หน้าหลักเช็คเมลล์ติดต่อเราสมุดเยี่ยมลิงค์คาทอลิกแผนผังเวบไซด์

ค้นหาข้อมูล :

 ความเห็นและจดหมายของพลโท สุนทร สันธนะวนิชเกี่ยวกับเรื่องนี้

วันที่ 10 มีนาคม ค.ศ. 1997

เรียนคณะกรรมการดำเนินงานเรื่องเสนอคุณพ่อนิโคลาส เป็นบุญราศี

กระผม พลโท สุนทร สันธนะวนิช อายุ 65 ปี ได้กระเกษียณอายุราชการมาแล้ว 5 ปี

ในระหว่างปี ค.ศ. 1988-1991 กระผมรับราชการในตำแหน่งหัวหน้าสำนักตุลาการทหาร และหัวหน้าตุลาการศาลทหารสูงสุด สังกัดกระทรวงกลาโหม มีภารกิจหน้าที่ดูแลรับผิดชอบและบังคับบัญชางานที่เกี่ยวกับการศาลทหาร ทั้ง 3 ศาล คือ ศาลทหารชั้นต้น ศาลทหารกลาง และศาลทหารสูงสุด

ระเบียบราชการที่เกี่ยวกับการศาลทหารนั้น จำเลยซึ่งอยู่ในอำนาจศาลทหาร ถ้าเป็นคดีที่เกี่ยวกับความมั่นคงของชาติและเกิดขึ้นในเขตที่ประกาศใช้กฎอัยการศึก เมื่อศาลทหารตัดสินคดีแล้ว อุทธรณ์และฎีกาไม่ได้ คดีเป็นอันถึงที่สุด จำเลยซึ่งถูกศาลทหารตัดสินลงโทษจำคุกเกินกว่า

3 ปี ทางราชการศาลทหารมีระเบียบให้ส่งตัวจำเลยไปจำคุกยังเรือนจำกลางบางขวาง ของกรมราชทัณฑ์ โดยทางราชการศาลทหารจะส่งหนังสือนำส่งตัวจำเลยและแนบคำพิพากษาของศาลทหารไปด้วย ให้เรือนจำกลางบางขวางเก็บรักษาไว้เป็นหลักฐาน

เอกสารหลักฐานต่างๆ ของเรือนจำกลางบางขวาง จะถูกเก็บรักษาไว้เป็นเวลา 10 ปีหลังจากนักโทษพ้นโทษแล้ว หรือเสียชีวิต ต่อจากนั้นทางราชการเรือนจำกลางบางขวางจะรวบรวมเอกสารเหล่านี้เพื่อทำลายต่อไป ทั้งนี้ ก ระผมได้สอบถามรายละเอียดเหล่านี้จากกรมราชทัณฑ์ และเรือนจำกลางบางขวางแล้ว

กระผมขอรับรองว่า รายละเอียดที่กราบเรียนข้างต้นเป็นความจริงทุกประการ

                                                                                               ด้วยความเคารพอย่างยิ่ง

                                                                                             (พลโท สุนทร สันธนะวนิช)

อดีตหัวหน้าสำนักตุลาการทหารและหัวหน้าตุลาการศาลทหารสูงสุด.

จากสาเหตุของความเกลียดชังในคริสตศาสนา ทำให้คุณพ่อนิโคลาสถูกใส่ความ ถูกจับ และถูกตัดสินจำคุก 15 ปี ชีวิตภายในคุกยังคงเป็นชีวิตแห่งธรรมทูต จนไม่เป็นที่พอใจของผู้ดูแลอยู่ภายในคุกนั้น ในที่สุด หลังจากที่คุณพ่อต้องรับทุกข์ทรมานต่างๆ นานา ภายในคุกนั้นแล้ว ท่านก็เป็นวัณโรค และเสียชีวิตภายในคุกนั้นเองก่อนที่กำหนดการตัดสินจำคุก 15 ปี จะสิ้นสุดลง นับเป็นความตายอันมาจากความเกลียดชังคริสตศาสนาโดยตรง เป็นวีรกรรม ที่สมควรได้รับการเชิดชูขึ้นเพื่อเกียรติมงคลของพระเป็นเจ้า และเป็นพยานยั่งยืนที่มีชีวิต เป็นความเชื่อที่ยังมีชีวิตอยู่ท่ามกลางพวกเรา เราพบความเชื่อที่ยิ่งใหญ่นี้ในจดหมายของคุณพ่อนิโคลาสเอง ที่ยอมรับน้ำพระทัยของพระเป็นเจ้าด้วยใจกว้างขวาง

"ขอคุณบิดาอย่าเป็นทุกข์ถึงลูกเลย การที่ลูกต้องโทษคราวนี้โดยลูกไม่ได้นึกได้ฝันเลย คุณบิดาก็ทราบดีว่าลูกรักประเทศชาติจนยอมสละความสนุกสบายฝ่ายข้างโลก ได้อุตส่าห์อบรมพี่น้องชาวทัยให้อยู่ในศีลธรรมอันดีเป็นร ะยะ ๑๕ ปี ลูกได้ช่วยชาติทั้งทางตรงทางอ้อม นอกนั้นยังเตือนคนอื่นอีกให้รักชาติ แต่อนิจจาลูกกลับถูกหาว่าขายชาติ ทรยศต่อชาติ พยานโจทย์ ๓ ปาก นับว่าไร้ศีลธรรมอย่างที่สุด กล้าใส่ความสงฆ์ผู้ทรงศีลโดยเจตนาเช่นนี้ ถึงกระนั้นก็ดี ลูกรู้สึกว่าพระเจ้าทรงบันดาลให้เป็นไปเช่นนี้ ลูกจึงขอน้อมรับโทษทัณฑ์อันนี้ตามน้ำพระทัยของพระ เพื่อชดเชยความผิด ความบาปของลูก และเพื่อความสันติภาพของ (สากล) โลก ทั้งความเจริญแห่งประเทศชาติที่รักของ ลูกด้วย ลูกสวดเสมอขอพระเอ็นดูยกความผิดของพยานเท็จที่ปรักปรำตามฉบับแห่งพระเยซูอาจารย์แห่งสากลโลก"

จากจดหมายฉบับนี้ของคุณพ่อนิโคลาส คุณพ่อได้น้อมรับทุกสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับท่านอันเนื่องมาจากความเกลียดชังในศาสนาด้วยความเต็มใจ จนกระทั่งคุณพ่อได้ถึงแก่มรณภาพในระหว่างที่ถูกคุมขังอยู่ในคุก ตลอดชีวิตของคุณพ่อ เต็มไปด้วยชีวิตที่ศักดิ์สิทธิ์ และทำหน้าที่ในงานอภิบาลในฐานะสงฆ์ของพระคริสตเจ้าอย่างขยันขันแข็ง จ นเป็นที่รู้กันโดยทั่วไป ด้วยชีวิตศักดิ์สิทธิ์และจิตตารมณ์อันเข้มแข็งของคุณพ่อ คุณพ่อจึงได้น้อมรับน้ำพระทัยจนบรรลุถึงการเป็นมรณสักขี