากกันไม่. แต่ความเชื่อที่พระศาสนจักรยึดมั่นอยู่เสมอมา, ความสัมพันธ์อันนั้นกลับแน่นแฟ้นยิ่งขึ้นอีก ด้วยการมีส่วนร่วมกันทางทรัพยากรด้านวิญญาณนั่นเอง. เพราะการที่ชาวสวรรค์สนิทชิดเชื้อกับพระคริสตเจ้ามากขึ้น มีความศักดิ์สิทธิ์แน่นหนาขึ้น, คารวกิจที่พระศาสนจักรประกอบถวายแด่พระเป็นเจ้าในโลกนี้ บรรดาชาวสวรรค์ก็ช่วยเพิ่มศักดิ์ศรีขึ้น และพวกท่านก็สนับสนุนด้วยทำนองหลายสีหลายอย่างให้พระศาสนจักรเจริญยิ่ง ๆ ขึ้น (เทียบ 1 คร. 12,12-27). เหตุว่า เมื่อพวกท่านได้บรรลุถึงถิ่นฐาน (เที่ยงแท้) แล้ว, ท่านอยู่ใกล้ชิดกับองค์พระคริสตเจ้า (2 คร. 5,8), ท่านอยู่โดยพระองค์, ร่วมกับพระองค์และในพระองค์, ท่านไม่หยุดหย่อนทำการเสนอวิงวอนพระเป็นเจ้า เพื่อประโยชน์ของชาวเรา, ท่านนำขึ้นทูลถวายบุญกุศลที่ท่านได้ประกอบขึ้นบนแผ่นดิน, ได้ประกอบขึ้นโดยอาศัยองค์คนกลางแต่ผู้เดียว คือพระเยซูคริสตเจ้านั่นเอง (เทียบ 1 ธส. 2,5), ท่านช่วยบริการรับใช้พระสวาเจ้าในทุก ๆ เรื่อง, ท่านเสริมสร้างสิ่งที่ยังขาดอยู่ในพระมหาทรมานของพระคริสตเจ้า, ทั้งนี้เพื่อพระวรกายของพระองค์ นี่คือ เพื่อพระศาสนจักรนั่นเอง (เทียบ คส. 1,24). ฉะนั้น ความสลวนห่วงใยประสาพี่น้องของพวกท่าน จึงช่วยทุเลาความอ่อนแอทุพพลภาพของชาวเราได้มากมายเป็นอเนกอนันต์.
|