|
28. พระบิดาได้ทรงอภิเษกพระคริสตเจ้า
และได้ทรงใช้มายังแผ่นดินโลก (เทียบ ยน. 10,36). พระคริสตเจ้าได้ทรงบันดาลให้มีผู้รับส่วนแบ่งแห่งการอภิเษกและพระภารกิจของพระองค์ท่าน กล่าวคือบรรดาอัครสาวก และบรรดาผู้สืบตำแหน่งของท่าน นั่นคือบรรดาพระสังฆราช. ท่านเหล่านี้ โดยทำนองอันชอบ ได้ถ่ายทอดภารกิจแห่งหน้าที่ของท่าน ที่มีหลั่นชั้นต่าง ๆ กันให้แก่บุคคลต่างกัน. จึงเป็นอันว่า ภารกิจของพระศาสนจักรที่ได้ถูกตั้งขึ้นโดยพระเป็นเจ้า มีหลั่นชั้นต่าง ๆ กัน และผู้ที่ได้รับปฏิบัตินั้นตั้งแต่โบราณมามีชื่อเรียกว่า พระสังฆราช, พระสงฆ์, และสังฆานุกร (55) บรรดาพระสงฆ์ถึงแม้ท่านไม่มีบรรดาศักดิ์แห่งขั้นสุดยอดแห่งสมณภาพ (56) และในการใช้อำนาจท่านต้องขึ้นต่อพระสังฆราช ถึงกระนั้นท่านก็มีความสัมพันธ์กับพระสังฆราชโดยศักดิ์ศรีของการเป็นสงฆ์ และโดยอิทธิฤทธิ์ของศักดิ์สิทธิการ - อนุกรม ท่านร่วมเป็นพระฉายาลักษณ์ของพระคริสตเจ้า (ฮบ. 5ล1-10: 9,11-28) องค์พระสงฆ์สูงสุดนิรันดร ท่านได้รับอภิเษกเพื่อประกาศพระวรสาร, เพื่อเป็นชุมพาบาลเลี้ยงดูสัตบุรุษ, และเพื่อประกอบคารวกิจต่อพระเป็นเจ้าในฐานะเป็นพระสงฆ์แท้แห่งพันธสัญญาใหม่. ท่านมีส่วนร่วมตามระดับชั้นของท่าน ในพระภารกิจของพระคริสตเจ้า, องค์คนกลางแต่ผู้เดียว (1 ทม. 2,5), ท่านประกาศพระวาจาของพระเป็นเจ้าแก่ทุก ๆ คน. ท่านปฏิบัติหน้าที่อันศักดิ์สิทธิ์ เฉพาะอย่างยิ่งในภารกิจศักดิ์สิทธ์การสดุดีบูชา. ในพิธีกรรมอันนี้ท่านสวมองค์พระคริสตเจ้า และประกาศอคาธัตถ์ของพระองค์, ท่านนำเอาคำภาวนาของสัตบุรุษมาร่วมกับบูชาขององค์พระประมุขของพวกเขา, ท่านบันดาลให้อุบัติขึ้นใหม่ และประยุกต์บูชาแต่อันเดียวของพันธสัญญาใหม่, กล่าวคือบูชาขององค์พระคริสตเจ้า พระองค์นี้ได้ทรงถวายพระองค์ท่านเองเป็นบูชาอันนิรมลแด่พระบิดา ครั้งเดียวสำหรับเรื่อยไป (เทียบ ฮบ. 9,11-28) ท่านต้องปฏิบัติดังนี้ในบูชามิสซาเรื่อยไป จนกว่าจะถึงวันพระสวามีเจ้าเสด็จมา (เทียบ 1 คร. 11,2-5) สำหรับสัตบุรุษที่เป็นทุกข์กลับใจและสำหรับคนป่วยไข้ พระสงฆ์ทำหน้าที่สูงส่งยิ่ง คือ สมานไมตรีให้คืนดีและเป็นผู้ทุเลาบรรเทา, ท่านนำเอาความต้องการของสัตบุรุษมาถวายแด่พระเป็นเจ้าพระบิดา (เทียบ ฮบ. 5,1-4), ตามอำนาจและขอบเขตที่ได้รับ, พระสงฆ์ปฏิบัติภารกิจของพระคริสตเจ้า, องค์ชุมพาบาล, และองค์พระประมุข ต่อครอบครัวของพระเป็นเจ้า พระสงฆ์กระตุ้นเตือนให้มีภราดรภาพอันหนึ่งอันเดียวกัน, ท่านรวบรวมพวกเขา อาศัยพระคริสตเจ้าในพระจิตเจ้าให้เข้ามาเฝ้าพระบิดาเจ้า. เพื่ออยู่กับฝูงแกะ พระสงฆ์กราบนมัสการพระบิดาด้วยจิตใจอันสัตย์จริง (เทียบ ยน. 4,24). ที่สุด พระสงฆ์ออกแรงทำการงานด้วยวาจาและคำพร่ำสอน (เทียบ 1 ทม. 5,17), ท่านเชื่อสิ่งที่ท่านพบเห็นในการสอนและการรำพึงเรื่องพระบัญญัติของพระเป็นเจ้า, ท่านสอนสิ่งที่ท่านเชื่อ และปฏิบัติตามสิ่งที่ท่านสอน.
พระสงฆ์ คือ
ผู้ทำงานร่วมที่มองเห็นการณ์ไกลของระดับชนชั้นพระสังฆราช, เป็นผู้ช่วยเหลือและเป็นอวัยวะส่วนหนึ่งของพระสังฆราช, มีกระแสเรียกเพื่อรับใช้ประชากรของพระเป็นเจ้า. พระสงฆ์พร้อมกับพระสังฆราช ร่วมกันจัดตั้งสภาสงฆ์ ซึ่งมีหน้าที่รับใช้หลายอย่างต่างกัน. ในชุมชนของบรรดาสัตบุรุษตามท้องที่ต่าง ๆ , พระสงฆ์ เพราะกลมเกลียวเดียวกันกับพระสังฆราชด้วยความไว้เนื้อเชื่อใจ และเพราะมีจิตใจอันสูงส่งจึงทำให้มองเห็นภาพของพระสังฆราช เหมือนกับว่าตัวท่านเองปรากฏอยู่ในชมรมนั้น ๆ ก็ว่าได้. พระสงฆ์ตามหน้าที่ส่วนตน, ท่านรับเอาภาระหน้าที่และความสลวนของพระสังฆราชมาใส่ใจตน ทั้งปฏิบัติด้วยความเอาใจใส่ทุก ๆ วัน. ภายใต้อำนาจของพระสังฆราช พระสงฆ์ยังเป็นผู้บันดาลความศักดิ์สิทธิ์ และเป็นผู้ปกครองส่วนหนึ่งของแกะของพระสวามีเจ้า ตามที่ท่านได้รับมอบหมายให้ดูแล, ท่านทำให้พระศาสนจักรสากลปรากฏขึ้นเด่นชัดในถิ่นที่ท่านอยู่, ท่านช่วยเหลือแข็งขันในการสร้างพระวรกายทั้งครบของพระคริสตเจ้า (เทียบ อฟ. 4,12). ท่านมุ่งมั่นอยู่เสมอต่อคุณประโยชน์ของลูก ๆ ของพระเป็นเจ้า, จึงพยายามออกแรงในด้านงานอภิบาลทั่วทั้งสังฆมณฑลของท่าน, กว่านั้นอีก ของทั่วทั้งพระศาสนจักร (สากล) ทีเดียว เพราะการมีส่วนในสังฆภาพและภาระหน้าที่ดังนี้, พระสงฆ์ทั้งหลาย, จงรับรู้และจงถือว่า พระสังฆราชเป็นบิดาแท้ ๆ ของตน และจงเชื่อฟังท่านด้วยความเคารพนอบน้อม, ส่วนบรรดาพระสังฆราชก็จงถือว่า พระสงฆ์ผู้ร่วมงานเป็นลูกของตนและเป็นสหาย ให้เหมือนอย่างพระคริสตเจ้า, ทรงเรียกสานุศิษย์ของพระองค์ ไม่ใช่ว่าเป็นทาส แต่ทรงเรียกว่าเป็นสหาย (เทียบ ยน. 15,15). ฉะนั้น เพราะเหตุที่มีศักดิ์สิทธิการ - อนุกรม และมีภาระหน้าที่อันเดียวกัน, พระสงฆ์ทุก ๆ องค์, ทั้งพระสงฆ์ประจำท้องถิ่น, ทั้งพระสงฆ์นักบวช, ทั้งหมดรวมกันเข้าอยู่ในองค์กร (กาย) ของพระสังฆราช และต่างรับใช้เพื่อคุณประโยชน์ของทั่วทั้งศาสนจักรตามกระแสเรียกและพระหรรษทานของตน ๆ.
เดชะอำนาจการรับศักดิ์สิทธิการ - อนุกรมร่วมกัน และเพราะต่างมีหน้าที่เหมือน ๆ กัน
พระสงฆ์ ทุก ๆ องค์จึงมีความสัมพันธ์ต่อกันด้วยภราดรภาพอันลึกซึ้ง, ภราดรภาพนี้มักเผยออกมาให้ปรากฏเด่นชัดขึ้นมาเอง ในการที่ท่านต่างช่วยเหลือกันและกัน ทั้งทางด้านจิตใจและวัตถุ, ทั้งทางด้านการอภิบาลสัตบุรุษและด้านส่วนตัว, ในการร่วมชุมนุมกัน, ในการมีชีวิตอยู่ร่วมกัน ในการร่วมการงานกัน และร่วมแผ่เมตตาจิตด้วยกัน.
ส่วนสัตบุรุษ
เขาคือผู้ที่พระสงฆ์ได้ให้กำเนิดทางด้านวิญญาณขึ้นมา โดยทางศักดิ์สิทธิการ - ล้างบาป และโดยการให้การอบรมสั่งสอน (เทียบ 1 คร. 4,15; 1 ปต. 1,23), ขอให้พระสงฆ์จงเห็นแก่พระคริสตเจ้า เอาใจใส่ต่อสัตบุรุษ ดุจดังท่านเป็นบิดาด้วยเถิด. ขอให้พระสงฆ์บำเพ็ญตน เป็นแบบอย่างแก่ฝูงแกะ (1 ปต. 5,3) ขอให้ท่านปกครองและรับใช้กลุ่มสัตบุรุษในท้องถิ่นของท่าน จนกระทั่งกลุ่มดังกล่าวนี้ สมได้รับนามที่หมายถึง ประชากรของพระเป็นเจ้าประชากรเดียวและประชากรทั้งครบ. นั่นคือพระศาสนจักรของพระเป็นเจ้า (เทียบ 1 คร. 1,2; 2 คร. 1,1 และทั่ว ๆ ไป) ขอให้พระสงฆ์จงระลึกว่า ตัวท่านต้องประพฤติดีงาม เป็นกิจวัตรประจำวันอยู่เสมอ, ท่านต้องสลวนห่วงใยเป็นทางให้สัตบุรุษ, และผู้ไม่ใช่สัตบุรุษ, ให้ประชากรคาทอลิกและผู้มิใช่คาทอลิก, ท่านก็ต้องแสดงออกทำตัวเป็นพยานยืนยันแก่คนทุกคน เรื่องชีวิตอันแท้จริง (เรื่องความจริงและชีวิต) (56 ทวิ) และในฐานะเป็นชุมพาบาลที่ดี, ท่านต้องตามหาเขา (เทียบ ลก. 15,4-7) คือ บุคคลผู้ได้รับศักดิ์สิทธิการ - ล้างบาปเข้ามาอยู่ในพระศาสนจักรแล้ว แต่เขาห่างเหินไปจากการรับศักดิ์สิทธิการต่าง ๆ หรือที่ร้ายกว่าอีก เขาได้ละทิ้งความเชื่อไปเสียเลย
สมัยของชาวเราทุกวันนี้
มนุษยชาติ ยิ่งวันยิ่งรวมตัวกัน, มีเอกภาพด้านการเมือง, เศรษฐกิจและทางสังคม จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่บรรดาพระสงฆ์จะสนใจรวมตัวกันเข้าช่วยเหลือ ภายใต้การนำของพระสังฆราชและของสมเด็จพระสันตะปาปา ช่วยขจัดการแตกแยกในทุก ๆ วิถีทาง ทั้งนี้ เพื่อนำมนุษยชาติทั้งสิ้น ให้เข้าสู่เอกภาพแห่งครอบครัวของพระเป็นเจ้า.
|
|