37. พวกฆราวาสก็เช่นเดียวกับสัตบุรุษ
คริสตชนทั้งหลาย, เขามีสิทธิ์ในทรัพย์ด้านวิญญาณของพระศาสนจักร, เป็นต้น ในอันที่จะได้รับอาหารอย่างอุดมสมบูรณ์, อาหารแห่งพระวาจาของพระเป็นเจ้า และศักดิ์สิทธิการต่าง ๆ จากเจ้าหน้าที่ศาสนบริการ (66) เขาเพียงแต่ต้องแจ้งให้ท่านทราบถึงความต้องการและความปรารถนาของเขา, อย่างมีอิสระเสรี และด้วยความไว้วางใจประสาบุตรของพระเป็นเจ้า และประสาเป็นพี่เป็นน้องในพระคริสตเจ้า. อันความรู้ความสามารถและตำแหน่งหน้าที่ที่เขามี, เขามีสิทธิ์และบางทีมีหน้าที่อีกด้วย ที่จะแจ้งให้ทราบถึงความคิดเห็นของเขา เกี่ยวกับผลประโยชน์ของพระศาสนจักร. การทั้งนี้ให้เขากระทำไป ในเมื่อมีเหตุกรณี โดยเสนอเรื่องราวต่อองค์การต่าง ๆ ที่พระศาสนจักรได้ตั้งไว้, และให้เขาแสดงออกโดยสม่ำเสมอ ซึ่งความจริงใจ, ความกล้าหาญและความรอบคอบ ทั้งด้วยความเคารพ, และความรักต่อบุคคลที่เพราะได้รับหน้าที่อันศักดิ์สิทธิ์, ท่านจึงเป็นตัวแทนของพระคริสตเจ้า.
บรรดาฆราวาสก็เช่นเดียวกับสัตบุรุษคริสตชนทั้งหลาย, เมื่อผู้มีหน้าที่ศาสนบริการ
ในฐานะเป็นผู้แทนของพระคริสตเจ้า, ในฐานะเป็นอาจารย์, เป็นผู้ปกครองพระศาสนจักร, ท่านกำหนดสั่งสิ่งใด ก็จงรับทำทันที, ขอให้เอาอย่างพระคริสตเจ้า, พระองค์ทรงนอบน้อมเชื่อฟังจนกระทั่งยอมสิ้นพระชนม์ เพื่อเปิดทางให้มนุษย์ไปสู่มรรคาอันเป็นสุข อย่างบุตรของพระเป็นเจ้า. ขออย่าเพิกเฉยในการภาวนาวิงวอนต่อพระเป็นเจ้า, เพื่อผู้ปกครองของตน ด้วยว่าท่านมีหน้าที่ดูแลชาวเรา, และท่านจะต้องให้การต่อพระเป็นเจ้าเรื่องวิญญาณของชาวเรา ทั้งนี้เพื่อท่านจะได้ปฏิบัติหน้าที่ของท่านด้วยความชุ่มชื่นใจ ไม่ใช่ด้วยความหนักใจ (เทียบ ฮบ. 13,17).
ฝ่ายบุคคลที่มีหน้าที่ศาสนบริการ (หรือชุมพาบาล) ทั้งหลายก็จงรับรู้ศักดิ์ศรีและความรับผิดชอบของฆราวาส,
ต้องส่งเสริมเขาด้วย ; จงยินดีรับความคิดเห็นอันปรีชาฉลาดของพวกเขา, จงวางใจมอบตนแก่เขาเพื่อประโยชน์ของพระศาสนจักร, จงปล่อยเขาให้มีเสรีภาพในการทำการงาน และจงให้เวลาแก่พวกเขา, ยิ่งไปกว่านั้น จงส่งเสริมให้พวกเขามีกำลังใจ, ให้เขาเริ่มงานด้วยตัวของเขาเอง, จงมีความรักประสาพ่อ พิจารณาดูการงานที่เขาเริ่มขึ้น, มองดูในองค์พระคริสตเจ้า ซึ่งความหวังและความปรารถนาที่พวกฆราวาสเสนอ, อิสรภาพอันยุติธรรม, ซึ่งใคร ๆ ก็มีสิทธิ์ในสังคมบ้านเมือง, ก็ขอให้เจ้าหน้าที่ศาสนบริการจงรับรู้ด้วยความเคารพไว้ด้วย.
เมื่อพวกฆราวาสและศาสนบริกรต่างคบค้ากันอย่างสนิทสนมดังนี้
ก็หวังได้ว่า พระศาสนจักรจะได้รับคุณประโยชน์มากมาย เช่น ฆราวาสจะมีความสำนึกในการรับผิดชอบส่วนของเขาโดยเฉพาะอย่างแน่วแน่ขึ้น, เขาจะมีแก่ใจสละกำลังเรี่ยวแรงร่วมงานของพระศาสนจักรง่ายขึ้น. ฝ่ายศาสนบริกร เพราะได้รับความช่วยเหลือจากฆราวาส ท่านจะตัดสินด้วยความแน่ใจขึ้น และเหมาะสมขึ้น ทั้งในเรื่องเกี่ยวกับวิญญาณ ทั้งในเรื่องเกี่ยวกับโลก. จึงจะเป็นอันว่า พระศาสนจักรทั้งพระศาสนจักรจะแข็งแกร่งขึ้นด้วย อาศัยสมาชิกของท่าน เพื่อชีวิตของโลก โดยได้รับผลสำเร็จยิ่งขึ้น.
|