ขอบคุณข้อมูลบางส่วน จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี 
เรียบเรียงใหม่โดย ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศ อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ

สมเด็จพระสันตะปาปาเบเนดิกต์ที่ 16 (ละติน: Benedictus XVI, อังกฤษ: Benedict XVI) มีพระนามเดิมว่า พระคาร์ดินัล โยเซฟ รัตซิงเกอร์ (ภาษาละติน Iosephus Ratzinger, ภาษาอังกฤษ Joseph Alois Ratzinger)

ขึ้นดำรงตำแหน่ง

19 เมษายน พ.ศ. 2548

เกิด

16 เมษายน พ.ศ. 2470
 รัฐบาเยอร์น(บาวาเลีย) เยอรมนี
เป็นชาวเยอรมัน

ทรงเป็นบุตรชายของ

 โจเซฟ และมาเรีย รัตซิงเกอร์

ทรงมีพี่น้อง 2 คน

คนหนึ่งเป็นหญิงชื่อมาเรีย (เช่นเดียวกับพระมารดาของพระองค์) อีกคนหนึ่งเป็นพี่ชายคนโต ชื่อ จอร์จ (บวชเป็นบาทหลวงเช่นเดียวกับพระองค์)

ชีวิตวัยเด็ก

ปี ค.ศ. 1941 (พ.ศ. 2484)

เมื่อสงครามโลกครั้งที่สองอุบัติขึ้น พระองค์เข้าร่วมเป็นสมาชิกของหน่วยยุวชนฮิตเลอร์ (เด็กชายทุกคนในปี ค.ศ. 1941 (พ.ศ. 2484) ต้องเข้าร่วม) เมื่อกองทัพเยอรมันต้องการกำลังทหาร พระองค์ก็ถูกเกณฑ์เข้าไปเป็นพลปืนต่อต้านอากาศยาน ซึ่งพระองค์มีหน้าที่ดูแลเครื่องบินและต่อมาทรงย้ายไปประจำที่ศูนย์สื่อสารทางโทรศัพท์

ปี 1944(พ.ศ. 2487)

ทรงถูกเกณฑ์เข้าเป็นทหารอีกครั้งเพื่อประจำชายแดนที่ติดต่อกับฮังการี

 

พระองค์และเพื่อนร่วมชั้นก็ออกจากกองต่อต้านอากาศยาน แต่กลับถูกเกณฑ์อีกครั้งเพื่อไปประจำที่ชายแดนซึ่งติดต่อกับฮังการี พระองค์มีหน้าที่ติดตั้งอุปกรณ์ไว้ป้องกันกองทัพรถถังโซเวียต ในเดือนพฤศจิกายนปีนั้น พระองค์ก็ออกจากกองทัพและมุ่งหน้ากลับบ้าน สามสัปดาห์ผ่านไปพระองค์ก็ได้รับหมายเรียกให้รับการฝึกเป็นทหารราบ แต่ทรงไม่เคยต้องออกไปยังแนวหน้า

ในเดือนเมษายน 1945 (พ.ศ. 2488)

พระองค์ถูกจับในฐานะเชลยเนื่องจากทัพฝ่ายพันธมิตร และถูกปล่อยตัว

 

(ก่อนหน้านาซีจะยอมแพ้ไม่นาน) พระองค์ก็หนีทัพและกลับไปยังหมู่บ้านของพระองค์ แต่ภายหลังสงคราม พระองค์ถูกจับในฐานะเชลยเนื่องจากทัพฝ่ายพันธมิตรสรุปว่าพระองค์เป็นทหาร พระองค์ต้องไปเข้าค่ายกักกันเชลยศึก พระองค์ออกจากค่ายเมื่อวันที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2488 พระองค์ได้เริ่มเดินด้วยเท้าเป็นระยะทาง 120 กิโลเมตรเพื่อกลับหมู่บ้าน แต่ได้รับการช่วยเหลือจากรถส่งนมที่พาพระองค์ไปส่งที่เมืองเธราน์ชไตน์ (Traunstein) เมื่อพระองค์กลับถึงบ้าน ก็ได้พบกับพี่ชายซึ่งได้รับการปล่อยตัวมาจากค่ายเชลยศึกในอิตาลีเช่นเดียวกัน

การศึกษา / การบวช

ปี ค.ศ. 1939 (พ.ศ. 2482)

พระองค์ได้เข้าไปศึกษาเพื่อเตรียมตัวเป็นบาทหลวงในบ้านเณร ในเมือง Traunstein

ในปี 1945 (พ.ศ. 2488)

หลังจากที่พระองค์กลับถึงบ้าน พระองค์ก็ได้เข้าศึกษาต่อที่บ้านเณร แห่งหนึ่งในเมืองไฟรซิงก์ (Freising) หลังจากนั้นก็ไปศึกษาที่มหาวิทยาลัยลุดวิก-แม็กซิมิเลียน (Ludwig-Maximilian) ในเมืองมิวนิก

ในที่สุด เมื่อปี 1951 (พ.ศ. 2494)

ได้รับการบวชเป็นพระสงฆ์พระองค์ก็ได้บวชเป็นบาทหลวงโดยมีผู้บวชให้คือ พระคาร์ดินัลเฟาฮาเบอร์ (Faulhaber) แห่งเมืองมิวนิก ระหว่างนั้นพระองค์ยังทรงเขียนวิทยานิพนธ์ขึ้น 2 ฉบับ โดยมีเนื้อหาเกี่ยวกับนักบุญออกัสติน (เสร็จเมื่อ พ.ศ. 2496) และนักบุญโบนาเวงตูร์ (เสร็จเมื่อ พ.ศ. 2500)

ในปี 1958 (พ.ศ. 2501)

พระองค์ก็ได้เป็นอาจารย์สอนที่วิทยาลัยไฟรซิงก์

ตั้งแต่ พ.ศ. 2502 ถึง พ.ศ. 2506

เป็นอาจารย์สอนที่มหาวิทยาลัยบอนน์

ในปี 1966 (พ.ศ. 2509)

เมื่อพระองค์ย้ายไปสอนที่มหาวิทยาลัยมุนสเตอร์ พระองค์ได้เป็นอาจารย์สอนวิชาเทววิทยา ณ มหาวิทยาลัยตูบิงเกน (T?bingen) (ระหว่างนี้เองที่พระองค์ได้เห็นขบวนการมากมายที่อาจทำให้คำสอนของคาทอลิกผิดเพื้ยนไป เช่นขบวนการเรียกร้องสิทธิของพวกรักร่วมเพศ)

 ในปี 1969 (พ.ศ. 2512)

พระองค์ก็กลับไปยังบาวาเรีย แคว้นเกิดของพระองค์เพื่อไปสอนที่มหาวิทยาลัยรีเกนสบูรก์ (Regensburg)

ในปี 1972 (พ.ศ. 2515)

พระองค์ได้ร่วมกับฮันส์ เอิร์ส วอน บาลธาซาร์, อองริ เดอ ลูบัค และวอลเตอร์ แกสแปร์ ก่อตั้งวารสารทางศาสนาขึ้นมาชื่อว่าคอมมูนิโอ (Communio, ปัจจุบันวารสารนี้ตีพิมพ์ใน 17 ภาษา และเป็นหนึ่งวารสารคาธอลิกที่สำคัญที่สุด) พระองค์ยังเป็นผู้ที่เขียนบทความลงในวารสารนี้อีกด้วย

ประวัติการทำงาน

ในเดือนมีนาคม 1977 (พ.ศ. 2520)

ทรงได้รับการแต่งตั้งเป็นอัครสังฆราชแห่งเมืองมิวนิกและเมืองไฟรซิง

ในเดือนมิถุนายน ( 1977 )

ทรงได้รับการแต่งตั้งเป็นพระคาร์ดินัล โดยสมเด็จพระสันตะปาปาปอลที่ 6 (ในการเลือกตั้งพระสันตะปาปาใน พ.ศ. 2548 พระองค์เป็นหนึ่งในพระคาร์ดินัลที่มีสิทธิเลือก 3 คนที่ไม่ได้รับการแต่งตั้งจากสมเด็จพระสันตะปาปาจอห์น ปอลที่ 2) พระองค์ทรงเป็น 1 ใน 14 พระคาร์ดินัลท่ามกลางพระคาร์ดินัลองค์ทั้งหมด 115 รูป ที่ทรงได้รับการแต่งตั้งจากสมเด็จพระสันตะปาปาปอลที่ 6 ให้เป็นพระคาร์ดินัล

 

หลังจากเข้ามารับใช้สำนักวาติกันพระองค์ทรงเคยดำรงตำแหน่งผู้เชี่ยวชาญด้านเทววิทยายาวนานถึง 24 ปี

ในปี 1981  (พ.ศ. 2524)

สมเด็จพระสันตะปาปาจอห์น ปอลที่2 ทรงแต่งตั้งให้พระองค์เป็นเจ้าสมณะกระทรวงซึ่งดูแลเรื่องหลักคำสอนอันเที่ยงแท้แห่งคริสตศาสนจักร (Congregation for the Doctrine of the Faith)

25 พฤศจิกายน ค.ศ. 1981
(พ.ศ. 2524)

สมเด็จพระสันตะปาปาจอห์น ปอลที่ 2 แต่งตั้งให้เป็นสมณมนตรีของสมณกระทรวงว่าด้วยข้อความเชื่อ นอกจากนี้ยังทรงเคยดำรงตำแหน่ง

 

ประธานคณะกรรมการพระคัมภีร์

 

คณะกรรมการเทววิทยาระดับนานาชาติในสันตะสำนัก

(พ.ศ. 2526)

ผู้ประสานงานสมัชชาพระสังฆราช ครั้งที่ 5

(พ.ศ. 2526)

ประธานของผู้แทน สมัชชาพระสังฆราช ครั้งที่ 6

6 พฤศจิกายน ค.ศ. 1998 (พ.ศ. 2541)

ได้รับเลือกเป็นรองหัวหน้าคณะพระคาร์ดินัล

30 พฤศจิกายน ค.ศ. 2002
(พ.ศ. 2545)

ได้รับเลือกเป็นหัวหน้า (Dean) คณะพระคาร์ดินัล

พ.ศ. 2529 – 2535

เป็นประธานคณะกรรมการจัดทำหนังสือคำสอนพระศาสนจักรคาทอลิก

10 พฤศจิกายน ค.ศ. 1999
(พ.ศ. 2542)

ได้รับปริญญาเอกดุษฎีบัณฑิตจากมหาวิทยาลัยมาเรียซานติสสิมาอัสสุนตา
Maria Santissima Assunta

13 พฤศจิกายน ค.ศ. 2000
(พ.ศ. 2543)

ได้รับเกียรติเป็นสมาชิกกิตติมศักดิ์ของสถาบันวิทยาศาสตร์ในสันตะสำนัก (Pontifical Academy of Sciences)

 

ตำแหน่งที่ได้รับ

ทรงเคยเป็นสมาชิกในคณะกรรมการสมณกระทรวงของสันตะสำนัก
( Curial Membership )

 

  • พระศาสนจักรตะวันออก
  • พิธีกรรม
  • พระสังฆราช
  • การประกาศพระวรสารสู่ปวงชน
  • การศึกษาคาทอลิก
  • และเลขาธิการของรัฐวาติกัน (Second Section) ด้านความสัมพันธ์กับรัฐอื่น

ได้รับเลือกเป็นพระสันตะปาปา
เมื่อวันที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2548
(ปี 2005 )

พระองค์ก็ทรงได้รับเลือกเป็นพระสันตะปาปา เมื่ออายุ 78 ปี เป็นสมเด็จพระสันตะปาปาที่มีอายุมากที่สุดที่เคยได้รับเลือก เป็นพระสันตะปาปาองค์ที่ 265  พระองค์ทรงเป็นชาวเยอรมัน เป็นสมเด็จพระสันตะปาปาองค์ที่ 8 ที่ทรงเป็นชาวเยอรมัน ต่อจากสมเด็จพระสันตะปาปาเอเดรียนที่ 6

 

นับตั้งแต่สมเด็จพระสันตะปาปาคลีเมนต์ที่ 7 (พ.ศ. 2273) และเป็นสมเด็จพระสันตะปาปาชาวเยอรมันพระองค์แรกตั้งแต่สมเด็จพระสันตะปาปาเอเดรียนที่ 6 (1522–1523) (สมเด็จพระสันตะปาปาเอเดรียนที่ 6 ทรงเป็นชาวเยอรมันด้วย เพราะในสมัยของพระองค์ เนเธอร์แลนด์ถูกรวมอยู่ในจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ (The Holy Roman Empire) ซึ่งปกครองโดยบรรพบุรุษของชาวเยอรมันในปัจจุบัน) (สมเด็จพระสันตะปาปาองค์สุดท้ายก่อนหน้าพระองค์ที่มาจากดินแดนที่อยู่ในเขตเยอรมนีปัจจุบัน คือสมเด็จพระสันตะปาปาวิกเตอร์ที่ 2 ซึ่งดำรงตำแหน่งในปี 1055-1057)

หลังจากสมเด็จพระสันตะปาปาจอห์น ปอลที่ 2 สิ้นพระชนม์ในวันที่ 2 เมษายน 2548

การเลือกตั้งพระสันตะปาปาคราวนี้ใช้เวลาเพียง 2 วันเท่านั้น และมีการลงคะแนนทั้งหมด 4 ครั้ง ซึ่งถือว่าเร็วมากเมื่อเทียบกับการเลือกตั้งพระสันตะปาปาครั้งที่ผ่านๆ มา