4.
เมื่อเสร็จสิ้นพระภารกิจที่พระบิดาได้ทรงมอบหมายให้พระบุตรปฏิบัติในโลกนี้แล้ว (เทียบ ยน. 16,14), ก็มีการส่งพระจิตเจ้ามา ณ วันเปนเตกอสเต (กรีก = วันที่ 50) เพื่อให้พระองค์ทรงยังให้พระ ศาสนจักรศักดิ์สิทธิ์อยู่เสมอ ทั้งเพื่อให้บรรดาผู้มีความเชื่อมีทางเข้าชิดพระบิดา โดยผ่านทางพระคริสตเจ้าในพระจิตองค์เดียว (เทียบ อฟ. 2,18). พระจิตเจ้าทรงเป็นจิตแห่งชีวิตหรืออีกนัยเป็นธารน้ำที่ไหลสู่ชีวิตนิรันดร (เทียบ ยน. 4,14;7,38-39), อาศัยพระจิต บรรดามนุษย์ที่ตายไปแล้วเพราะบาป, พระบิดาก็ทรงชุบให้มีชีวิตขึ้น. จนกว่าร่างกายของเขาที่รู้ตายนั้น พระองค์จะทรงปลุกให้คืนชีพในพระคริสตเจ้า (เทียบ รม. 8.10-11). พระจิตเจ้าทรงพำนักอยู่ในพระศาสนจักรและในดวงใจของบรรดาสัตบุรุษคล้ายกับประทับอยู่ในโบสถ์ (เทียบ 1 คส. 3.16;6.19), และในตัวเขานั้น พระองค์ทรงภาวนาและทรงยืนยันว่า เขาเป็นบุตรบุญธรรมของพระเป็นเจ้า (เทียบ กล. 4,6; รม. 8,15-16; และ 26). พระศาสนจักรนี้ พระจิตเจ้าทรงนำไปสู่ความจริงทุกประการ (เทียบ ยน. 16,13), และทรงยังให้ท่านเป็นหนึ่งเดียวกัน ทั้งในด้านการอยู่ร่วมกัน ทั้งในด้านบริการ, โปรดให้ท่านกอบด้วยพระพรอย่างต่าง ๆ แห่งพระฐานานุกรม (9) และพรวิเศษ (10), ทั้งแนะนำท่านทำให้ท่านผลิตผลานุผล (เทียบ อฟ. 4,11-12; คร. 12,4; กท. 5,22). เดชะอานุภาพแห่งพระวรสาร พระจิตเจ้าโปรดให้พระศาสนจักรเยาวัยกระชุ่มกระชวย และโปรดให้ใหม่สดอยู่เสมอมิได้ขาด และทรงนำพระศาสนจักรไปสู่เอกภาพอันสมบูรณ์ร่วมกับพระภัสดาของท่าน. ทั้งนี้เพราะพระจิตเจ้าและพระชายาทูลเชิญพระสวามีเยซูเจ้าว่า : โปรดเสด็จมา (เทียบ วว. 22,17). ดังนี้เอง จึงปรากฏว่าพระศาสนจักรทั่วสากลโลกเป็นดัง ประชากรที่รวมตัวขึ้นจากเอกภาพของพระบิดา และพระบุตร และพระจิต.
|