หน้าหลักเช็คเมลล์ติดต่อเราสมุดเยี่ยมลิงค์คาทอลิกแผนผังเวบไซด์

ค้นหาข้อมูล :

   เหตุการณ์การจับกุม คุณพ่อนิโคลาส

สมัยนั้น พระสงฆ์ไทยเข้าเงียบประจำปีเวลาค่ำของวันจันทร์ หลังวันฉลองครอบครัวศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งตรงกับวันอาทิตย์ที่ 12 มกราคม ค.ศ. 1941

คุณพ่อนิโคลาสออกจากโนนแก้วถึงโคราชในวันศุกร์ที่ 10 มกราคม มุ่งหน้าจะไปรับคุณพ่อเลโอนาร์ด สิงหนาท ผลสุวรรณ เพื่อเข้ากรุงเทพฯ ด้วยกันให้ทันวันรุ่งขึ้นคือวันเสาร์ที่ 11 มกราคม แต่ปรากฏว่าคุณพ่อเลโอนาร์ดได้ฟังวิทยุทุกเย็น เมื่อได้ฟังรายการ "สนทนาของนายมั่น-นายคง" อันเป็นรายการที่หว่านความหวาดกลัวลงสู่จิตใจพวกคริสตังทั่วประเทศ ท่านจึงตกลงใจรีบหนีไปหาที่หลบภัยที่วัดหัวไผ่ คุณพ่อนิโคลาสจึงไม่พบกับคุณพ่อเลโอนาร์ดที่โคราช จึงตัดสินใจเดินทางไปวัดนักบุญยอแซฟ บ้านหัน วันที่ 11 มกราคม คิดจะรับคุณพ่ออัมบรอซิโอ กิ๊น มิลลุกูล (พ่อเตี้ย) เจ้าอาวาสวัดบ้านหันไปด้วยกัน แต่แล้วก็ปรากฏว่าคุณพ่ออัมบรอซิโอก็ไม่อยู่แล้วเช่นเดียวกั

คุณพ่อนิโคลาสจึงได้เรียกบรรดาคริสตังวัดบ้านหันให้มาสวดภาวนาค่ำพร้อมกันและแจ้งให้ทุกคนมาร่วมมิสซาในวันรุ่งขึ้นซึ่งเป็นวันอาทิตย์ ตรงกับวันฉลองครอบครัวศักดิ์สิทธิ์ ขณะที่พวกเขากำลังสวดภาวนาค่ำพร้อมกันอยู่นั้น วิทยุกระจายเสียงจากกรุงเทพฯ ในรายการ "สนทนาของนายมั่น-นายคง" ปลุกปั่นยุยงไปทั่ว สร้างความตื่นตระหนกแก่คริสตังทุกค

พวกสมาชิกคณะเลือดไทยซึ่งมีอยู่ทั่วประเทศ เป็นคณะที่ต่อต้านฝรั่งเศสและทุกคนที่ถูกถือว่าเป็นฝ่ายฝรั่งเศส เฝ้าดูความเคลื่อนไหวของพวกคริสตัง เพราะพวกคริสตังถูกถือว่านับถือศาสนาของฝรั่งเศส

ขณะนั้นคุณพ่อนิโคลาสกำลังก่อสวดบทเร้าวิงวอนแม่พระ และสัตบุรุษก็ตอบรับตามปกติว่า "ช่วยวิงวอนเพื่อข้าพเจ้าทั้งหลายนี้เถิด" ตามสูตรของบทภาวนาลิตาเนีย แต่สมาชิกคณะเลือดไทยที่เฝ้าดูอยู่นั้น ไปรายงานแก่นายอำเภอสีคิ้วและเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า คุณพ่อนิโคลาสนำบรรดาคริสตังให้สวดภาวนา "ขอให้ฝรั่งเศสชนะไทยนี้เถิด"

นับเป็นข้อกล่าวหาข้อแรกที่กระทำต่อคุณพ่อนิโคลาส วันรุ่งขึ้นคือวันอาทิตย์ที่ 12 มกราคม คุณพ่อนิโคลาสตีระฆังเช้าเวลา 8.30 น. เพื่อเรียกให้พวกคริสตังมาวัดฉลองครอบครัวศักดิ์สิทธิ์ และเหตุการณ์นี้ได้เป็นที่มาของการจับกุมคุณพ่อนิโคลาสและชาวบ้านอีก 8 คน ด้วยข้อกล่าวหาที่ว่า ขัดต่อคำสั่งการย่ำระฆัง เรียกประชุมชาวบ้าน พระสังฆราชแปร์รอสได้เขียนชี้แจงเกี่ยวกับเรื่องนี้ไว้ดังนี้

"คุณพ่อนิโคลาสได้ตีระฆังเพื่อเรียกคริสตังมาวัดฟังมิสซาในเวลาแปดโมงครึ่งตอนเช้า ด้วยการกระทำอันนี้ ท่านถูกกล่าวหาว่าฝ่าฝืนคำสั่งของนายอำเภอ ซึ่งห้ามตีระฆังในระหว่างเวลากลางคืน"

นอกจากนี้ พระสังฆราชแปร์รอสยังเคยเขียนหนังสือฉบับหนึ่งถึงหลวงอดุล อดุลเดชจรัส อธิบดีกรมตำรวจ ในเวลานั้น เพื่อชี้แจงถึงความบริสุทธิ์ของคุณพ่อว่า

"วันที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2484 นี้ บาทหลวงบุญเกิด กฤษบำรุง (นิโกเลา) ได้ถูกตำรวจจับที่วัดบ้านหัน อำเภอสีคิ้ว (จันทึก) เพราะว่าได้ตีระฆังกลางวันสำหรับประชุมคนให้มาสวดภาวนาตามธรรมเนียมทุกวันอาทิตย์ แต่กำนันไม่ให้ตีระฆังกลางคืน"

 จากคำให้การของพยานผู้รู้เห็นเหตุการณ์ (eyewitness) คือ ครูเจริญ ราชบัวขาว ซึ่งถูกจับและถูกขังคุกพร้อมกับคุณพ่อนิโคลาส ได้ยืนยันว่าดังนี้

"เจ้าหน้าที่คุมตัวนักโทษทั้งหมดไปที่สีคิ้ว... ด้านการสอบสวน ทางการพยายามใช้วิธีให้คริสตังปรักปรำกันเอง คือได้ไปนำคริสตังมาอีก 9 คน จากบ้านหัน... ให้คนทั้ง 9 คนนี้ เป็นพยานปรักปรำว่า 9 คนที่ถูกจับเป็นพวกกบฏ เป็นแนวที่ 5 พวกเอาใจช่วยเหลือฝรั่งเศส.. พวกนักโทษถูกนำไปโรงพักซึ่งคับแคบมาก อยู่ที่นั่นราว 1 อาทิตย์ จากนั้นก็ถูกล่ามโซ่เพื่อเตรียมตัวส่งไปคุกโคราช... ถูกจับขังคุกที่เรือนจำโคราชประมาณเดือนครึ่ง แล้วนักโทษทั้งหมดจึงถูกส่งไปกรุงเทพฯ โดยทางรถไฟ ลงจากรถไฟก็มีคนมารับไปเร่ฝากขังตามที่ต่างๆ คุกปทุมวันไม่รับเพราะเต็มมาก ได้ไปฝากขังที่ สน. พระราชวัง 1 คืน ที่สุดพาไปขังที่ศาลาแดง ถนนวิทยุ สวนลุมพินี รวมเวลาที่อยู่ในคุกศาลาแดงประมาณ 9 เดือน ในช่วง 9 เดือน ไปศาลพิเศษหลายครั้ง มีการซักพยาน ผู้ที่เป็นประธานศาลคือ พล.อ. พระขจร เนติศาสตร์ หลังจากพยายามสอบสวนและพิจารณาคดีรวมทั้งหมดราว 11 เดือน ตั้งแต่วันถูกจับ ที่สุด โดนข้อหากบฏภายนอกราชอาณาจักร ตามมาตราที่ 104/110/111 คุณพ่อนิโคลาสถูกตัดสินจำคุก 15 ปี... สถานที่ตัดสินและใช้เป็นศาลพิเศษได้แก่ กระทรวงกลาโหม ชั้น 3 พอตัดสินเสร็จก็นำนักโทษไปอยู่เรือนจำลหุโทษ คลองเปรม ห้องขังสกปรก มืดทึบ มีช่องอากาศช่องเดียว คับแคบ อยู่ด้วยกัน 9 คน นั่งอัดกันอยู่ที่นี่ได้ราว 2 อาทิตย์ เขาก็ย้ายนักโทษทั้งหมดไปอยู่เรือนจำบางขวาง"