หน้าหลักเช็คเมลล์ติดต่อเราสมุดเยี่ยมลิงค์คาทอลิกแผนผังเวบไซด์

ค้นหาข้อมูล :

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

ธรรมนูญด้านพระธรรม กล่าวถึง พระศาสนจักร
 “ Lumen Gentium “ เล่มที่ 1

บทที่  1 :   อคาธัตถ์ (3) ว่าด้วยพระศาสนจักร

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

เปาโล  สังฆราช
ทาสแห่งเทวทาสทั้งหลาย
ร่วมกับคณะพระบิดรแห่งพระสังคายนาสากล
เพื่อเป็นหลักฐานให้ความทรงจำดำรงอยู่ตลอดกาล (1)


ธรรมนูญด้านพระธรรม (2)
กล่าวถึงพระศาสนจักร
 

ราชัยของพระเป็นเจ้า

5. อคาธัตถ์เรื่องพระศาสนจักรศักดิ์สิทธิ์  ปรากฏเด่นชัดในการสถาปนาตัวเอง,  ความจริง  พระสวามีเยซูเจ้าเป็นผู้ให้กำเนิดพระศาสนจักรของพระองค์ ด้วยการประกาศข่าวอันเป็นมงคล กล่าวคือ ประกาศว่า  พระราชัยของพระเป็นเจ้ามาถึงแล้ว  พระราชัยอันได้ทรงสัญญาไว้ในพระคัมภีร์แต่หลาย ๆ ศตวรรษมาแล้ว : “เพราะเหตุว่า  ครบกำหนดเวลาแล้วและพระราชัยของพระเป็นเจ้าย่างเข้ามาใกล้แล้ว” (มก. 1,15; เทียบ มธ. 4,17).  พระราชัยอันนี้ทอแสงรุ่งโรจน์ให้มนุษย์เห็น โดยทางพระวาจา  พระกิจการต่าง ๆ และการสถิตประทับของพระคริสตเจ้า.  พระวาจาของพระสวามีเจ้านั้น  เปรียบได้กับเมล็ดพืชที่หว่านลงในทุ่งนา (มก. 4,14) : บรรดาคนที่ฟังพระวาจาพร้อมทั้งมีความเชื่อ  เขานับเข้าอยู่ในฝูงแกะน้อย ๆ ของพระคริสตเจ้าอยู่แล้ว  (ลก. 12,32),  นับว่าคนพวกนี้ได้ต้อนรับพระราชัยนั้นแล้ว  ต่อมาเมล็ดพืชด้วยฤทธิ์ในตัวมันเอง ก็งอกขึ้นและขยายตัวเติบใหญ่ขึ้น  จนถึงเวลาเก็บเกี่ยว (เทียบ มก. 4,26-29). อัศจรรย์ต่าง ๆ ของพระเยซูเจ้าก็เช่นกัน ยืนยันว่าพระราชัยได้มาถึงแผ่นดินโลกแล้ว, “หากข้าฯ อาศัยองคุลีของพระเป็นเจ้าขับไล่หมู่ปีศาจ  ก็เป็นที่แน่นอนว่าพระราชัยของพระเป็นเจ้าได้มาถึงพวกท่านแล้ว (ลก. 11,20; มธ. 12,28),  ถึงกระนั้นก่อนอื่นหมด พระราชัยปรากฏเด่นชัดในองค์ (บุคคล) ของพระคริสตเจ้า,  พระองค์เป็นบุตรของพระเป็นเจ้า และเป็นบุตรของมนุษย์,  ได้เสด็จมา “เพื่อรับใช้  และเพื่อถวายพระชนม์ชีพของพระองค์ไถ่บาปคนจำนวนมาก” (มก. 10,45)

เพราะที่พระเยซูเจ้าได้ทรงรับทนความตายบนไม้กางเขน และได้เสด็จกลับคืนพระชนม์ชีพ จึงปรากฏชัดว่า พระองค์ทรงถูกสถาปนาเป็นพระสวามีเจ้า,  เป็นพระคริสตเจ้า, ทั้งเป็นพระสงฆ์ตลอดนิรันดร (เทียบ กจ. 2,36; ฮบ. 5,6; 7,17-21),  ทั้งเป็นพระองค์เองด้วย  ที่ได้ทรงหลั่งพระจิตเจ้ามาสู่พวกสานุศิษย์ของพระองค์ ตามที่พระบิดาได้ทรงสัญญาไว้ (เทียบ กจ. 2,32).  เพราะฉะนั้น พระศาสนจักรผู้ได้รับพระคุณานุคุณจากองค์ท่านผู้ได้สถาปนาตัวท่านขึ้น, และท่านก็สัตย์ซื่อปฏิบัติตามพระบัญชาขอพระองค์ให้เรื่องเมตตาธรรม, เรื่องความนอบน้อมถ่อมตน  และเรื่องความเสียสละตนเอง  ท่านจึงรับเป็นภาระหน้าที่จัดตั้งพระราชัยอันนั้น ท่ามกลางมนุษยชาติทั้งสิ้น  ท่านจึงจัดวางเมล็ดพืชและตั้งต้นสถาปนาพระราชัยไว้บนแผ่นดินโลก  ระหว่างที่พระศาสนจักรค่อย ๆ เจริญขึ้น,  ท่านก็ใฝ่ฝันใคร่ให้พระราชัยบรรลุถึงจุดสุดยอด,  ท่านหวังและออกกำลังเรี่ยวแรงทั้งหมด และปรารถนาโหยหา  อยากไปอยู่ร่วมกับพระราชาของท่านในพระสิริมงคล.