วันอาทิตย์ที่ 21 พฤศจิกายน ค.ศ. 2010

“ชุมชนศิษย์พระคริสต์ บ่อเกิดชีวิตและกระแสเรียก”

ถึงพี่น้องคริสตชนคาทอลิกชาวไทยที่รัก

สภาพระสังฆราชคาทอลิกแห่งประเทศไทย ได้ประกาศใช้แผนอภิบาลคริสตศักราช 2010-2015 โดยมีเป้าหมายหลักสำคัญที่สุดเพื่อ “อภิบาลชุมชนศิษย์พระคริสต์ ร่วมพันธกิจแบ่งปันข่าวดี” ต้องถือเป็นโอกาสดีที่สุดสำหรับวันกระแสเรียกประจำปี ค.ศ. 2010 เมื่อเราร่วมกันสมโภชพระคริสตเจ้าเป็นกษัตริย์แห่งสากลจักรวาล และกล่าวได้ว่าเป็นการสิ้นสุดปฏิทินพิธีกรรมของพระศาสนจักรและเตรียมเริ่มปีพิธีกรรมใหม่ จึงนับเป็นปฐมฤกษ์สำคัญร่วมกันทั้งชีวิตและจิตใจของพี่น้องคริสตชนคาทอลิกไทยที่จะร่วมกันตอบสนองต่อแผนอภิบาลฯ

“ศิษย์พระคริสต์” คือ “กระแสเรียก” ที่จำเป็นและเป็นพื้นฐานสำหรับคริสตชนทุกคนที่ได้รับศีลล้างบาปและศีลกำลัง การอภิบาลชุมชนศิษย์พระคริสต์ คือ เป้าหมายใหญ่และสำคัญที่สุดของพระศาสนจักรคาทอลิกแห่งประเทศไทยในห้าปีนับจากนี้ไป เรามุ่งเสริมสร้างศิษย์และพัฒนาความเชื่อ โดยอาศัยพระวาจา ศีลศักดิ์สิทธิ์ และการอธิษฐานภาวนา เพื่อคริสตชนทุกคนในฐานะประชากรของพระเจ้าได้ร่วมเป็นหนึ่งเดียวให้ความรัก แสวงหา ติดตาม พระคริสตเจ้า จนกระทั่งคริสตชนแต่ละคน และชุมชนคริสตชนได้กลับกลายเป็นชุมชนศิษย์พระคริสต์ได้อย่างแท้จริง มีชีวิตที่เปี่ยมด้วยความศักดิ์สิทธิ์ ความรัก และความดีของพระเจ้า

แผนอภิบาลของสภาพระสังฆราชฯ ได้เน้นในบทที่ 3 ให้ สร้างและพัฒนาผู้อภิบาลและผู้ร่วมงานอภิบาล” “ผู้อภิบาล” คือ พระสังฆราช พระสงฆ์และสังฆานุกร และ “ผู้ร่วมงานอภิบาล” คือนักบวช ครูคำสอน ผู้นำกลุ่มคริสตชน ฯลฯ อันที่จริงกลุ่มผู้ได้รับกระแสเรียกบรรดาผู้อภิบาลพร้อมกับผู้ร่วมงานอภิบาลนี้จำเป็นต้องเลียนแบบพระเยซูคริสตเจ้านายชุมพาบาลที่ดี ผู้สนพระทัย ปกปักรักษา ติดตาม และอุทิศชีวิตของพระองค์เพื่อฝูงแกะ “เราเป็นผู้เลี้ยงแกะที่ดี ผู้เลี้ยงแกะที่ดีย่อมสละชีวิตเพื่อแกะของตน เรารู้จักแกะของเราและแกะของเรารู้จักเรา” (ยน 10:11,14)

โอกาสวันกระแสเรียกในปีแรกแห่งการประยุกต์ใช้แผนอภิบาลฯ ค.ศ. 2010-2015 นี้ เราของย้ำเตือนด้วยความรักเพื่อสร้างความตระหนักสำหรับพี่น้องคริสตชนคาทอลิกไทย ถึงความจริงที่ว่า กระแสเรียกเพื่อเป็นผู้อภิบาลทั้งหลายรวมทั้งผู้ร่วมอภิบาลด้วยนั้นมีบ่อเกิดมาจากพระศาสนจักรและเพื่อพระศาสนจักร ซึ่งหมายถึงกระแสเรียกนั้นเกิดขึ้นมาจากชุมชนศิษย์พระคริสต์ และมีจุดมุ่งหมายเพื่ออภิบาลชุมชนศิษย์พระคริสต์ จนกระทั่งสามารถนำชุมชนศิษย์พระคริสต์ไปสู่การประกาศข่าวดีแห่งความรักและความรอดพ้นให้แก่สังคมและโลก ขณะเดียวกันเราเชื่อมั่นว่า ชุมชนศิษย์พระคริสต์หรือพระศาสนจักรยิ่งเติบโตและสามารถเจริญชีวิตเป็นประจักษ์พยานถึงข่าวดีได้มากเท่าใด “กระแสเรียก” เพื่ออภิบาล เพื่ออุทิศตน และเพื่อรัก-รับใช้พระศาสนจักรก็ยิ่งจะต้องทวีมากขึ้นเช่นกัน

ชุมชนศิษย์พระคริสต์คือบ่อเกิดและจุดเริ่มต้นของกระแสเรียก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เริ่มต้นที่ครอบครัวคริสตชนและชุมชนวัด ณ ที่นั้น เป็นจุดเริ่มต้นของชีวิตและชีวิตแห่งศีลล้างบาปของเด็กและเยาวชนทั้งหลาย ครอบครัวและชุมชนวัดจึงเป็นที่อภิบาลกระแสเรียกแรกเริ่ม เป็นที่ที่เด็กๆ และเยาวชนได้เริ่มต้นสัมสัมผัสกับประสบการณ์พระเจ้า คือ ประสบการณ์แห่งความเชื่อ ความรัก และความหวัง ที่โน้มนำจิตใจ จนกระทั่งพวกเขาได้รับกระแสเรียกที่ค่อยๆชัดเจนขึ้นขณะที่เจริญชีวิตในครอบครัว ในชุมชนวัด และสังคม กระแสเรียกของพระเจ้าที่ทรงเรียกให้พวกเขาได้เลือกติดตามพระคริสตเจ้าด้วยความเชื่อ ความรักและความหวังเต็มเปี่ยม ไม่ว่าพวกเขาจะได้รับกระแสเรียกให้เป็นเป็นพระสงฆ์ เป็นนักบวช หรือเป็นคริสตชนฆราวาสก็ตาม

ดังนั้น โอกาสวันกระแสเรียกในปีนี้ เราจึงยึดเอาแผนอภิบาลดังกล่าวเป็นหลักในการให้สาสน์อภิบาลกระแสเรียกฉบับนี้ และในปีนี้ขอเน้นให้ชุมชนศิษย์พระคริสต์ได้ตระหนักอย่างแท้จริงในทุกระดับ เริ่มจากครอบครัวคริสตชน ชุมชนวัด ฯลฯ ได้เป็นบ่อเกิดการอภิบาลอบรมกระแสเรียกร่วมกับสถาบันอบรมกระแสเรียก (บ้านเณร และบ้านอบรมต่าง) ของพระศาสนจักรอย่างจริงจัง ทั้งนี้เพื่อมุ่งให้ผู้ได้รับกระแสเรียกทุกคนได้หยั่งรากถึงประสบการ์พระเจ้าในชีวิต มีพระเยซูเจ้าเป็นต้นแบบอย่างแท้จริง จนกระทั่งเด็กและเยาวชนผู้ได้รับกระแสเรียก โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ได้รับกระแสเรียกเป็นพระสงฆ์ นักบวช หรือผู้ร่วมงานอภิบาลทั้งหลายสามารถมีชีวิตเป็นประกาศกแท้ ผู้เลี้ยงแกะที่ดี และเป็นคนศักดิ์สิทธิ์ (เทียบ แผนอภิบาลฯ 24)เราขอเสนอแนวทางปฏิบัติตามข้อเสนอของแผนอภิบาลฯ ดังต่อไปนี้

•ครอบครัวและชุมชนวัด ต้องมุ่งให้เกิดการอบรมให้เกิดความรู้ ความตระหนักและสำนึก ให้ทุกคนมีความเชื่อมั่นคง เป็นชุมชนศิษย์พระคริสต์ที่มีอัตลักษณ์ความเชื่อ ความรัก-รับใช้ ให้โดดเด่น จนกระทั่งสามารถทำหน้าที่เป็นครอบครัว ชุมชนวัดที่ถ่ายทอดความเชื่อ แบบอย่างชีวิตอย่างแท้จริงเพื่อบุตรหลานซึ่งนับเป็นการอภิบาลกระแสเรียกและอันที่จริงเป็นบ่อเกิดกระแสเรียกเช่นกัน นอกนั้นขอเน้นให้ชุมชนวัดและครอบครัวภาวนาเพื่อพระกระแสเรียกสำหรับลูกหลานเสมอ

•บ้านเณรและบ้านอบรมทุกระดับ ต้องมุ่งสร้างและพัฒนาให้สามเณรหรือผู้ฝึกหัดตน ผู้ได้รับกระแสเรียกทั้งหลายได้มี “ประสบการณ์กับพระเจ้าอย่างลึกซึ้งร่วมกัน” โดยอาศัยชีวิตพระวาจา ศีลศักดิ์สิทธิ์และการอธิษฐานภาวนา ขณะเดียวกันยิ่งโลกปัจจุบันกำลังพัฒนาและมีกระแสรุนแรงและท้าทายมากเพียงใด บ้านอบรมทั้งหลายต้องให้ความสำคัญยิ่งขึ้นกับกระบวนการการอบรม บรรยากาศของบ้านอบรมที่เอื้อต่อการเติบโตของชีวิตผู้อภิบาลที่แท้จริงยิ่งขึ้น

•กระแสเรียกให้เป็นผู้ร่วมงานอภิบาล นอกจากกระแสเรียกเป็นผู้อภิบาลหรือศาสนบริกรแล้ว สภาพระสังฆราชยังมุ่งให้ความสำคัญอย่างยิ่งยวดกับกระแสเรียกเพื่อเป็นผู้ร่วมงานอภิบาล คือ นักบวช ครูคำสอน ผู้นำกลุ่มคริสตชน ฯลฯ (เทียบ แผนอภิบาลฯ 22-24) เพราะเป็นความจริงที่ว่า “ข้าวที่จะเก็บเกี่ยวมีมาก...” จึงจำเป็นที่เราจะร่วมกันให้ความสำคัญกับการสร้าง และการพัฒนาคริสตชนในชุมชนวัดเพื่อเป็นผู้ร่วมงานอภิบาลโดยเฉพาะอย่างยิ่งในชุมชนวัดและสถานศึกษาให้มากยิ่งขึ้นเช่นเดียวกัน
 

เราขอเรียกร้องด้วยความรักและความหวังเต็มเปี่ยม ให้คริสตชนคาทอลิกในประเทศไทยได้ร่วมกันสมโภชพระคริสตเจ้าผู้เป็นกษัตริย์แห่งสากลจักรวาล ทรงเป็นกษัตริย์ที่ทรงรัก-รับใช้ และทรงเป็นนายชุมพาบาลที่ดี ให้เราสมโภชด้วยหัวใจที่เปี่ยมด้วยความปรารถนาที่จะเป็นประชากรที่ดีของพระองค์ เป็นสมาชิกของพระศาสนจักร หรือเป็นชุมชนศิษย์พระคริสต์ที่แท้จริงยิ่งขึ้น สร้างและพัฒนาครอบครัว ชุมชนวัด ให้เปี่ยมด้วยพลังแห่งความรักของพระคริสตเจ้า จนกระทั่งชุมชนศิษย์พระคริสต์ คือ พระศาสนจักรในประเทศไทยจะสามารถเป็นบ่อเกิดชีวิต และเป็นบ่อเกิดกระแสเรียก ทั้งเพื่ออภิบาลและร่วมงานอภิบาลอย่างแท้จริง

ขอวิงวอนครอบครัวศักดิ์สิทธิ์แห่งนาซาเร็ธ แบบอย่างแห่งครอบครัวที่มีชีวิตพระคริสตเจ้าอยู่ท่ามกลางนั้น ได้โปรดให้ครอบครัวคริสตชน และชมุชนวัดทุกแห่งในประเทศไทย ได้เป็นศิษย์พระคริสตเจ้าที่แท้จริง และเป็นบ่อเกิดแห่งพระกระแสเรียกในพระศาสนจักรไทยให้มากยิ่งขึ้นด้วยเทอญ

อวยพรมาด้วยความรักในพระคริสตเจ้า


(พระอัครสังฆราช ฟรังซีสเซเวียร์ เกรียงศักดิ์ โกวิทวาณิช)
ประธานคณะกรรมการคาทอลิกเพื่อพระสงฆ์และผู้ถวายตัว

แผนกสามเณราลัยและกระแสเรียก
 

ขอขอบคุณสำนักมิสซังอัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ