25. ท่ามกลางภารกิจต่าง ๆ ของพระสังฆราช ภารกิจที่เด่นคือการประกาศพระวรสาร. เหตุว่าพระสังฆราชเป็นโฆษกผู้ประกาศความเชื่อ,
เป็นผู้นำสานุศิษย์ใหม่ให้เข้ามาหาพระคริสตเจ้าและท่านคืออาจารย์โดยแท้ หรืออีกนัยอาจารย์ผู้ประกอบด้วยอำนาจอาชญาสิทธิ์ของพระคริสตเจ้า, ท่านเป็นผู้ประกาศอัตถ์ความเชื่อที่ต้องยึดถือ
และต้องนำมาประยุกต์ประพฤติปฏิบัติตามนั้นสำหรับประชากรที่ท่านได้รับมอบหมาย,
อาศัยความสว่างของพระจิตเจ้า ท่านเป็นผู้กระจายแสง, นำเอาทรัพย์สินใหม่และเก่าออกมาจากคลังแห่งพระวิวรณ์ (48) (เทียบ มธ. 13,52), ท่านเป็นผู้ทำให้ความเชื่อนั้นผลิตผล ทั้งท่านระวังระไวขจัดมิให้ฝูงแกะของท่านพลัดหลงไป (เทียบ 2 ทม. 4,1-4) บรรดาพระสังฆราชผู้ร่วมสหพันธ์กับพระสังฆราชกรุงโรม, เมื่อท่านทำหน้าที่เป็นอาจารย์, ทุก ๆ คนต้องเคารพ ในฐานะท่านเป็นพยานแห่งอัตถ์ความเชื่อของพระเป็นเจ้า และความจริงคาทอลิก ; ส่วนสัตบุรุษต้องคล้อยตามพระสังฆราชของตน ตามความเห็นที่ท่านแสดงออกในนามของพระคริสตเจ้าเรื่องความเชื่อและศีลธรรม และต้องรับปฏิบัติตามด้วยใจเคารพนอบน้อม. อันความภักดีนอบน้อมด้านน้ำใจและด้านสติปัญญาดังนี้ ชาวเราต้องปฏิบัติเป็นอย่างพิเศษต่อพระอาจาริยานุภาพที่แท้จริง (= ไม่ใช่ปลอมแปลง) ของพระสังฆราชกรุงโรม, แม้เมื่อพระองค์มิได้ตรัส จากธรรมาสน์ (ex cathedra) หมายความว่า ชาวเราต้องยอมรับรู้ด้วยความเคารพว่า พระอาจาริยานุภาพของพระองค์ท่านเป็นอันสูงสุด และต้องยึดถือด้วยจริงใจต่อคำตัดสินของพระองค์ท่าน ที่แสดงเปิดเผยออกมาว่า เป็นความนึกคิดและน้ำพระทัยของพระองค์ท่าน ซึ่งเผยออกโดยลักษณะของเอกสารก็ดี, ทางการเน้นย้ำคำสอนอันเดียวกันนั้นบ่อย ๆ ก็ดี, หรือกระทั่งโดยทำนองพูดของพระองค์ท่านก็ดี.
พระสมณะผู้ใหญ่ (praesules = พระสังฆราช) แต่ละองค์
แม้ท่านไม่ทรงเอกสิทธิ์ความไม่รู้ผิดพลั้ง (50) ถึงกระนั้นแม้ขณะอยู่กระจัดกระจายกันทั่วโลก หากท่านคงรักษาความสัมพันธ์ในสหพันธ์กับเพื่อนพระสังฆราชด้วยกัน และกับองค์ท่านผู้สืบตำแหน่งของท่านเปโตร, เมื่อนั้นหากบรรดาพระสังฆราชสั่งสอนอย่างเป็นทางการ (51) ในเรื่องอัตถ์ความเชื่อและศีลธรรม และพวกท่านมีความเห็นพ้องต้องกันว่า เป็นปัญหาที่ต้องยึดถืออย่างเด็ดขาด เมื่อนั้นพวกท่านก็ประกาศอย่างไม่รู้ผิดพลั้ง ซึ่งคำสอนของพระคริสตเจ้า. เรื่องอย่างนี้ปรากฏเด่นชัดยิ่งขึ้นอีก เมื่อบรรดาพระสังฆราชมาร่วมประชุมพระสังคายนาสากล พวกท่านก็ทำหน้าที่เป็นอาจารย์และผู้พิพากษาทั่วทั้งพระศาสนจักรสากลในเรื่องอัตถ์ความเชื่อและศีลธรรม. เมื่อนั้นชาวเราต้องน้อมรับคำนิยามตัดสินของพวกท่าน ด้วยความเคารพภักดีต่อความเชื่อ
อันความไม่รู้ผิดพลั้งนี้
องค์พระผู้ไถ่ได้ทรงพอพระทัยให้พระศาสนจักรของพระองค์ทรงไว้เป็นสมบัติของตน, เพื่อประโยชน์ในการนิยามคำสอนเรื่องอัตถ์ความเชื่อและศีลธรรม และความไม่รู้ผิดพลั้งนี้มีขอบเขตกว้างเท่าพระคลังของฝาก (49) ของพระเป็นเจ้า, ซึ่งชาวเราต้งอสงวนรักษาไว้อย่างศักดิ์สิทธิ์ และต้องอธิบายอย่างซื่อตรง. ผู้ทรงไว้ซึ่งความไม่รู้ผิดพลั้ง คือพระสังฆราชกรุงโรม ในฐานะพระประมุขแห่งคณะพระสังฆราชทั้งหลาย, เดชะพระภาระหน้าที่ของพระองค์ท่าน จึงทรงพระอภิสิทธิ์อันนี้, ในเมื่อในฐานะทรงเป็นชุมพาบาล และอาจารย์สูงสุดของสัตบุรุษคริสตังทั้งหลาย, พระองค์ทรงเป็นหลักทำให้ภราดรทั้งหลายของพระองค์ตั้งมั่นในความเชื่อ (เทียบ ลก. 22,32) พระองค์ทรงประกาศพระธรรมคำสอนเรื่องอัตถ์ความเชื่อและศีลธรรม ด้วยการกระทำอันเด็ดขาด. เพราะฉะนั้นคำนิยามตัดสินของพระองค์ท่าน, จากตัวมันเองและไม่ใช่จากการเห็นพ้องของพระศาสนจักร, เรียกได้โดยถูกต้องว่าเป็นสิ่งที่เด็ดขาด, เปลี่ยนแปลงไม่ได้, เพราะเหตุว่าคำนิยามนั้นประกาศออกมาโดยความอนุเคราะห์ของพระจิตเจ้า, ซึ่งพระองค์ท่านได้รับตามคำมั่นสัญญาโดยผ่านท่านเปโตร, เพราะเหตุนี้จึงไม่ต้องการความเห็นชอบอันใดของผู้อื่น, ทั้งไม่มีทางอุทธรณ์ไปยังการตัดสินอื่นใดด้วย, เหตุว่าเมื่อนั้นพระสังฆราชกรุงโรมประกาศตัดสินออกมา ไม่ใช่เป็นบุคคล (ธรรมดา) สามัญ แต่ในฐานะปรมาจารย์สูงสุดของพระศาสนจักรสากลทั้งหมด, พิเศษพรความไม่รู้ผิดพลั้งของพระศาสนจักรเอง สถิตอยู่ในพระองค์ท่านโดยเฉพาะองค์เดียวต่างหาก, ในความไม่รู้ผิดพลั้งอันนี้พระองค์ท่านอธิบายป้องกันพระธรรมอัตถ์ความเชื่อ. ความไม่รู้ผิดพลั้งที่พระเป็นเจ้าทรงสัญญาไว้กับพระศาสนจักร ยังสถิตอยู่ในทาง (องค์กร) (50) ของบรรดาพระสังฆราชอีกด้วย ในคราวเมื่อท่านปฏิบัติพระอาจาริยานุภาพอันสูงสุด ร่วมกับองค์ผู้สืบตำแหน่งของท่านเปโตร, คำนิยามตัดสินเหล่านั้นต้องมีความเห็นพ้องต้องกันของพระศาสนจักรซึ่งจะขาดเสียมิได้เลย เพราะเป็นกิจกรรมของพระจิตเจ้าองค์เดียวกัน ซึ่งจะทรงกระทำให้ฝูงแกะของพระคริสตเจ้าทั้งหมดคงดำรงอยู่ในเอกภาพของความเชื่อ และเจริญวัฒนาต่อไป.
เมื่อพระสังฆราชกรุงโรมก็ดี
หรือเมื่อ (กาย, องค์กร) (50) คณะของบรรดาพระสังฆราชร่วมกับพระองค์ท่านก็ดี กำหนดคำนิยามการตัดสินอันใด, ท่านก็ประกาศออกมา เป็นไปตามพระวิวรณ์นั้นเอง ที่ทุก ๆ คนจำต้องยืนหยัดตามนั้น และต้องทำตนคล้อยตามนั้นด้วย. พระวิวรณ์ (การไขแสดงของพระเป็นเจ้า) (48) ที่บันทึกไว้เป็นลายลักษณ์อักษร หรือที่สืบทอดมา โดยทางการสืบทอดของบรรดาพระสังฆราชที่เป็นไปตามกฎหมาย และเฉพาะอย่างยิ่งโดยความสลวนเอาใจใส่ของพระสังฆราชกรุงโรมท่านเอง จึงถ่ายทอดออกมาอย่างครบถ้วน และโดยที่พระจิตแห่งความจริงทรงส่องสว่างนำหน้า บันดาลให้สงวนรักษาพระวิวรณ์นั้นไว้อย่างศักดิ์สิทธิ์และอธิบายอย่างซื่อตรง เพื่อการเสาะแสวงหาพระวิวรณ์โดยถูกต้อง และเพื่ออธิบายอัตถ์นั้นอย่างเหมาะสม พระสังฆราชกรุงโรมและบรรดาพระสังฆราชตามภาระหน้าที่ของท่าน และตามความหนักเบาของกรณี, ท่านก็ใช้วิธีการอันเหมาะสม และใช้ความพยายามอุตสาหะ แต่อย่างไรก็ดี ท่านไม่รับวิวรณ์ใหม่อันเป็นสาธารณะส่วนรวมอันใดก็ตาม ว่าเป็นอยู่ในประมวลพระคลังของฝาก (49) แห่งความเชื่อ.
|