12. ประชากรอันศักดิ์สิทธิ์ของพระเป็นเจ้า ย่อมมีส่วนในหน้าที่ประภาษกของพระคริสตเจ้าด้วยเพราะเขาบำเพ็ญตนเป็นพยานเป็น ๆ (ที่มีชีวิต) ของพระองค์
เฉพาะอย่างยิ่งเผยแพร่ด้วยการบำเพ็ญชีวิตความเชื่อและความรัก,
ด้วยการถวายสักการะแด่พระเป็นเจ้า, เป็นการบูชาสรรเสริญอันเป็นผลเกิดจาปากที่เขาใช้เทิดทูนพระนามของพระองค์ (เทียบ ฮบ. 13,15) สัตบุรุษผู้ได้รับการเจิมจากองค์ผู้ศักดิ์สิทธิ์ (เทียบ 1 ยน. 2,20 และ 27) เมื่อนำมารวมกันเข้าทั้งหมด เขาก็ไม่อาจหลงไปในเรื่องความเชื่อได้ และลักษณะอันพิเศษของพวกเขานี้ เขาแสดงออกโดยเป็นความรู้สึกอันเหนือธรรมชาติทางความเชื่อถือของประชากรทั้งหมด, เมื่อ จากบรรดาพระสังฆราชลงไปจนถึงสัตบุรุษฆราวาสคนสุดท้ายแสดงความเห็นพ้องต้องกันโดยทั่วไป
ในเรื่องความเชื่อและศีลธรรมเพราะด้วยว่าความรู้สึกทางความเชื่ออันนี้ มีพระจิตเจ้าเป็นผู้ปลุกเสก และ เป็นผู้พยุงไว้, ประชากรของพระเป็นเจ้าภายใต้การนำแห่งพระอาจริยานุภาพ (28) อันศักดิ์สิทธิ์ซึ่งเขาเคารพเชื่อฟังอย่างสัตย์ซื่อ, เมื่อนั้นเขาได้รับไม่ใช่คำพูดของมนุษย์ แต่ได้รับพระวาจาของพระเป็นเจ้าโดยแท้ (เทียบ ธส. 2,13) และเป็นพระวาจาแห่งความเชื่อ ซึ่งบรรดาผู้ศักดิ์สิทธิ์ได้รับมอบไว้แล้ว (เทียบ ยค. 3) และยังคงติดตรึงอย่างไม่รู้เสื่อมคลาย และตามคำตัดสินอันถูกต้อง พระวาจานั้นก็แทรกซ่านลึกเข้าไปในความเชื่อ และนำความเชื่อนี้มาประยุกต์ในชีวิตให้กว้างขวางยิ่ง ๆ ขึ้นไป.
นอกนั้นพระจิตเจ้าองค์เดียวกันนี้
ไม่ใช่แต่เพียงโดยทางศักดิ์สิทธิการและโดยทางภาระหน้าที่เท่านั้นที่พระองค์ประทานความศักดิ์สิทธิ์ และทรงแนะนำประชากรของพระเป็นเจ้า และทรงตกแต่งให้ประกอบด้วยคุณธรรมต่าง ๆ แต่พระองค์ยังประทานพระคุณนานาของพระองค์ ทรงแบ่งปันแก่คนละคน ตามแต่ทรงพอพระทัย (1 คร. 12,11), ท่ามกลางสัตบุรุษทุกชั้นวรรณะพระองค์ประทานพระคุณพิเศษให้ด้วย, เป็นพระหรรษทานที่ทำให้พวกเขาเหมาะสมและสรรพพร้อมจะรับทำงานและหน้าที่ต่าง ๆ ที่เป็นประโยชน์ฟื้นฟูและขยับขยายพระศาสนจักร ทั้งนี้เป็นไปตามวาทะที่ว่า ทุก ๆ คน ได้รับการแสดงองค์ของพระจิตเจ้า เพื่อทำคุณประโยชน์ (1 คร. 12,7), อันพระพรานุพรที่เป็นพรใหญ่โตรุ่งโรจน์ก็ดี, และที่เป็นพระพรชั้นรอง ๆ ซึ่งมีดาษดื่นก็ดี เพราะเป็นสิ่งที่เหมาะสมและเพื่อประโยชน์ความต้องการของพระ ศาสนจักร, เมื่อได้รับ ชาวเราต้องรับเอาด้วยใจกตัญญูขอบพระคุณและด้วยความเบาใจ, พระพรต่าง ๆ นอกปกติธรรมดาเหล่านี้ ชาวเราอย่าแสวงหาด้วยความเบาความ และอย่าชะล่าใจหวังจะได้รับผลในกิจกรรมแพร่ธรรมของตน, แต่เป็นหน้าที่ของหัวหน้าในพระศาสนจักร ที่จะตัดสินความแท้ไม่แท้ของพระคุณนั้น ๆ ทั้งในการใช้พระคุณให้เป็นระเบียบ เฉพาะอย่างยิ่งเป็นหน้าที่ของผู้ใหญ่ที่กล่าวมา, ไม่ใช่เพื่อให้ท่านดับพระจิตเจ้า แต่เพื่อให้ท่านพิสูจน์ทุก ๆ สิ่ง และยึดเอาแต่สิ่งที่ดี (เทียบ ธส. 5,12 และ 19-21),
|