หน้าหลักเช็คเมลล์ติดต่อเราสมุดเยี่ยมลิงค์คาทอลิกแผนผังเวบไซด์

ค้นหาข้อมูล :

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

ธรรมนูญด้านพระธรรม กล่าวถึง พระศาสนจักร
 “ Lumen Gentium “ เล่มที่ 1

บทที่  1 :   อคาธัตถ์ (3) ว่าด้วยพระศาสนจักร

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

เปาโล  สังฆราช
ทาสแห่งเทวทาสทั้งหลาย
ร่วมกับคณะพระบิดรแห่งพระสังคายนาสากล
เพื่อเป็นหลักฐานให้ความทรงจำดำรงอยู่ตลอดกาล (1)


ธรรมนูญด้านพระธรรม (2)
กล่าวถึงพระศาสนจักร
 

พระศาสนจักรคือ อคาธกาย (15) ของพระคริสตเจ้า.

7. พระบุตรของพระเป็นเจ้า  ขณะทรงอยู่ในธรรมชาติมนุษย์  ซึ่งได้รับเอามาร่วมเป็นหนึ่งเดียวกับพระองค์ เดชะมรณภาพ และการกลับคืนพระชนม์ชีพได้ทรงมีชัยต่อความตาย,  ได้ทรงไถ่มนุษย์ และได้ทรงแปรพระรูปเป็นสัตวโลก (16) ใหม่  (เทียบ กล. 6,15; 2 คร. 5,17). คราวทรงมอบพระจิตของพระองค์แก่บรรดาพี่น้องที่ได้ทรงเรียกมาจากประเทศทั้งหลาย ได้ทรงแต่งตั้งพวกเขาขึ้นโดยทำนองลึกล้ำให้เป็น  “กาย” ของพระองค์.

ใน “กาย”  นั้น  ชีวิตของพระคริสตเจ้าไหลแผ่ไปทั่วบรรดาผู้มีความเชื่อ เขาเหล่านี้โดยอาศัยศักดิ์สิทธิการต่าง ๆ เข้าร่วมกันโดยทำนองอันลึกล้ำ แต่ร่วมกันอย่างแท้จริง กลายเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับพระ คริสตเจ้า ในฐานะพระผู้ทรงรับทนทรมาน ทั้งในฐานะพระผู้ทรงเกียรติมงคล.  โดยทางศักดิ์สิทธิการล้างบาป ชาวเรากลายเป็นรูปร่วมกับพระคริสตเจ้า เหตุว่า  เราทุกคนได้ถูกชำระล้างในพระจิตเจ้าองค์เดียวกัน  ให้เป็น “กาย”  เดียวกัน  (1 คร. 12,13) พิธีกรรมอันศักดิ์สิทธิ์นี้  บ่งถึงทั้งผลิตการร่วมสหภาพในมรณกรรม และในการกลับคืนพระชนม์ชีพของพระคริสตเจ้า,  “เหตุว่า  ชาวเราได้ถูกฝังร่วมกับพระองค์ โดยทางศักดิ์สิทธิการล้างบาป  ซึ่งจุ่มเราสู่ความตายของพระองค์ และเมื่อเราถูกวางไว้เหมือนพระองค์ในด้านความตายแล้ว  เราก็จะเหมือนพระองค์ในด้านการกลับคืนชีพด้วย”  (รม. 6,4-5) ในการหักปังของพิธีสดุดีบูชา  เรามีส่วนร่วมอย่างแท้จริงกับพระกายของพระสวามีเจ้า,  ในการเข้าไปรับศักดิ์สิทธิการมหาสนิท เราได้รับการเลี้ยงดูร่วมกับพระองค์ และร่วมกันระหว่างพวกเราเองด้วย “เพราะว่า  เป็นปังอันเดียวกัน  เราหลายคนจึงเป็น  “กาย” เดียวกันด้วย เหตุว่าเราทุกคนมีส่วนในปังอันเดียวกัน” (1 คร. 10,17). เพราะเหตุนี้เอง  เราทุกคนจึงกลายเป็นอวัยวะของ  “กาย” อันนั้น  (เทียบ 1 คร. 12,27),  “คนละคนต่างเป็นอวัยวะของกันและกัน”  (รม. 12,5).

อันว่า อวัยวะทั้งหลายในร่างกายมนุษย์  แม้มีมากอวัยวะด้วยกัน ถึงกระนั้นก็เป็นร่างกายอันเดียวกัน ฉันใด, บรรดาสัตบุรุษในพระคริสตเจ้าก็ฉันนั้น  (เทียบ 1คร. 12,12). ในการสร้างตกแต่ง “กาย” ของพระคริสตเจ้าก็เช่นเดียวกัน : มีการแตกต่างของอวัยวะ  และของหน้าที่หลายหน้าที่  พระจิตเจ้ามีองค์เดียว เป็นผู้ทรงแจกจ่ายทานหลายอย่างต่างกัน  เพื่อประโยชน์ของพระศาสนจักรตามอัตราขุมทรัพย์  และตามความต้องการของหน้าที่ต่าง ๆ ท่ามกลางทานเหล่านี้ที่ประเสริฐกว่าหมด  คือ พระหรรษทานของบรรดาอัครสาวก : พระจิตเจ้าเอง ทรงปราสาทมอบให้อยู่ในอำนาจของพวกท่าน  กระทั่งพระพิเศษพร (17)  (เทียบ 1 คร. 14). พระจิตเจ้าองค์เดียวนี้เอง  เมื่อทรงดลบันดาลให้ “กาย” นั้น เป็นอันหนึ่งอันเดียวโดยพระองค์เอง, เดชะฤทธิ์อำนาจของพระองค์  และโดยการประสานเกี่ยวเนื่องภายในระหว่างอวัยวะต่าง ๆ พระองค์ก็ทรงผลิต  และกระตุ้นให้เกิดความรักต่อกันระหว่างสัตบุรุษ เป็นอันว่า เมื่ออวัยวะอันหนึ่งทนทุกข์  อวัยวะทุกอวัยวะก็ร่วมทนทุกข์ด้วย  หรือเมื่ออวัยวะอันหนึ่งได้รับเกียรติยศ, อวัยวะทุกอวัยวะก็ร่วมยินดีด้วย  (เทียบ 1 คร. 12,26).

พระคริสตเจ้าทรงเป็นศีรษะของ “กาย” อันนี้,  พระองค์ คือ  พระฉายาลักษณ์ของพระเป็นเจ้า ผู้ที่เรามองไม่เห็น, และในพระองค์ท่านนั้นสารพัดถูกสร้างขึ้นมา  พระองค์ทรงดำรงอยู่ก่อนทุกคน และสารพัดเป็นอยู่ในพระองค์.  พระองค์ทรงเป็นศีรษะของ “กาย” นั้น, นั่นคือ  พระศาสนจักร.  พระองค์ท่านทรงเป็นต้นเดิมที่มาและเป็นบุตรหัวปีของ (มนุษย์) ผู้รู้ตายทั้งหลาย เพื่อให้พระองค์ทรงครองความเป็นยอดสูงสุดของสรรพสิ่ง (เทียบ คส. 1,15-18) โดยความสูงเด่นแห่งพระมหิทธิศักดิ์  พระองค์ทรงเป็นเจ้านายเหนือสรรพสิ่งทั้งปวงในสวรรค์และในแผ่นดิน ด้วยพระคุณงามความดีอันเหลือประมาณ และด้วยพระกิจกรรมอันสูงส่ง พระองค์ทรงประสาทให้ร่าง “กาย” ทั้งสิ้นนั้น แพรวพราวไปด้วยทรัพยากรแห่งพระเกียรติมงคล (เทียบ อฟ. 1,18-23)

อวัยวะทุกอวัยวะต้องปรับตัวให้เข้ากับพระรูปของพระองค์ จนกระทั่งพระคริสตเจ้ากลายเป็นรูปขึ้นมาในตัวเขา (เทียบ กล. 4,19) เพราะฉะนั้นชาวเราจึงถูกนำขึ้นสู่พระอคาธัตถ์ต่าง ๆ แห่งพระชนม์ชีพของพระองค์ท่าน : เรากลายเป็นรูปร่วมกับพระองค์,  เราตายร่วมกับพระองค์, เราคืนชีพร่วมกับพระองค์, จนกระทั่งเราจะได้ร่วมเสวยราชย์กับพระองค์  (เทียบ พป. 3,21 2; ทธ. 2,11; อฟ. 2,6; คส. 2,12 ฯลฯ).  ขณะกำลังระเหระหนอยู่บนแผ่นดิน เราก็ย่ำไปตามรอยพระบาทในความทุกข์ยากลำบาก  และการถูกเบียดเบียนข่มเหง เราร่วมเป็นสมัครพรรคพวกของพระองค์  ในความทุกข์ทรมานต่าง ๆ ดังเช่น  ร่างกายต่อศีรษะ เราร่วมทุกข์ร้อนกับพระองค์ เพื่อจะได้รับเกียรติมงคลร่วมกับพระองค์ด้วย (เทียบ รม. 8,17)

จากพระองค์นั่นแหละ “ร่างกายทั้งหมด  โดยที่ได้รับการตกแต่งและการเสริมสร้างด้วยข้อต่อและเครื่องผูกโยงต่าง ๆ  จึงเจริญเติบโตขึ้น  เป็นการขยับขยายองค์พระเป็นเจ้า” (คส. 2,19) พระองค์ท่าน  ในพระกายของพระองค์  กล่าวคือ ในพระศาสนจักรทรงเตรียมพร้อมอยู่เสมอ  จะประสาทพรานุพรเหมาะกันภาระหน้าที่ซึ่งเมื่อเรานำมาใช้เป็นบริการความรอดแก่กันและกัน อาศัยฤทธิ์อำนาจของพระองค์  เมื่อเราปฏิบัติความรักด้วยความจริงใจ  เราก็จะเจริญเติบโตในทุก ๆ ด้าน  เป็นพระองค์ผู้ทรงเป็นศีรษะของเรา  (เทียบ อฟ. 4,11-14 กริก)

เพื่อให้ชาวเราชุบตัวในพระองค์ให้ใหม่สดอยู่เสมอมิได้ขาด (เทียบ อฟ. 4,23) พระองค์ได้โปรดให้เรามีส่วนในพระจิตของพระองค์,  พระจิตมีองค์เดียว และองค์เดียวนี้แหละประทับทั้งในอวัยวะ, พระองค์ทรงบันดาลให้ร่างกายทั้งหมดมีชีวิต, โปรดให้เป็นหนึ่งเดียวกัน และเคลื่อนไหว, จนกระทั่งบรรดานักบุญปิตาจารย์  สามารถเปรียบหน้าที่ของพระองค์ที่เป็นต้นเดิมของชีวิตหรืออีกทำนองว่า เป็นเหมือนวิญญาณในร่างกายคนเรา

ฝ่ายพระคริสตเจ้าทรงรักพระศาสนจักรดุจภริยาของพระองค์, ได้ทรงกลายเป็นตัวแบบของสามีที่รักภรรยาดุจรักร่างกายของตน  (เทียบ อฟ. 5,25-28) ส่วนพระศาสนจักรเองก็น้อมขึ้นกับศีรษะของตน  (อฟ. 5,23-24) “เพราะว่าในพระองค์นั้นมีความเป็นพระเป็นเจ้าอย่างครบบริบูรณ์  พำนักอยู่เช่นร่างกาย” (คส. 2,9)  พระศาสนจักรเป็นร่างกายครบบริบูรณ์ของพระคริสตเจ้า,  พระองค์จึงทรงประสาทพรานุพรของพระเจ้าให้แก่ท่านอย่างเต็มที่  (เทียบ อฟ. 1,22-23) เพื่อให้ท่านก้าวหน้าและบรรลุถึงความบริบูรณ์ของพระเป็นเจ้า  (เทียบ อฟ. 3,19)