7.
พระบุตรของพระเป็นเจ้า ขณะทรงอยู่ในธรรมชาติมนุษย์ ซึ่งได้รับเอามาร่วมเป็นหนึ่งเดียวกับพระองค์ เดชะมรณภาพ และการกลับคืนพระชนม์ชีพได้ทรงมีชัยต่อความตาย, ได้ทรงไถ่มนุษย์ และได้ทรงแปรพระรูปเป็นสัตวโลก (16) ใหม่ (เทียบ กล. 6,15; 2 คร. 5,17). คราวทรงมอบพระจิตของพระองค์แก่บรรดาพี่น้องที่ได้ทรงเรียกมาจากประเทศทั้งหลาย ได้ทรงแต่งตั้งพวกเขาขึ้นโดยทำนองลึกล้ำให้เป็น กาย ของพระองค์.
ใน
กาย นั้น ชีวิตของพระคริสตเจ้าไหลแผ่ไปทั่วบรรดาผู้มีความเชื่อ เขาเหล่านี้โดยอาศัยศักดิ์สิทธิการต่าง ๆ เข้าร่วมกันโดยทำนองอันลึกล้ำ แต่ร่วมกันอย่างแท้จริง กลายเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับพระ คริสตเจ้า ในฐานะพระผู้ทรงรับทนทรมาน ทั้งในฐานะพระผู้ทรงเกียรติมงคล. โดยทางศักดิ์สิทธิการล้างบาป ชาวเรากลายเป็นรูปร่วมกับพระคริสตเจ้า เหตุว่า เราทุกคนได้ถูกชำระล้างในพระจิตเจ้าองค์เดียวกัน ให้เป็น กาย เดียวกัน (1 คร. 12,13) พิธีกรรมอันศักดิ์สิทธิ์นี้ บ่งถึงทั้งผลิตการร่วมสหภาพในมรณกรรม และในการกลับคืนพระชนม์ชีพของพระคริสตเจ้า, เหตุว่า ชาวเราได้ถูกฝังร่วมกับพระองค์ โดยทางศักดิ์สิทธิการล้างบาป ซึ่งจุ่มเราสู่ความตายของพระองค์ และเมื่อเราถูกวางไว้เหมือนพระองค์ในด้านความตายแล้ว เราก็จะเหมือนพระองค์ในด้านการกลับคืนชีพด้วย (รม. 6,4-5) ในการหักปังของพิธีสดุดีบูชา เรามีส่วนร่วมอย่างแท้จริงกับพระกายของพระสวามีเจ้า, ในการเข้าไปรับศักดิ์สิทธิการมหาสนิท เราได้รับการเลี้ยงดูร่วมกับพระองค์ และร่วมกันระหว่างพวกเราเองด้วย เพราะว่า เป็นปังอันเดียวกัน เราหลายคนจึงเป็น กาย เดียวกันด้วย เหตุว่าเราทุกคนมีส่วนในปังอันเดียวกัน (1 คร. 10,17). เพราะเหตุนี้เอง เราทุกคนจึงกลายเป็นอวัยวะของ กาย อันนั้น (เทียบ 1 คร. 12,27), คนละคนต่างเป็นอวัยวะของกันและกัน (รม. 12,5).
อันว่า
อวัยวะทั้งหลายในร่างกายมนุษย์ แม้มีมากอวัยวะด้วยกัน ถึงกระนั้นก็เป็นร่างกายอันเดียวกัน ฉันใด, บรรดาสัตบุรุษในพระคริสตเจ้าก็ฉันนั้น (เทียบ 1คร. 12,12). ในการสร้างตกแต่ง กาย ของพระคริสตเจ้าก็เช่นเดียวกัน : มีการแตกต่างของอวัยวะ และของหน้าที่หลายหน้าที่ พระจิตเจ้ามีองค์เดียว เป็นผู้ทรงแจกจ่ายทานหลายอย่างต่างกัน เพื่อประโยชน์ของพระศาสนจักรตามอัตราขุมทรัพย์ และตามความต้องการของหน้าที่ต่าง ๆ ท่ามกลางทานเหล่านี้ที่ประเสริฐกว่าหมด คือ พระหรรษทานของบรรดาอัครสาวก : พระจิตเจ้าเอง ทรงปราสาทมอบให้อยู่ในอำนาจของพวกท่าน กระทั่งพระพิเศษพร (17) (เทียบ 1 คร. 14). พระจิตเจ้าองค์เดียวนี้เอง เมื่อทรงดลบันดาลให้ กาย นั้น เป็นอันหนึ่งอันเดียวโดยพระองค์เอง, เดชะฤทธิ์อำนาจของพระองค์ และโดยการประสานเกี่ยวเนื่องภายในระหว่างอวัยวะต่าง ๆ พระองค์ก็ทรงผลิต และกระตุ้นให้เกิดความรักต่อกันระหว่างสัตบุรุษ เป็นอันว่า เมื่ออวัยวะอันหนึ่งทนทุกข์ อวัยวะทุกอวัยวะก็ร่วมทนทุกข์ด้วย หรือเมื่ออวัยวะอันหนึ่งได้รับเกียรติยศ, อวัยวะทุกอวัยวะก็ร่วมยินดีด้วย (เทียบ 1 คร. 12,26).
พระคริสตเจ้าทรงเป็นศีรษะของ กาย อันนี้, พระองค์
คือ พระฉายาลักษณ์ของพระเป็นเจ้า ผู้ที่เรามองไม่เห็น, และในพระองค์ท่านนั้นสารพัดถูกสร้างขึ้นมา พระองค์ทรงดำรงอยู่ก่อนทุกคน และสารพัดเป็นอยู่ในพระองค์. พระองค์ทรงเป็นศีรษะของ กาย นั้น, นั่นคือ พระศาสนจักร. พระองค์ท่านทรงเป็นต้นเดิมที่มาและเป็นบุตรหัวปีของ (มนุษย์) ผู้รู้ตายทั้งหลาย เพื่อให้พระองค์ทรงครองความเป็นยอดสูงสุดของสรรพสิ่ง (เทียบ คส. 1,15-18) โดยความสูงเด่นแห่งพระมหิทธิศักดิ์ พระองค์ทรงเป็นเจ้านายเหนือสรรพสิ่งทั้งปวงในสวรรค์และในแผ่นดิน ด้วยพระคุณงามความดีอันเหลือประมาณ และด้วยพระกิจกรรมอันสูงส่ง พระองค์ทรงประสาทให้ร่าง กาย ทั้งสิ้นนั้น แพรวพราวไปด้วยทรัพยากรแห่งพระเกียรติมงคล (เทียบ อฟ. 1,18-23)
อวัยวะทุกอวัยวะต้องปรับตัวให้เข้ากับพระรูปของพระองค์
จนกระทั่งพระคริสตเจ้ากลายเป็นรูปขึ้นมาในตัวเขา (เทียบ กล. 4,19) เพราะฉะนั้นชาวเราจึงถูกนำขึ้นสู่พระอคาธัตถ์ต่าง ๆ แห่งพระชนม์ชีพของพระองค์ท่าน : เรากลายเป็นรูปร่วมกับพระองค์, เราตายร่วมกับพระองค์, เราคืนชีพร่วมกับพระองค์, จนกระทั่งเราจะได้ร่วมเสวยราชย์กับพระองค์ (เทียบ พป. 3,21 2; ทธ. 2,11; อฟ. 2,6; คส. 2,12 ฯลฯ). ขณะกำลังระเหระหนอยู่บนแผ่นดิน เราก็ย่ำไปตามรอยพระบาทในความทุกข์ยากลำบาก และการถูกเบียดเบียนข่มเหง เราร่วมเป็นสมัครพรรคพวกของพระองค์ ในความทุกข์ทรมานต่าง ๆ ดังเช่น ร่างกายต่อศีรษะ เราร่วมทุกข์ร้อนกับพระองค์ เพื่อจะได้รับเกียรติมงคลร่วมกับพระองค์ด้วย (เทียบ รม. 8,17)
จากพระองค์นั่นแหละ
ร่างกายทั้งหมด โดยที่ได้รับการตกแต่งและการเสริมสร้างด้วยข้อต่อและเครื่องผูกโยงต่าง ๆ จึงเจริญเติบโตขึ้น เป็นการขยับขยายองค์พระเป็นเจ้า (คส. 2,19) พระองค์ท่าน ในพระกายของพระองค์ กล่าวคือ ในพระศาสนจักรทรงเตรียมพร้อมอยู่เสมอ จะประสาทพรานุพรเหมาะกันภาระหน้าที่ซึ่งเมื่อเรานำมาใช้เป็นบริการความรอดแก่กันและกัน อาศัยฤทธิ์อำนาจของพระองค์ เมื่อเราปฏิบัติความรักด้วยความจริงใจ เราก็จะเจริญเติบโตในทุก ๆ ด้าน เป็นพระองค์ผู้ทรงเป็นศีรษะของเรา (เทียบ อฟ. 4,11-14 กริก)
เพื่อให้ชาวเราชุบตัวในพระองค์ให้ใหม่สดอยู่เสมอมิได้ขาด
(เทียบ อฟ. 4,23) พระองค์ได้โปรดให้เรามีส่วนในพระจิตของพระองค์, พระจิตมีองค์เดียว และองค์เดียวนี้แหละประทับทั้งในอวัยวะ, พระองค์ทรงบันดาลให้ร่างกายทั้งหมดมีชีวิต, โปรดให้เป็นหนึ่งเดียวกัน และเคลื่อนไหว, จนกระทั่งบรรดานักบุญปิตาจารย์ สามารถเปรียบหน้าที่ของพระองค์ที่เป็นต้นเดิมของชีวิตหรืออีกทำนองว่า เป็นเหมือนวิญญาณในร่างกายคนเรา
ฝ่ายพระคริสตเจ้าทรงรักพระศาสนจักรดุจภริยาของพระองค์,
ได้ทรงกลายเป็นตัวแบบของสามีที่รักภรรยาดุจรักร่างกายของตน (เทียบ อฟ. 5,25-28) ส่วนพระศาสนจักรเองก็น้อมขึ้นกับศีรษะของตน (อฟ. 5,23-24) เพราะว่าในพระองค์นั้นมีความเป็นพระเป็นเจ้าอย่างครบบริบูรณ์ พำนักอยู่เช่นร่างกาย (คส. 2,9) พระศาสนจักรเป็นร่างกายครบบริบูรณ์ของพระคริสตเจ้า, พระองค์จึงทรงประสาทพรานุพรของพระเจ้าให้แก่ท่านอย่างเต็มที่ (เทียบ อฟ. 1,22-23) เพื่อให้ท่านก้าวหน้าและบรรลุถึงความบริบูรณ์ของพระเป็นเจ้า (เทียบ อฟ. 3,19)
|