หน้าหลักเช็คเมลล์ติดต่อเราสมุดเยี่ยมลิงค์คาทอลิกแผนผังเวบไซด์

ค้นหาข้อมูล :

ชื่อเสียงความเป็นมรณสักขี

32. ชื่อเสียงแห่งความศักดิ์สิทธิ์และวีรกรรมของผู้รับใช้ของพระเป็นเจ้า ได้แสดงให้เห็ นในจดหมายฉบับหนึ่งจากจดหมายหลายๆ ฉบับที่เขียนโดยพระสังฆราชแปร์รอส รวมทั้งรายงานต่างๆ ของพระสังฆราชปาซอตตีถึงสมณกระทรวงเผยแพร่ความเชื่อ

 พระสังฆราชแปร์รอสได้แสดงออกอย่างชัดแจ้งว่า ผู้รับใช้ของพระเป็นเจ้าใช้ชีวิตอย่างศักดิ์สิทธิ์และประพฤติตนเป็นที่น่านับถือ ได้อยู่บนสวรรค์แล้ว พระสังฆราชแปร์รอสได้เขียนจดหมายฉบับหนึ่งถึงพระสังฆราชอาเดรียง ดราปิเอร์ ผู้แทนพระสันตะปาปาในอินโดจีน ลงวันที่ 16 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1944 กล่าวว่า:

"เราได้สูญเสียพระสงฆ์พื้นเมืององค์หนึ่งในจำนวน 3 องค์ ที่ถูกตัดสินจำคุกโดยไม่มีความผิด คุณพ่อนิโคลาสเป็นพระสงฆ์ที่มีใจร้อนรน มีความกระตือรือร้นกว่าทุกคน เป็นระยะเวลา 8 เดือน ที่ท่านป่วยเป็นวัณโรคอยู่ในโรงพยาบาลของเรือนจำ ท่านได้ทำให้คนกลับใจจำนวน 68 คน และโปรดศีลล้างบาปให้คนใกล้ตาย ผู้ที่ลงโทษตัดสินจำคุกท่านอย่างอยุติธรรม คงไม่คาดคิดว่าจะได้รับผลตอบแทนเช่นนี้"

 ดังนั้น พระสังฆราชแปร์รอสจึงตัดสินใจฝังศพของผู้รับใช้ของพระเป็นเจ้าไว้ภายใต้พระแท่นของอาสนวิหารอัสสัมชัญ กรุงเทพฯ และทำเครื่องหมายกิ่งมะกอกบนป้ายชื่อของผู้รับใช้ของพระเป็นเจ้า อันเป็นเครื่องหมายแห่งชัยชนะในฐานะมรณสักขีตามความเชื่อคริสตัง

 คุณพ่อเมอนิเอร์ได้ยืนยันว่า:

 "เกี่ยวกับชีวิตของคุณพ่อนิโคลาสในช่วงที่อยู่ในคุกนั้น ข้าพเจ้าไม่ทราบอะไร รู้แต่เพียงว่าคุณพ่อได้โปร ดศีลล้างบาปให้แก่นักโทษที่อยู่ในคุกหลายคน ส่วนเรื่องการนำเสนอคุณพ่อเป็นบุญราศี มีการสลักกิ่งมะกอกบนหลุมฝังศพของคุณพ่อ ซึ่งเป็นการแสดงความเชื่อในเรื่องนี้อยู่แล้ว เป็นการยากที่จะให้ความเห็นในเรื่องนี้ เพราะกรณีนี้แตกต่างจากกรณีที่บ้านสองคอน"

 ในปี ค.ศ. 1946 พระสังฆราชกาเยตาโน ปาซอตตี ได้เขียนจดหมายฉบับหนึ่งถึง สมณกระทรวงเผยแพร่ความเชื่อ รายงานเกี่ยวกับความตายและความศักดิ์สิทธิ์ของผู้รับใช้ของพระเป็นเจ้าว่าดังนี้:

 "คุณพ่อนิโคลาสพระสงฆ์พื้นเมืองอีกองค์หนึ่งของมิสซังกรุงเทพฯ ได้เสียชีวิตในห้องขัง เมื่อวันที่ 12 มีนาคม ค.ศ. 1944 คุณพ่อได้โปรดศีลล้างบาปให้แก่ผู้ใหญ่ที่อยู่ในคุกนั้นจำนวน 70 คน ท่านเป็นพระสงฆ์ที่มีจิตวิญญาณที่สวยงาม เป็นพระสงฆ์ศักดิ์สิทธิ์ เรื่องราวชีวิตของท่านจะได้รับพระพร"

 สำหรับวันที่ที่ผู้รับใช้ของพระเป็นเจ้าถึงแก่ความตายนั้น ได้ถูกระบุไว้ในเอกสารนี้คือ "วันที่ 12 มีนาคม ค.ศ. 1944" อันที่จริง ควรจะอ่าน "วันที่ 12 มกราคม ค.ศ. 1944" แทน ทั้งนี้อาจจะมาจากความผิดพลาดในการทำสำเนาเอกสาร หรือความจำผิดพลาดของพระสังฆราชปาซอตตี เราทราบวันที่ที่ผู้รับใช้ของพระเป็นเจ้าถึงแก่ความตายจากจดหมายของพระสังฆราชแปร์รอส ลงวันที่ 9 มีนาคม ค.ศ. 1944 ถึงข้าหลวงประจำจังหวัดพระนครว่า:

 "บาดหลวงบุญเกิด กริสบำรุง ได้ถึงความมรณภาพในเรือนจำกลางบางขวาง อำเภอนนทบุรี จังหวัดพระนคร วันที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2487 (1944) แล้วถูกฝังที่วัดบางแพรก"

1. ชื่อเสียงความเป็นมรณสักขีของผู้รับใช้ของพระเป็นเจ้าได้รับการยืนยันอย่างชัดเจนจากพยาน

 33. ได้มีการถามว่าผู้รับใช้ของพระเป็นเจ้าได้สละชีวิตเพื่อความเชื่อ นายเจริญได้ตอบว่า:

 "ผมถือตั้งแต่ยังไม่ทันปล่อยออกจากคุกเลย"

 เขายังได้กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า ประชาชนเชื่อว่าผู้รับใช้ของพระเป็นเจ้าอยู่กับพระเป็นเจ้าแล้วเวลานี้ เพราะว่าได้ตายแบบมรณสักขี

 นางเง็กซี กิจสงวน มีความคิดเห็นเช่นเดียวกันกับสัตบุรุษวัดนักบุญเปโตรซึ่งเป็นสถานที่เกิดของผู้รับใช้ของพระเป็นเจ้า:

 "เขาเข้าใจว่าคุณพ่อเป็นมรณสักขีไปแล้ว และได้สวดขอ บางคนได้เล่าให้ฟังว่าเขาขออะไร เขาก็ได้ ขอพระผ่านทางคุณพ่อนิโคลาส"

 นายวันนา ไพรจันทึก ได้เป็นพยานว่า:

 "ประชาชนส่วนใหญ่ถือว่าคุณพ่อเสียชีวิตแบบมรณสักขี เพราะว่าคุณพ่อเสียชีวิตก็ด้วยเรื่องเกี่ยวกับศาสนา"

 และเขายังได้กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า:

 "ประชาชนเชื่อว่าคุณพ่อนิโคลาสขึ้นสวรรค์แล้ว เป็นนักบุญแล้ว"

 ความคิดเห็นนี้สอดคล้องกับความคิดเห็นทั้งหมดดังนี้ นายสุเทพ ศรีสุระ ได้ให้การว่าประชาชนเห็นว่า ความตายของผู้รับใช้ของพระเป็นเจ้า เป็นความตายแบบมรณสักขี

 "แน่นอน ไม่มีใครสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้"

 ชื่อเสียงความเป็นมรณสักขีของผู้รับใช้ของพระเป็นเจ้ายังคงเป็นอยู่ในเวลานี้ใน 3 สังฆมณฑล สถานที่ซึ่งผู้รับใช้ของพระเป็นเจ้าเคยใช้ชีวิตและเคยทำงานอภิบาล

 - พระสังฆราชสังวาลย์ ศุระศรางค์ พระสังฆราชแห่งสังฆมณฑลเชียงใหม่ ได้เป็นพยานว่า

 "ประชาชนทุกวันนี้ยังคงให้ความเคารพท่านในฐานะเป็นมรณสักขี มีคนศรัทธาต่อคุณพ่อจริง แต่ศรัทธาแบบเป็นมรณสักขี เป็นคุณพ่อที่มีความร้อนรน"

 ท่านยังได้กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า:

 "ในแง่หนึ่ง ผมเห็นด้วยว่าสาเหตุที่ถูกจับเพราะศาสนา เพราะเกลียดศาสนาคาทอลิก และเมื่อถูกจับแล้ว ก็ไปตายในคุกเนื่องมาจากเหตุการณ์นี้ จึงเห็นว่าเป็นเหตุผลที่ต่อเนื่องกัน เพราะหากว่าคุณพ่อทำตามที่บอกคือ ไม่ปฏิบัติและนับถือศาสนาคาทอลิก คุณพ่อก็จะมีชีวิตรอด แต่ว่าคุณพ่อปฏิบัติศาสนา แต่ขัดขืนคำสั่งนั้น คุณพ่อจึงเสียชีวิตและแม้ว่าจะไม่เสียชีวิตทันที ก็ถือว่าท่านได้เสียชีวิตเพราะการปฏิบัติหน้าที่ทางศาสนาได้ จึงคิดว่าเป็นลักษณะของมรณสักขี"

- พระสังฆราชบรรจง อารีพรรค พระสังฆราชแห่งสังฆมณฑลนครสวรรค์ ได้เป็นพยานว่า:

"เคยได้ยินบ้างนิดหน่อย เวลาได้รับใบเพื่อสวดภาวนาขอให้คุณพ่อนิโคลาสให้ได้รับการแต่งตั้งเป็นบุญราศี ผมได้ร่วมและได้แจกให้บางคน ทราบว่าสัตบุรุษก็สวดกัน"

ท่านยังได้กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า:

"ข้าพเจ้าสนับสนุนเต็มที่ให้ดำเนินการให้คุณพ่อนิโคลาสได้รับการแต่งตั้งเป็นบุญราศี เพราะการตายเพื่อศาสนา หรือเพื่อยืนยันความเชื่อในพระเป็นเจ้า น่าที่จะได้เป็นบุญราศี"

 - พระสังฆราชพเยาว์ มณีทรัพย์ พระสังฆราชแห่งสังฆมณฑลนครราชสีมา ซึ่งเป็นสถานที่ซึ่งผู้รับใช้ของพระเป็นเจ้าเคยทำงานเป็นเจ้าอาวาสวัดโนนแก้ว และเป็นสถานที่ซึ่งท่านถูกจับที่วัดบ้านหัน ได้เป็นพยานว่า:

 "เท่าที่ผมทราบ ชาวบ้านทั่วๆ ไปในสังฆมณฑลนครราชสีมา นับถือว่าคุณพ่อนิโคลาสเป็นมรณสักขี"

 ท่านยังได้กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า:

 "ข้าพเจ้าเชื่อว่าพวกเขานับถือคุณพ่อนิโคลาส และบางคนยังสวดภาวนาอยู่ และในระยะหลังนี้มีจำนวนมากพอสมควร"

2. บรรดาคาทอลิกและบรรดาพยานปรารถนาและสวดภาวนาเพื่อการประก าศการเป็นบุญราศีของผู้รับใช้ของพระเป็นเจ้า

34. คำให้การของคุณพ่อวรยุทธ กิจบำรุง เป็นประโยชน์อย่างมากและเป็นการช่วยยืนยันถึงชื่อเสี ยงความเป็นมรณสักขีของผู้รับใช้ของพระเป็นเจ้าท่ามกลางบรรดาคาทอลิกในปัจจุบัน นี่คือคำให้การของ ท่าน:

จากบรรดาคริสตชนไทยในปัจจุบัน

1. จำนวนผู้ที่ลงชื่อเห็นด้วยกับการเสนอเรื่องคุณพ่อนิโคลาสให้ได้รับการแต่งตั้งเป็นบุญราศี

พระสงฆ์และคริสตังเก่าๆ ในอัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ ยังคงรู้จักและได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับคุณพ่ อนิโคลาสมาเป็นเวลานานแล้ว ได้รับทราบถึงความเป็นมรณสักขีของคุณพ่อและยึดถือคุณพ่อนิโคลาสเป็น ดั่งบุญราศีองค์หนึ่ง แต่บรรดาคริสตังรุ่นหลังๆ ยังไม่ค่อยรู้จักกับประวัติและวีรกรรมของคุณพ่อมากนัก ท างอัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ จึงได้จัดพิมพ์หนังสือประวัติของคุณพ่อออกแจกจ่ายไปตามวัดต่างๆ รวมทั้ง ตีพิมพ์ลงในหนังสืออุดม ศานต์ เกี่ยวกับเรื่องราวของคุณพ่อ เพื่อให้บรรดาคริสตชนได้รู้จักมากยิ่งขึ้น พร้อ มทั้งต้องการหยั่งเสียงดูด้วยว่า บรรดาคริสตชนเห็นด้วยกับการดำเนินเรื่องคุณพ่อนิโคลาสให้เป็นบุญราศี จำนวนมากน้อยเพียงใด ได้จัดพิมพ์หนังสือประวัติถึง 4 ครั้ง โดยพิมพ์ครั้งแรก วันที่ 6 พฤศจิกายน ค.ศ. 1995 จำนวน 2,000 เล่ม, พิมพ์ครั้งที่ 2 วันที่ 18 มกราคม ค.ศ. 1996 จำนวน 5,000 เล่ม, พิมพ์ครั้งที่ 3 วันที่ 5 เมษายน ค.ศ. 1996 จำนวน 5,000 เล่ม และพิมพ์ครั้งที่ 4 วันที่ 6 พฤษภาคม ค.ศ. 1997 จำ นวน 3,000 เล่ม นอกจากหนังสือประวัติของคุณพ่อแล้ว ภายในเล่มยังมีบทภาวนาเพื่อขอให้การดำเนินเรื่ องคุณพ่อนิโคลาส บุญเกิด กฤษบำรุง เป็นบุญราศี ได้สำเร็จเป็นไปตามน้ำพระทัยของพระเป็นเจ้า ซึ่งต่อ มาบรรดาคริสตชนของอัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ ได้สวดบทภาวนาบทนี้มากขึ้น ทางอัครสังฆมณฑลกรุงเ ทพฯ จึงได้จัดพิมพ์บทภาวนาบทนี้เพิ่มขึ้นอีกเป็นจำนวนมาก เพราะจากการสวดภาวนาเช่นนี้ จะทำให้มั่ นใจขึ้นว่าบรรดาคริสตชนยึดถือคุณพ่อเป็นบุญราศี แต่เพื่อที่จะทราบความเห็นของบรรดา คริสตชนอย่างเ ป็นลายลักษณ์อักษรเพื่อการเสนอเรื่องนี้ จะทำอย่างไร? ทางอัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ จึงได้จัดพิมพ์สมุด ลงชื่อแสดงความเห็นด้วยกับการเสนอเรื่อง หลังจากที่ได้ศึกษาถึงประวัติและมรณกรรมของคุณพ่อนิโคลา สแล้ว และได้แจกจ่ายไปตามวัดต่างๆ ทั่วอัครสังฆมณฑล เพื่อให้บรรดาคริสตชนที่ได้ศึกษาและรู้จักคุณพ่ อนิโคลาส รวมทั้งผู้ที่ได้สวดภาวนาวอนขอพระพรผ่านทางคุณพ่อ ได้ลงชื่อสนับสนุนการดำเนินเรื่อง ผลป รากฏว่า กลุ่มคริสตชน 34 กลุ่ม ได้ลงชื่อสนับสนุนเรื่องนี้ทั้งหมด 11,486 คน นอกจากนี้ ยังมีกลุ่มคริสตช นจากสังฆมณฑลอื่นๆ อีก 14 กลุ่ม ที่ได้แสดงความเห็นสนับสนุนในเรื่องนี้ และได้ส่งมาให้อัครสังฆมณฑล กรุงเทพฯ อีกจำนวน 790 คน

 คริสตชนที่ลงชื่อเห็นด้วยกับการเสนอเรื่องคุณพ่อนิโคลาสให้เป็นบุญราศีนี้ ยังได้แสดงความเชื่อใ นเรื่องนี้ด้วยการแจ้งให้ทราบด้วยว่า พวกเขาได้สวดภาวนาวอนขอพระพรโดยผ่านทางคุณพ่อนิโคลาส แ ละได้รับพร ะพรนั้นเป็นจำนวนทั้งหมด 292 คน อีกด้วย

2. ความคิดเห็นและข้อเสนอแนะของบรรดาคริสตชน

 35. บรรดาคริสตชนไทยจากทั่วประเทศได้ส่งจดหมายแสดงความคิดเห็น และข้อเสนอแนะต่างๆ เกี่ยวกับการเสนอเรื่องคุณพ่อนิโคลาสเป็นบุญราศี มายังอัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ ความคิดเห็นและข้อเส นอแนะเหล่านี้น่าสนใจมาก เพราะแสดงให้เห็นว่ามีคริสตชนจำนวนมากที่ได้เรียนรู้ชีวิตของคุณพ่อนิโคลาส และประสงค์จ ะให้คุณพ่อได้รับเกียรติจากพระศาสนจักรในฐานะที่เป็นมรณสักขี เป็นพระสงฆ์ผู้ศักดิ์สิทธิ์ แ ละเป็นแบบอย่างแห่งความเชื่อสำหรับทุกคนโดยเฉพาะสำหรับบรรดาพระสงฆ์ จำนวนจดหมายที่ได้รับจ ากสังฆมณฑลต่างๆ มีดังนี้

สังฆมณฑลเชียงใหม่              จำนวน           31 ฉบับ

สังฆมณฑลนครราชสีมา           จำนวน             2 ฉบับ

สังฆมณฑลสุราษฎร์ธานี           จำนวน             2 ฉบับ

สังฆมณฑลจันทบุรี                 จำนวน           18 ฉบับ

อัครสังฆมณฑลท่าแร่-หนองแสง จำนวน             3 ฉบับ

สังฆมณฑลนครสวรรค์            จำนวน           15 ฉบับ

สังฆมณฑลราชบุรี                  จำนวน             5 ฉบับ

อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ         จำนวน         394 ฉบับ

และจากคริสตชนไทยคนหนึ่งที่อยู่สหรัฐอเมริกา       1 ฉบับ

     รวมทั้งหมดจำนวน 470 ฉบับ

ทั้งหมดนี้ได้แสดงความเห็นและข้อเสนอแนะมาด้วย ขอนำความเห็นและข้อเสนอแนะที่น่าสนใจบาง ฉบับมาลงไว้ในที่นี้ เพื่อจะทำให้เห็นถึงความหลากหลายของความคิดเห็น ซึ่งนำไปสู่ความคิดเห็นร่วมกัน

3. ความเห็นของสัตบุรุษบางท่าน

1.     คุณขวัญกมล โชติรณพัสดุ อายุ 43 ปี บ้านเลขที่ 39 ถนนรัชดาภิเษก แขวงท่าพระ เขตบางกอกใ หญ่ กรุงเทพฯ 10600:

“ท่านเป็นตัวอย่างอันเลิศในการให้อภัยศัตรู และใช้หัวใจพระคริสตเจ้าทำงานในตัวท่าน ด้วยการทนรับความทุ กข์ทรมานฝ่ายเนื้อหนังด้วยพิษไข้อย่างทรหดจนวาระสุดท้าย สมควรยกย่องให้ท่านเป็นบุญราศีเพื่อเป็นกำลังใจของผู้ ถูกเบียดเบียน"

2.     จ.ส.อ. ประเสริฐ มาลา อายุ 72 ปี บ้านเลขที่ 48 ถนนสุงประยูร อำเภอเมือง จังหวัดฉะเชิงเทรา 24000

"อ่านประวัติของคุณพ่อนิโคลาสแล้ว ซาบซึ้งในชีวิตของคุณพ่อ พระศาสนจักรก็มีกรรมการตรวจสอบประวัติขอ งคุณพ่อหลายครั้ง เชื่อว่าควรยกย่องให้ท่านเป็นนักบุญ ภารกิจของท่านก็จบลงอย่างมั่นคงต่อพระศาสนจักร ไม่แตกต่ างกับมารตีร์วัดสองคอน"

3.       นายสมพงษ์ คล้ายใจ อายุ 41 ปี บ้านเลขที่ 33 หมู่ 11 ตำบลสำเภาล่ม อำเภออยุธยา จังหวัดอยุ ธยา 13000

"เคยพบเห็นจดหมายของคุณพ่อเฮนรี่ (สุนทร วิเศษรัตน์) กล่าวถึง คุณพ่อบุญเกิด กฤษบำรุง ที่อยุธยาบ้านนา ยทองอยู่ ทรัพย์เจริญ เคยอ่าน มีความซึ้งใจการเป็นคาทอลิก มีความกล้าหาญในความเชื่อของคุณพ่อ"

4.         นางสิตา กมลยะบุตร อายุ 62 ปี บ้านเลขที่ 1028/29 หมู่ 7 ถนนเพชรเกษม แขวงหนองค้างพลู เขตหนองแขม กรุงเทพฯ 10160

"คุณพ่อนิโคลาสเป็นคริสตังที่แท้จริงทั้งกายและใจ รักพระมากถึงกับยอมสละความสุขส่วนตัว โดยให้ความช่ว ยเหลือแก่ผู้ด้อยโอกาสทั้งหลาย และยังช่วยให้ผู้อื่นรู้จักรักพระมหาเยซูเจ้า โดยการสอนคำสอนแก่คนที่ยังไม่รู้จักพระเ ป็นเจ้า และท่านไม่ยอมปฏิเสธพระ ยอมสละชีวิตเพื่อแสดงตนเป็นคริสตังเป็นลูกของพระจนวินาทีสุดท้ายแห่งชีวิตที่ทุ กข์ยาก"

5.         นางวีรวงศ์ บุตรบุญ อายุ 48 ปี บ้านเลขที่ 417/62 ถนนสุขุมวิท 101/1 (หมู่บ้านทับแก้ว) แขวง บางจา ก เขตพระโขนง กรุงเทพฯ 10260

 "ขอสนับสนุนคุณพ่อนิโคลาส บุญเกิด กฤษบำรุง เป็นบุญราศี เนื่องจากท่านเป็นพระสงฆ์ที่มีใจร้อนรนไม่ย่อท้ อในการทำงานให้พระ แม้จะลำบากสักเท่าไร แม้ก่อนพลีชีพ ท่านยังเผยแพร่พระนามของพระอย่างไม่ท้อแท้เลย หาได้ ยากในคนธรรมดา"

4. จดหมายรายงานผลที่ได้รับจากการสวดภาวนา

 36. การสวดภาวนาขอพรจากพระเป็นเจ้าผ่านทางคำเสนอวิงวอนของคุณพ่อนิโคลาสก็เป็นอีกทา งหนึ่งที่บรรดา คริสตชนแสดงความเชื่อว่า คุณพ่อนิโคลาสเป็นมรณสักขีและเป็นบุญราศี และเวลานี้อยู่บน สวรรค์ จากจดหมายหลายฉบับที่เราได้รับแจ้งผลของคำภาวนาเหล่านี้ ทำให้เรามั่นใจว่าคริสตชนมากมา ยได้รับผลของคำภาวนา

 ในเวลาเดียวกัน พวกคริสตังหลายคนได้แต่เล่าให้ฟังถึงผลที่ได้รับ แต่มิได้เขียนเป็นลายลักษณ์อัก ษร หลายคนได้แต่ขอบคุณคุณพ่อนิโคลาสโดยการขอมิสซาโมทนาคุณคุณพ่อนิโคลาส เท่านี้ก็ทำให้เราตร ะหนักได้แน่ ว่า บรรดาสัตบุรุษคริสตังยึดถือคุณพ่อนิโคลาสเป็นมรณสักขีและต่างก็ประสงค์ให้คุณพ่อได้รั บเกียรติเป็นมรณสักขี พวกเขายึดถือคุณพ่อเป็นแบบอย่างแห่งความเชื่อที่มีชีวิต และเป็นที่พึ่งอีกทางหนึ่ งของคริสตชน เราจะสรุปการภาวนาวอนขอและพระพรที่ได้รับเพียงบางประการดังนี้

 นางเล็ก สุทธิจิต อายุ 80 ปี สัตุบุรุษวัดดวงหทัยนิรมลของแม่พระ ปากลัด จังหวัดสมุทรปราการ เ ขียนจดหมายลงวันที่ 12 ธันวาคม ค.ศ. 1995 ให้คุณพ่อเจ้าวัด เล่าว่า

 "ดิฉันได้ป่วยเมื่อปีที่แล้ว (1994) ได้เข้าโรงพยาบาลรักษาตัวครั้งแรกเมื่อวันที่ 27 ตุลาคม ค.ศ. 1994 ด้วยโร คเส้นโลหิตในสมองตีบ มีอาการมือเท้าชา ไม่ค่อยมีแรง คุณหมอบอกว่าการรักษาลำบากมาก ไม่สามารถรักษาให้หาย ขาดได้ เพียงแต่รักษาไม่ให้มีเส้นโลหิตตีบมากขึ้นด้วยการรักษาไปเรื่อยๆ

ดิฉันก็เข้ารับการรักษาตามที่หมอนัดทุกครั้ง และเมื่อคุณพ่อเจ้าวัดได้นำบทสวดของคุณพ่อนิโคลาส บุญเ กิด ก ฤษบำรุง เพื่อขอเป็นบุญราศี ดิฉันก็ได้เริ่มสวดตั้งแต่นั้นมา พร้อมกับสวดสายประคำ 10 เม็ด ควบคู่ไปด้วย เพื่อวอนข อให้ท่านได้รับการประกาศเป็นบุญราศีโดยเร็ว

และในปีนี้ ในเดือนตุลาคม ค.ศ. 1995 ดิฉันได้ไปพบคุณหมอเป็นครั้งสุดท้าย เพราะคุณหมอได้บอกว่าดิฉันหา ยดีแล้ว ตัวคุณหมอเองก็ยังแปลกใจว่าดิฉันหายขาดจากโรคเส้นโลหิตในสมองตีบได้อย่างไร และลูกสาว ของดิฉันเองก็ ยังไม่เชื่อว่าดิฉันนั้นหายดีแล้ว จึงได้พาดิฉันไปเอ็กซเรย์คอมพิวเตอร์ที่สมองอีกครั้ง ผลเอ็กซเรย์ก็ได้ยืนยันว่าดิฉันได้ หายจากโรคเรียบร้อยแล้ว โดยคุณหมอได้นำฟิล์มเอ็กซเรย์เมื่อปีที่แล้ว และปีนี้มาเปรียบเทียบกันด้วย เพื่อเป็นการยืน ยันว่าดิฉันได้หายจากโรคเส้นโลหิตในสมองตีบจริง คุณหมอจึงได้ออกใบรับรองแพทย์ให้ไว้เป็นหลักฐานด้วย ดิฉันจึง ขอโมทนาคุณพระ โดยผ่านคุณพ่อนิโคลาส บุญเกิด กฤษบำรุง และจะยังคงสวดภาวนาต่อๆ ไปอีก”

 ใบความเห็นของแพทย์

"เขียนที่ คลีนิคแพทย์พิจิตต์ วันที่ 13 ธันวาคม ค.ศ. 1995

 ข้าพเจ้านายแพทย์พิจิตต์ กนกเวชยันต์ แพทย์ปริญญา ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรมเลขที่ 10968 ได้ ทำการตรวจรักษา นางเล็ก สุทธิจิต เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม ค.ศ. 1995 มีอาการแขนขาด้านซ้ายอ่อนแรง ความดันโลหิต สูง วินิจฉัยโรคว่า เส้นโลหิตในสมองตีบตันจากความดันโลหิตสูง มีความเห็นว่า ได้รับการรักษา ขณะนี้อาการกลับเป็น ปกติแล้ว”

ฟรังซิส บุญรักษ์ พันนาคำ บ้านเลขที่ 370/8 ตำบลท่าแร่ อำเภอเมือง จังหวัดสกลนคร เขียนวันที่ 27 มิถุนายน ค. ศ. 1997 เล่าว่า

"ผมเจ็บที่หัวไหล่ซ้ายเมื่อ 2 ปีก่อน ผมสวดขอให้ท่านทำอัศจรรย์ ช่วยรักษา เพราะผมเชื่อว่าคนของพระเจ้าเมื่ อตายไปแล้ว เขาต้องช่วยคนยังเป็นอยู่ได้ เหมือนพระเยซูคริสต์ช่วยคนทั่วโลก ในเวลาเดียวกัน แล้วหัวไหล่ของผมก็ หายเจ็บ ยกแขนได้ ปีกลายนี้ ผมเริ่มเจ็บที่หัวเหน่า เป็นถุงพอง แล้วแตกตามธรรมชาติ 2 ครั้ง ผมไม่อยากผ่าตัด จึงข อพระเยซูช่วยผ่าตัดให้ ผมสวดขอคุณพ่อนิโคลาสด้วย ก็บรรเทาเรื่อยมา บางวันมันเจ็บมาก แต่ผมไ ด้ยอมตายเองโด ยไม่ผ่าตัดเพราะกลัว ผมสวดขอพระเจ้าและคุณพ่อ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้ช่วย ขณะนี้ก็บรรเทา แต่ยังเจ็บบ้าง หมอบอกว่าเดิ นมาก ไขข้อละลาย"

คุณพ่อวรยุทธ ยังได้กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า:

"ข้าพเจ้าอยากจะเสริมว่า ถ้ามีการประกาศเป็นบุญราศีของคุณพ่อนิโคลาส จะเป็นประโยชน์ในแง่ของความเชื่ อให้แก่พระสงฆ์ นักบวช และสัตบุรุษเป็นจำนวนมาก ผมมั่นใจอย่างนั้น และชีวิตแบบอย่างของคุณพ่อนั้น จ ะเป็นประจั กษ์พยานให้แก่สัตบุรุษ ในฐานะที่ชีวิตของคุณพ่อนั้นเป็นนายชุมพาบาลที่ดี อีกอย่างหนึ่ง คุณพ่อนิโคลาสจะพยายามใ ช้โอกาสทุกโอกาสในการแพร่ธรรม และใช้วิธีการทุกวิธีการ อย่างเช่น แม้แต่สื่อมวลชนในขณะนั้น ก็ใช้หนังสือพิมพ์ขอ งพระศาสนจักรเขียน แบ่งปันประสบการณ์ ความคิด คำสอน ลงในหนังสือสารสาสน์ในสมัยนั้นด้วย ซึ่งก็คิดว่าคุณพ่อไ ด้ทุ่มเทและได้ใช้โอกาสทุกโอกาสและวิธีการทุกวิธีการเพื่อพระเป็นเจ้าและเพื่อความรอดของมนุษย์"