Share |

พี่น้องที่รักในพระคริสตเจ้า

โอกาสเทศกาลมหาพรตได้แก่ช่วง 40 วันพิเศษ คือจากวันพุธรับเถ้าถึงวันศุกร์ศักดิ์สิทธิ์ คริสตชนใช้โอกาสนี้เตรียมเฉลิมฉลองความชื่นชมยินดีแห่งการกลับคืนพระชนมชีพของพระเยซูเจ้าพระผู้ไถ่ ปีนี้ตรงกับพุธวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2555 ถึงวันศุกร์ที่ 6 เมษายน 2555 เป็นธรรมเนียมของทุกปี ในเทศกาลมหาพรต

โดยการส่งสาส์นส่วนพระองค์ถึงคริสต-ชนทั่วโลก องค์สมเด็จพระสันตะปาปามีพระประสงค์ที่จะสนทนา เพื่อเป็นแรงบันดาลใจคริสตชนทุกคนรื้อฟื้นไตร่ตรองชีวิตภายในของตนอย่างจริงจัง จะได้เป็นประจักษ์พยานที่เข้มแข็งต่อความเชื่อในโลกปัจจุบัน ทั้งในฐานะที่เป็นส่วนตัวและในฐานะที่เป็นชุมชนศิษย์พระคริสต์  ปีนี้องค์สมเด็จพระสันตะปาปาเบเนดิกต์ที่ 16 เริ่มต้นสาส์นของพระองค์

โดยให้แง่คิดสลับกับคำอธิบายที่เป็นข้อเตือนใจ   โดยยกข้อความสั้นๆ ในจดหมายของนักบุญเปาโลถึงชาวฮีบรู “เราจงพิจารณาหาทางปลุกใจกันและกันให้มีความรักและประกอบกิจการดี” (ฮบ.10:24) จากข้อความสั้นๆ นี้ องค์สมเด็จพระสันตะปาปาเรียกร้องให้เราคริสตชนประชากรของพระศาสนจักร ใคร่ที่จะตระหนักถึงความสำคัญของการสวดภาวนา การเกื้อกูลและกัน และการจำศีล โดยไม่ลืมถึงความสำคัญของพระวาจาและศีลศักดิ์สิทธิ์

   ฉะนั้นในโอกาสเทศกาลมหาพรตปีนี้ พ่อขอเชิญชวนพี่น้องคริสตชนให้รื้อฟื้นชีวิตภายใน โดยสำรวจความประพฤติส่วนตัว ที่บางครั้งอาจผิดพลาดไปส่งผลร้ายต่อตัวเองต่อสมาชิกในครอบครัว ต่อเพื่อนมนุษย์และต่อพระเจ้า เพราะการทำผิดต่อผู้ใดก็เท่าทำผิดต่อพระเจ้า การสำนึกผิดเป็นการแสดงออกถึงการเปลี่ยนแปลง การกลับคืนสู่พระเจ้าและพระศาสนจักร

โดยพร้อมที่จะหลีกเลี่ยงสิ่งที่ยั่วยวนทั้งหลายที่จะนำไปสู่การหลงผิด ทำผิด หันกลับมาสู่การดำเนินชีวิตตามคุณค่าพระวรสาร ซึ่งให้ความสำคัญต่อการภาวนา พลีกรรมและให้ทานซึ่งเป็นกิจกรรมที่แสดงออกถึงการกลับใจ

เทศกาลมหาพรตปีนี้ องค์สมเด็จพระสันตะปาปาเน้นอีกว่า เราจะต้องตระหนักถึงคนอื่น เห็นความสำคัญของคนอื่น ด้วยการแสดงออกถึงชีวิตที่เปี่ยมไปด้วยความรัก ความห่วงใย ตักเตือนกันให้ดำเนินชีวิตที่ถูกต้อง เกื้อกูลซึ่งกันและกัน มีการให้ การเสียสละ นอกจากเสียสละทรัพย์สินแล้ว ยังต้องมอบน้ำใจดีแก่คนอื่นด้วย อันหมายถึงอย่าได้เห็นแก่ตัว นั้นก็คือเสียสละส่วนตน

เพื่อความสุขส่วนรวม มีความพากเพียรในการยับยั้ง ข่มจิตข่มใจไม่ตกอยู่ในภายใต้อำนาจของความลุ่มหลง ไม่อ่อนข้อต่อสิ่งมัวเมา ในสิ่งที่ขัดต่อความเชื่อและคำสั่งสอนของพระเยซูคริสตเจ้า ผู้ทรงเป็นหนทาง ความจริง และชีวิต

ด้วยการสำนึกแห่งการเป็นบุตรพระเจ้าและสมาชิกของพระศาสนจักร คริสตชนจึงต้องพัฒนาตนเองขึ้นใหม่ ให้มีคุณภาพที่สบพระทัยพระเจ้า  การร่วมพิธีมิสซาขอบพระคุณ การรับศีล การภาวนา การอดอาหาร การพลีกรรม ไม่เห็นแก่ตัวด้วยการให้ทาน เป็นวิธีหนึ่งที่เราคริสตชนสร้างภูมิต้านทาน เป็นภูมิคุ้มกันต่อสิ่งยั่วยวนตามตัณหาฝ่ายโลกไม่ให้บกพร่อง เพราะสิ่งเหล่านี้เป็นการกระทำความดี ความดีเป็นสิ่งที่สบพระทัยพระเจ้า

ขอมอบพี่น้องคริสตชนทุกคนไว้ในความดูแลของพระนางมารีย์ มารดาของพระศาสนจักรและมารดาของเรา

อวยพระมายังทุกคน

พระสังฆราชฟิลิป บรรจง ไชยรา
ประธานกรรมาธิการฝ่ายสังคม