การเบียดเบียนสิ้นสุดจริงหรือ? ทางใต้ของมิสซังหนองแสง ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี
ได้ปิดวัดและโรงเรียนหลายแห่ง เขาได้มอบหน้าที่ให้นายอำเภอพยายามทำการเกลี้ยกล่อมพวกคริสตังให้ละทิ้งศาสนา ให้ขับไล่พวกครูและพวกเจ้าหน้าที่ที่เป็นคริสตังออกจากหน้าที่ นายอำเภอได้ปฏิบัติตามคำสั่งของหลวงพิบูลอย่างเสียไม่ได้ เพราะตัว เขาเองไม่มีปัญหาอะไรกับพวกคริสตัง เพราะฉะนั้น ภายหลังคำสั่งที่ 9 เขาได้ผ่อนปรนการเบี ยดเบียน แต่พวกพระสงฆ์ของมิสซังอุลบ ลไม่กล้าเคลื่อนไหวเขาคิดถึงพวกคริสตังว่าจำเป็นต้องได้รับกา รดูแลจึงเชิญพระสงฆ์ซาเลเซียนให้มาทำหน้าที่แทน
ข้าพเจ้าจะพูดถึงเรื่องนี้ในตอนต่อไป เป็นการสิ้นสุดการเบียดเบียนหรือ? หามิได้ หลังจากดูเหมือนสงบเงียบระยะสั้นๆ การเบียดเบียนก็เริ่มใหม่อีกอย่างรุนแรงในจังห วัดนครพน มและที่ท่าแร่ ในบางจังหวัดของมิสซังกรุงเทพฯ และขยายออกไปในเขตมิสซังของพระสง ฆ์คณะซาเลเซียน เราจะพูดถึงเรื่องนี้ 1. ในจังหวัดนครพนม ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนมระงับการปฏิบัติตามคำสั่งที่ 9 ระยะสั้นๆ แต่การกระทำดังกล่าวไม่ มีผลอะไร เขาได้รับคำสั่งชัดเจนจากกรุงเทพฯ ที่หนองแสง
ได้มีการรื้อไม้กางเขนจากหอระฆังของอาสนวิหารได้มีการขุดกำแพงเพื่อเอาไม้กางเ ขนที่ฝังไว้บนกำแพงออกไป ได้มีการทำทุรจารหลุมฝังศพและหักไม้กางเขนทั้งหมด (อ้างเอกสารหมา ยเลข 12 วันที่ 14 ตุลาคม ค.ศ. 1941) นอกจากนี้ ยังบังคับให้พวกคริสตังละทิ้งศาสนาขับไล่พระสงฆ์ไ ทยออกจากวัด และส่งคุณพ่อเอดัวรด์และคริสตังบางคนที่ไม่ยอมละทิ้งศาสนาไปขังคุกที่บางขวาง อาสนวิหารท่าแร่ถูกทำลายแบบถอนรากถอนโคน
ตั้งแต่หอระฆังจนถึงพื้น และอิฐเหล่านี้ถูกน ำไปไ ว้ในบริเวณกำแพงคุกของจังหวัด เพื่อไว้ใช้ในการก่อสร้างอาคารของทางราชการ ต่อไป เขาอ้างว่า หอระฆังของอาสนวิหารได้ถูกกระสุนปืนใหญ่ที่ยิงจากอินโดจีน และประการสุดท้าย
บรรดาหนังสือประ วัติศาสตร์ที่ใช้ในปัจจุบันไม่ทราบเรื่องการเบียดเบียนเลย สอนว่าอาสนวิหารคาทอลิกของหนองแสงได้ พังทลายลงเพราะถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงจากฝั่งแม่น้ำโขงหลังจากอาสนวิหารถูกทำลายแล้วทั้งสำนักพระสั งฆราช,บ้านพักพระสงฆ,์ โรงเรียนของวัด, สถานเลี้ย งเด็กกำพร้า, คอนแวนต์ของนักบวชหญิง, โรงครั ว, กำแพงล้อมรอบ ทุกอย่างถูกทำลายจนหมด ไม่เหลือร่องรอยของพวกคริสตัง ไม่เหลือสัญลักษณ์ของ ศาสนาคริสต์อีกเลย
โรงเรียนพระหฤทัยฯ ก็ประสบชะตากรรมแบบเดียวกัน ถูกทำลายหมด บริเวณรอบนอกเมือง ที่คำเกิ้ม วัดได้ถูกเผาไปแล้ว บ้านพักพระสงฆ์และโรงครัวถูกทำลายเกลี้ยงไม่เหลือร่องรอยอีกเล ย
ปัจจุบัน ถึงคราวของวัดอื่นๆ และโรงเรียนของวัด ที่นามน, โคกก้อง, เชียงยืน, ที่นานาย,ที่สองค อน ไม่เหลือร่องรอยของศาสนาคริสต์อีกเลย ผู้ว่าราชการจังหวัดภาคภูมิใจอย่างยิ่ง เขาคิดว่าได้ทำลายศาสนาคริสต์ในจังหวัดของเขาอย่างเ รียบ ร้อยและอย่างเด็ดขาด 2. ในจังหวัดสกลนคร
ศาสนาคริสต์ถูกทำลายอย่างไม่เหลือร่องรอยเช่นเดียวกัน ที่ท่าแร่ วัดกลายเป็นห้องประชุมปร ะจำท้องถิ่น บ้านพักพระสงฆ์และคอนแวนต์กลายเป็นสำนักงาน, บ้านพักของนายอำเภอ, สถานีตำรวจ แ ละที่ทำการไปรษณีย์ ในเขตวัดของจังหวัดอื่น วัดต่างๆ ไม่ถูกเผาก็ถูกทำลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย หรือไ ม่ก็ถูกดัด แปลงเป็นวัดพุทธ หรือไม่ก็ทำเป็นโรงเรียนของรัฐบาล นี่เป็นการสิ้นสุดของกลุ่มคริสตชนที่
นาโพ, ทุ่งมน, จันทร์เพ็ญ, จอมแจ้ง, คอนเชียงคูน, ป่า หว้าน, ช้างมิ่ง,หนองเดิ่น, นาคำ, นาบัว และดอน ทอย ผู้ว่าราชการจังหวัดสกลนครภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่งเช่นเดียวกัน บรรดานายอำเภอและพวกสมา ชิกของคณะเลือดไทยได้ทำงานสำเร็จ ไม่เหลือร่องรอยของศาสนาคริสต์ในจังหวัดของเขาอีกเลย 3. ในจังหวัดหนองคาย
วัดที่เวียงคุกพร้อมทั้งบ้านพักพระสงฆ์ถูกทำลายเรียบ ที่ห้วยเล็บมือ และห้วยเซือม วัดและบ้าน พักพระสงฆ์กลายเป็นโรงเรียนของรัฐบาล 4. ในจังหวัดอุดรธานี
วัดโพนสูงกลายสภาพเป็นโรงเรียน 5. ในจังหวัดเลย วัดท่าบ่มกลายสภาพเป็นโรงเรียน 6. ในแคว้นจำปาศักดิ์ (ประเทศกัมพูชา) ดินแดนสุดท้ายที่ฝรั่งเศสยึดครอง วัดปากห้วยเพ็กถูกใช้เป็นสำนักงานบัญชาการของไทยเพื่อปกครองดินแดนที่ยึดได้ นี่เป็นการสิ้นสุดของศาสนาคริสต์ ไม่เหลือร่องรอยของศาสนาคริสต์อีกเลย ในทุกจังหวัดเหล่านี้ คำสั่งลับของหลวงพิบูลถึงบรรดาผู้ว่าราชการจังหวัดและบรรดานายอำเภอ มีผลระงับคำสั่งที่ 9/1941 ของอธิบดีกรมตำรวจซึ่งเคยหวัง ยุติการต่อสู้เพราะไม่มีคู่ต่อสู้ ไม่มีวัด ไม่มีบ้านพักพระสงฆ์
ไม่มีบ้านพักนักบวชหญิง ไม่มีโรงเรียน ไม่มีคริสตังหลงเหลืออยู่อีกเ ลย ในจัง หวัดเหล่านี้พวกคริสตังเรียกได้ว่าถูกบังคับให้ละทิ้งศาสนา ภายใต้การข่มขู่ในจำนวนคนเหล่ านี้ที่ได้ปฏิเสธความเชื่อ มีผู้ที่ยังมีชีวิตอยู่ซึ่งเคยผ่านคุกมาแล้วและหนีไปหลบภัยอยู่ในหมู่บ้านที่ไม่มีใคร รู้จัก ส่วนคนที่เป็นพยานยืนยันความเชื่อของพระคริสตเจ้ามีจำนวน 8 คน อยู่ที่บางขวาง ถูกตัดสินจำ คุกตลอดชีวิตพร้อมกับคุณพ่อเอดัวรด์ (และพระสงฆ์อีก 4 องค์ของกรุงเทพฯ) และมีบางคนตายในคุก มรณสักขี 7 องค์
ของหมู่บ้านสองคอนที่ยอมตายเพื่อศาสนาดี กว่านบนอบ คำสั่งของรัฐบาล ให้ละทิ้งความเชื่อ พวกคริสตังบางคนซื่อสัตย์ต่อศาสนาของพระเยซูเจ้าอย่างน่าสรรเสริญ และมรณสักขี7 องค์ ของส องคอนได้รับแต่งตั้งเป็นบุญราศีพวกท่านสละชีวิตเพื่อพระคริสตเจ้าเป็นตัวอย่างและเป็นสักขีพยานดียอ ดเยี่ยมสำหรับพระสงฆ์และคริสตังชาวไทย พวกท่านได้ช่วยจุดเพลิงและทนุถนอมจิตตารมณ์ของมิชชัน นารีสำหรับคริสตังชาวไทย |