43. คำแนะนำแห่งพระวรสาร
ในอัตถ์เรื่องการถือพรหมจรรย์ ยกถวายแด่พระเป็นเจ้า, ในอัตถ์เรื่องการถือความยากจน และในอัตถ์เรื่องความนอบน้อมเชื่อฟังนั้น, เพราะมีหลักฐานอยู่ในพระวจนะและในพระแบบฉบับของพระสวามีเจ้าท่านเอง, ประกอบกับคณะอัครสาวก, บรรดานักบุญปิตาจารย์ ตลอดจนบรรดานักปราชญ์ และบรรดาชุมพาบาลแห่งพระศาสนจักรได้รับรองสนับสนุน จึงนับว่าเป็นเทวทาน (= ทานของพระเป็นเจ้า) ซึ่งพระศาสนจักรได้รับมาจากพระสวามีเจ้า และเดชะพระหรรษทานของพระองค์ท่านช่วยเหลือ พระศาสนจักรได้ธำรงรักษาไว้ให้เจริญอยู่ตลอดมา. สิทธิอำนาจของพระศาสนจักรนั่นเอง, โดยพระจิตเจ้าทรงเป็นผู้นำ, ได้เฝ้าระวังในการอธิบายพระธรรมคำสอนและจัดระเบียบหลักปฏิบัติ และตกที่สุดถึงกับตรากำหนดหลักการครองชีพอย่างถาวร, เป็นแนวต้องยึดถือเพื่อปฏิบัติตามคำแนะนำแห่งพระวรสารนั้นด้วย. จึงมีครุวนาดังต้นพฤกษา, ได้รับพันธุ์ทิพย์มาจากสวรรค์, เจริญงอกงามเป็นที่น่าพิศวงและแตกกิ่งก้านมากมาย และยังแตกแขนงเป็นรูปต่าง ๆ , บ้างดำเนินชีวิตวิเวกโดดเดี่ยว, บ้างดำเนินชีวิตเป็นสาธารณะร่วมกัน, เจริญเป็นครอบครัวต่าง ๆ ซึ่งก็ทวีโภคทรัพย์, ทำคุณประโยชน์ ทั้งเพื่อความก้าวหน้าของสมาชิกในครอบครัวทั้งเป็นคุณผลิตผลแก่ ร่างกาย ทั้งหมดของพระคริสตเจ้า ครอบครัวเหล่านี้สงเคราะห์สมาชิกของตน ด้วยการทำให้มั่นคงแข็งแกร่งมากขึ้นในทำนองการครองชีพของคณะ, ด้านหลักธรรมคำสอนที่ได้ทดสอบมาแล้ว เป็นทางให้บรรลุถึงความครบครัน, ด้านการรวมตัวกันประสาพี่น้องในยุทธภูมิของพระคริสตเจ้า, ด้านอิสรเสรีที่แข็งแกร่งขึ้น เพราะความนอบน้อมเชื่อฟัง, เป็นอันว่าบรรดาสมาชิกสามารถปฏิบัติตามคำปฏิญญาของนักบวช ด้วยความมั่นใจและอย่างสัตย์ซื่อ และจนกระทั่งตามทางแห่งความรักนั้น พวกเขาเจริญก้าวหน้าไปด้วยจิตใจร่าเริงเบิกบาน.
สถาบันนักบวชดั่งนี้ เพราะเหตุที่ตั้งขึ้นโดยพระเป็นเจ้า และโดยพระฐานานุกรมแห่งพระศาสนจักร
จึงมิใช่เป็นสถาบันกึ่งกลางระหว่างสถาบันคณะสงฆ์และสถาบันฆราวาส แต่คริสตชนบางท่านจากทั้งสองสถาบันนั้น ได้รับกระแสเรียกจากพระเป็นเจ้าให้มาเสพพระคุณพิเศษในชีวิตของพระศาสนจักร และให้ต่างคนต่างช่วยเหลือกันและกัน ในภารกิจแห่งความรอดตามวิธีทำนองของตน
|