พระนางมารีอา เสด็จเยี่ยมนางเอลีซาเบธ   31 พฤษภาคม

             ในพระสมณสาส์นของสมเด็จพระสันตะปาปา ยอห์น  ปอลที่  2 เรื่องมารดาพระผู้ไถ่ ข้อ 36 ได้กล่าวถึง  การที่พระนางมารีย์เสด็จไปเยี่ยมนางเอลีซาเบธว่า  เมื่อนางเอลีซาเบธแสดงคารวะต่อญาติผู้เยาว์กว่าของนางที่มาถึงเมืองนาซาแร็ธพระนางมารีอาได้ตอบด้วยถ้อยคำในบทเพลงมักนีฟีกัตในการแสดงคารสะต่อพระนางมารีอานั้น นางเอลีซาเบ็ธได้เริ่มจากการเรียกพระนางว่า  " ผู้มีบุญ "  เพราะโอรสที่อยู่ในครรภ์ของพระนาง  " และยังเรียกพระนางว่า  " ผู้เป็นสุข "  เพราะความเชื่อของพระนางอีกด้วย  ( เทียบ ลก. 1: 42, 45 ) คำถวายพรทั้งสองแบบนี้อ้างอิงโดยตรงไปถึงชั่งขณะที่เทวทูตแจ้งสาร อนึ่งในวันที่เสด็จเยือนนางเอลิซาแบ็ธนั้น ในขณะที่การแสดงคารวะของนางเอลีซาเบ็ธเป็นประจักษ์พยานแห่งชั่วขณะอันสำคัญยิ่งยวดนั้น ความเชื่อของพระนางมารีอาก็ยิ่งมีสำนึกหนักยิ่งขึ้น และได้พบการแสดงออกในลักษณะใหม่ สิ่งซึ่งในวันแจ้งสารยังซ่อนเร้นอยู่ในส่วนลึกของ " การนบนอบเชื่อฟังด้วยความเชื่อ " ก็เรียกได้ว่าได้รับการปลดปล่อยให้เป็นอิสระ ณ บัดนั้นประดุจเปลวไฟอันแจ่มใส มีชีวิตชีวาแห่งดวงจิต  ถ้อยคำที่พระนางมารีอาทรงใช้เมื่อเสด็จไปถึงธรณีประตูบ้านของนางเอลิซาเบ็ธนั้น เป็นประกาศความเชื่อของพระนางตามแรงดลใจที่ได้รับมา ซึ่งคำตอบต่อถ้อยคำในการไขแสดงนั้นก็แสดงออกโดยการยกตัวตนทั้งหมดของพระนางขึ้นถวายพระเจ้าอย่างสิ้นสุดวิญญาณ

ในลักษณะของบทกวีในถ้อยคำที่สูงส่งเหล่านั้น ซึ่งมีลักษณะทั้งเรียบง่ายและเต็มไปด้วยแรงบันดาลใจ จากบทความศักดิ์สิทธิ์ของประชากรอิสราเอล  ประสบการณ์ส่วนพระองค์ของพระนาง ความปลาบปลื้มอย่างเหลือล้นในพระทัยของพระนางก็ปรากฏให้เห็นอย่างเด่นชัดในถ้อยคำเหล่านี้  รัศมีแห่งธรรมล้ำลึกของพระเจ้าก็เปล่งประกายแจ่มจรัส  เป็นโรจนาการแห่งศักดิ์สิทธิ์  ภาพอันเหลือจะพรรณาของพระองค์เป็นความรักอันนิรันดรซึ่งในฐานะเป็นของประทานอันเรียกคืนมิได้  ก็ได้เข้ามาสู่ประวัติศาสตร์ของมนุษย์

             ดังนั้นพระศาสนจักรจึงถือว่า การร้องบทเพลงของพระนางมารีย์ในการทำวัตรเย็นเป็นกิจปฏิบัติที่ดีเลิศและเกิดผลดี เพราะเมื่อเรารำพึงถึงธรรมล้ำลึกการรับเอากายมาบังเกิดเป็นมนุษย์ของพระเยซูคริสตเจ้า ตามความในบทเพลงของพระนางจะช่วยให้เรามีความศรัทธาร้อนรนเพิ่มขึ้นและเมื่อระลึกถึงแบบอย่างของพระนางผู้เป็นพระชนชนีของพระเป็นเจ้า เราจะได้รับการชักนำไปสู่ชีวิตที่เพียบพร้อมด้วยคุณธรรม  และคุณธรรมเหล่านี้เราจะสามารถปฏิบัติได้ดีในเวลาเย็น ซึ่งเป็นเวลาของการหยุดพัก หลังจากการที่เราต้องเหน็ดเหนื่อยกับการงานมาตลอดทั้งวัน เวลาเย็นจึงเป็นเวลาที่จิตใจของเรามีความพร้อมที่จะรำพึงภาวนา