โดย..วศิน มานะสุรางกูล

8 เมษายน 2009 ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา ชีวิตผมนั่งขลุกอยู่กับ “พินัยกรรมของสมเด็จพระสันตะปาปา จอห์น ปอล ที่ 2” ตามคำสั่งของ “ท่านผู้หนึ่ง” ซึ่งบัญชาการมาจากกรุงโรม
 

เมื่อได้รับคำสั่ง ผมก็มาอ่านและเรียบเรียงพินัยกรรมทุกฉบับของพระสันตะปาปาจอห์น ปอล ที่ 2 ให้เป็นภาษาไทย ความรู้ใหม่ที่ได้จากงานนี้ ก็คือได้รู้ว่าพระสันตะปาปาทุกพระองค์จะเขียนพินัยกรรมระหว่างการเข้าเงียบประจำปี ใจจริง ผมอยากนำต้นฉบับมาให้ดู แต่ติดว่า ต้องรอให้ท่านที่โรมตรวจสอบก่อน (ต้องขอขอบคุณ "คุณประวิทย์" ผู้จัดทำเว็บไซต์ "พลังใจ" สำหรับการเคยถอดถวามไว้ก่อนแล้ว ทำให้งานเรียบเรียงของผมง่ายขึ้นเยอะ)
 

อย่างที่รู้กันว่า ช่วงนี้เมื่อ 4 ปีที่แล้ว พระศาสนจักรคาทอลิกกำลัง “เคว้ง” เป็นอย่างมาก เนื่องจากผู้นำสูงสุดอย่างพระสันตะปาปา จอห์น ปอล ที่ 2 สิ้นพระชนม์ ขณะที่การเลือกตั้งพระสันตะปาปาองค์ใหม่ก็ยังไม่เริ่มขึ้น และก็เป็นช่วงนี้อีกเช่นกันที่วาติกันได้ทำการเปิดพินัยกรรมของพระสันตะปาปาผู้ล่วงลับ สารภาพเลยว่า 4 ปีที่ผ่านมา ผมยังไม่เคยแตะต้องหรืออ่านพินัยกรรมดังกล่าวแม้แต่ครั้งเดียว เพราะเนื้อหามันเยอะมากๆ พระสันตะปาปาเขียนพินัยกรรมไว้หลายฉบับ แถมภาษาที่ใช้เขียนไม่ได้มีแค่อิตาเลี่ยน ยังมีภาษาลาตินผสมอีก ผมเลยคิดว่า ไว้ว่างๆค่อยหาเวลามานั่งอ่านแล้วกัน (แล้วเป็นไง 4 ปีที่ผ่านมา ยังไม่ได้กลับไปอ่านเลยสักครั้ง)  
 
 

 
                 ช่วงเวลา "เคว้ง" และทุกคนกลัวมากว่า พระศาสนจักรจะเป็นอย่างไรต่อไป
 
เอาล่ะ ในเมื่ออ่านจบทุกตัวอักษร ก็ได้เวลาแบ่งปันกันบ้าง มี 3 เรื่องที่คริสตังควรจะรู้ (จริงๆมีมากกว่านี้ แต่เนื้อที่จำกั ด)   ...
 
อย่างแรกเลย พินัยกรรมของพระสันตะปาปา จอห์น ปอล ที่ 2 ทำให้เราได้รู้ว่า พระองค์กังวลภัยคุกคามจาก “ลัทธิคอมมิวนิสต์ – สงครามเย็น – การรบกันด้วยอาวุธนิวเคลียร์” เป็นอย่างมาก นับตั้งแต่พินัยกรรมฉบับแรก (6 มีนาคม ค.ศ.1979) จนถึงฉบับรองสุดท้าย พระสันตะปาปาจะเขียนเสมอว่า “นี่เป็นช่วงเวลายากลำบากและเปี่ยมด้วยอุปสรรคร้ายแรงสำหรับพระศาสนจักร” กระนั้น พระองค์ไม่ได้ระบุว่า “ความยากลำบากและอุปสรรค” คืออะไร ทุกอย่างมาเฉ ลยในพินัยกรรมฉบับสุดท้าย (17 มีนาคม ค.ศ.2000) “ขอบพระคุณพระญาณสอดส่องของพระเจ้า ยุคที่เรียกว่า “สงครามเย็น” ได้ยุติลง โดยปราศจากความขัดแย้งทางอาวุธนิวเคลียร์ซึ่งเป็นภัยคุกคามต่อโลกในช่วงที่ผ่านมา”
 
 

 
ค.ศ.1978 - 1990 ... คอมมิวนิสต์และอาวุธนิวเคลียร์คุกคามโลกอย่างร้ายแรง พระสันตะปาปาจึงเริ่มสมณสมัยด้วยความเครียด
 
 

อย่างที่สอง พระสันตะปาปาดีใจมาก เมื่อนำพระศาสนจักรก้าวผ่านปีปีติมหาการุญได้สำเร็จ พระองค์ระบุในพินัยกรรมฉบับสุดท้ายว่า “ขณะที่ข้าพเจ้าเขียนอยู่นี้ ปีปีติมหาการุญ ค.ศ.2000 ได้กลายเป็นความจริงและเริ่มขึ้นแล้ว คืนวันที่ 24 ธันวาคม ค.ศ.1999 ประตูที่เป็นเครื่องหมายปีปีติมหาการุญในมหาวิหารนักบุญเปโตรได้ถูกเปิดออก ตามด้วยมหา วิหารนักบุญจอห์น ลาเตรัน ต่อมาวันปีใหม่ก็เป็นมหาวิหารแม่พระ และวันที่ 19 มกราคม ก็เป็นประตูของมหาวิหารนักบุญเปาโล นอกกำแพงกรุงโรม เหตุการณ์เหล่านี้ตราตรึงอยู่ในความทรงจำตลอดไป เพราะเป็นความชื่นชมยินดีของกลุ่มคริสตชน” .... สาเหตุพระสันตะปาปาดีใจมากเสมือนงานทุกอย่างในสมณสมัยของพระองค์สำเร็จแล้ว ก็เพราะวันที่ 16 ตุลาคม ค.ศ.1978 ที่พระองค์ได้รับเลือกให้เป็นผู้นำพระศาสนจักร มีพระคาร์ดินัลองค์หนึ่งกล่าวว่า “พันธกิจ ของพระสันตะปาปาองค์ใหม่คือการนำพระศาสนจักรก้าวเข้าสู่สหัสวรรษที่สาม” พระสันตะปาปาซีเรียสกับคำพูดนี้มาก เพราะตอนนั้น พระองค์ไม่รู้ว่า จะปกป้องพระศาสนจักรให้รอดพ้นจากภัยคุกคามของคอมมิวนิสต์ได้หรือไม่ ดังนั้น เมื่อทำสำเร็จ พระองค์ก็ขอบคุณพระเจ้าด้วยความสำนึกอย่างล้นเหลือ
 

สุดท้าย “พระสันตะปาปาไม่กลัวความตาย แต่พร้อมยอมรับเสมอ” ... พินัยกรรมแทบทุกฉบับ พระสันตะปาปา จอห์น ปอล ที่ 2 จะเน้นว่า “เราแต่ละคนต้องระลึกอยู่เสมอในเรื่องความตาย และต้องเตรียมตัวให้พร้อมที่จะไปอยู่ต่อหน้าพ ระพักตร์พระเจ้าและการพิพากษา ... ข้าพเจ้ายอมรับความตายเรียบร้อยแล้ว” ผมชอบประโยคนี้มากๆ เพราะเราไม่มีทางรู้เลยว่าจะตายเมื่อไหร่ ฉะนั้น สิ่งสำคัญที่ควรทำคือเตรียมตัวให้พร้อมเสมอ
 

ไม่นานมานี้ พระคาร์ดินัล ฟรานซิส อรินเซ่ ได้เทศน์เข้าเงียบให้พระสันตะปาปาเบเนดิกต์และคณะพระคาร์ดินัลรับฟัง เนื้อหาว่า “คนวัยปลดเกษียณ ไม่ควรคิดเรื่องโน้นเรื่องนี้ให้หนักสมอง สิ่งสำคัญสุดที่ควรคิดก็คือ จะเตรียมตัวตายอย่ างไรให้ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดต่างหาก” ... ขอเสริมว่า ไม่จำเป็นต้องคนวัยเกษียณเท่านั้น ทุกคนนั่นแหละควรเตรียมพร้อมด้วยการทำความดี อย่าไปหมกมุ่นกับทรัพย์สมบัติให้มาก ตายไปก็เอาไปไม่ได้หรอก พระเจ้าไม่พิพากษาคนที่ทรัพย์สมบัติ แต่พิพากษาจากความดีที่เราทำในโลกนี้ พระสันตะปาปา จอห์น ปอล ที่ 2 ก็ระบุอย่างชัดเจนในพินัยกรรมว่า “ข้าพเจ้าไม่มีทรัพย์สมบัติทิ้งให้ใคร ข้าพเจ้ามีแต่ตัวเปล่าเท่านั้น”
 

 
 
                                             "ข้าพเจ้าไม่มีทรัพย์สมบัติใดๆทั้งสิ้น"

 


         เท่ห์มากกกกกกก : JOHN PAUL II ... WE LOVE YOU !! (หวังว่า จะ "ไม่เคย" เห็นภาพนี้กัน)
 
 
... ตัดกลับไปที่การสนทนากับท่านที่โรมอีกครั้ง “แล้วเคยเขียนพินัยกรรมไว้หรือเปล่า” ... “ไม่เคยครับ” ผมตอบสั้นๆและอึ้งๆ แต่ในใจอยากจะตอบเพิ่มไปว่า “ผมยังไม่อยากตายนะพ่อ ไม่ได้กลัว แต่ยังไม่พร้อม ผมยังมีหลายอย่างที่ต้องทำให้เป็นความจริงก่อน ถ้าผมทำทุกอย่างเสร็จเหมือนพระสันตะปาปา จอห์น ปอล ที่ 2 ผมก็พร้อมจะตายครับ”    
 

การสนทนาในคืนนั้น ทำให้ผมได้อะไรหลายอย่าง นอกจากจะได้แง่คิดจากพินัยกรรม ผมยังได้คิดอีกว่า “บางที เราก็ควรหาเวลาเงียบๆมานั่งเขียนพินัยกรรมแบบพระสันตะปาปาเหมือนกัน เพราะเราไม่มีทางรู้ว่า วันนั้น จะมาถึงเมื่อไหร่ ดังนั้น จงเตรียมพร้อมเสมอ”   .......