แม่พระประจักษ์ที่เมืองลูร์ด    11 กุมภาพันธ์  
 
     
 ลูร์ด เป็นเมืองที่ตั้งอยู่บนฝั่งแม่น้ำการ์ฟเดอโป ทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศฝรั่งเศส  อยู่ท่ามกลางเทือกเขาพีเรนีส ซึ่งคั่นพรหมแดนระหว่างประเทศฝรั่งเศสและสเปน

           ก่อนการประจักษ์  4 ปี คือในวันที่  8 ธันวาคม 1854 สมเด็จพระสันตะปาปาปีโอที่ 9  ทรงประกาศข้อความเชื่อเรื่อง " พระนางมารีอาทรงปฏิสนธิอันนิรมล " คือแม่พระไม่มีบาปกำเนิด…การประจักษ์ที่ลูร์ด เท่ากับแม่พระเองเสด็จมายืนยันอัตถ์ความจริงข้อนี้ พระนางได้ประจักษ์มาหานักบุญแบร์นาแด็ตซูบีรูส์  เป็นจำนวน 18  ครั้งด้วยกัน  คือระหว่างวันที่ 11 กุมภาพันธ์ จนถึงวันที่ 16 กรกฎาคม 1858

             ในปี 1858 ครอบครัวของแบร์นาแด๊ต กำลังตกอับยากจน จนกระทั่งไม่มีที่อยู่  ต้องไปอาศัยอยู่ชั้นล่างของบ้านนายอังเดร ซายูส ผู้เป็นญาติ

             บิดาของแบร์นาแด๊ต ชื่อฟรังซัว ซูบิรูส์ มารดาชื่อหลุยซา ขณะนั้นแบร์นาแด๊ตอายุ  14  ปี  มีน้องชื่อตัวแน๊ต มารี กับยังมารี และยุสแต็ง

             การประจักษ์ครั้งที่  1 ตรงกับวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 1858 แบร์นาแด๊ตกับตังแน๊ต น้องสาวและเพื่อนชื่อ ยานอะบาดี ชวนกันไปเก็บฟืนมาหุงข้าว…เมื่อมาถึงใกล้ก้อนหินใหญ่ ซึ่งชาวบ้านเรียกว่า " มัสซาเบียล " ฐานของหินนี้เว้าเข้าไปเป็นรูปถ้ำ กว้างประมาณ  12  เมตร  ลึกประมาณ 8 เมตร ทางด้านขวาของถ้ำสูงจากพื้นดินประมาณ  3 เมตร รอบๆถ้ำมีเถากุหลาบขึ้นอยู่ประปราย

             ขณะนั้น หอนาฬิกาที่วัดบอกเวลาเที่ยงพอดี และมหัศจรรย์ก็ได้เริ่มขึ้น แบร์นาแด๊ตบอกว่า  " เห็นหญิงสาวขาว ( ทั้งตัว )  คนหนึ่ง เธอก้มศรีษะเล็กน้อยทักทายฉัน แบมือเหมือนแม่พระในรูปทั่วไป ที่แขนขวามีลูกประคำห้อยอยู่ สตรีนั้นสวมเสื้อขาวยาวลงมาคลุมเท้า  เสื้อนั้นมีที่รูดปิดคอ  และมีปลายเชือกสีขาวห้อยอยู่ ผ้าสีขาวที่คลุมศรีษะนั้นปกบ่าและแขน ฉันเห็นดอกกุหลาบสีเหลือง 2 ดอก  บนเท้าทั้งสองของเธอ รัดประคดของเสื้อก็สีฟ้า ห้อยต่ำลงมาเลยเข่า ส่วนลูกประคำนั้นสายสีเหลือง เม็ดสีขาวขนาดโต และห่างกัน หญิงสาวผู้นั้นท่าทางว่องไว มีแสงอยู่รอบข้าง เมื่อฉันสวดลูกประคำจบ เธอก็ยิ้มลาฉันแล้วถอยหลังหายวับเข้าไปในโพรง…"

             การประจักษ์ครั้งที่  2   ตรงกับวันที่  14  กุมภาพันธ์  ตรงกับวันอาทิตย์  เมื่อเลิกพิธีมิสซาเวลา 10.00 น. แล้ว เพื่อนๆ ของแบร์นาแด๊ตติดตามเธอไปถึงบ้าน  อ้อนวอนมารดาขออนุญาตให้แบร์นาแด๊ต ไปที่ถ้ำมัสซาเบียลอีก….เมื่อมาถึงแล้วแบร์นาแด๊ตให้ทุกคนคุกเข่าลงสวดลูกประคำ  สักครู่หนึ่งเธอก็ร้องอย่างตื่นเต้นว่า " แน่ะ มาแล้วมีแสงสว่าง " เพื่อนๆ ยื่นขวดน้ำเสกให้เธอพลางพูดเสียงสั่นๆว่าๆ " เร็ว ! สาดน้ำเสกซิ " แบร์นาแด๊ตหันมาพูดกับเพื่อนๆ ว่า " เธอไม่ยักโกรธ กลับก้มศรีษะรับ และยิ้มให้พวกเรา "

           การประจักษ์ครั้งที่ 3 ตรงกับวันที่ 18 กุมภาพันธ์ แม่พระบอกกับแบร์นาแด๊ต  " หนูจะกรุณามาที่นี่  สัก 15 วันจะได้ไหมคะ? " ได้ค่ะหนูขอสัญญา ถ้าคุณพ่อคุณแม่อนุญาต " แล้วสตรีงามพูดต่อไปว่า " ฉันไม่รับรองว่าหนูจะมีความสุขในโลกนี้  แต่โลกหน้าแน่นอน  " แล้วสตรีผู้นั้นลอยขึ้นสูงหน่อย แล้วหายไป

             การประจักษ์ครั้งที่  4 ตรงกับวันที่ 19 กุมภาพันธ์ แม่พระขอบคุณแบร์นาแด๊ตที่มาพบอีก แล้วบอกว่ามีความลับอะไรจะบอกภายหน้า

           การประจักษ์ครั้งที่ 5 ตรงกับวันที่ 20 กุมภาพันธ์ แม่พระสอนแบร์นาแด๊ตให้สวดภาวนาบทหนึ่งทีละคำๆ บทภาวนานั้นสำหรับเธอสวดคนเดียวตลอดชีวิต  เธอก็สวดบทนั้นทุกครั้งที่แม่พระประจักษ์มา มีผู้พยายามใช้กลอุบายต่างๆ หลอกถามเธอ แต่เธอมิได้บอกใครเลยจนตลอดชีวิต

             การประจักษ์ครั้งที่  6 ตรงกับวันที่ 21 กุมภาพันธ์ มีผู้คนมารอดูมากมาย  แบร์นาแด๊ตมากับมารดาและน้า  ตามเวลาที่กำหนด ดร.โดชูส์  แพทย์ประจำตำบลลูร์ดร่วมอยู่ด้วย เขามาเพื่อคอยจับผิดมากกว่าด้วยใจศรัทธาเลื่อมใสแม่พระบอกแบร์นาแด๊ตว่า " หนูจงสวดให้คนบาปที่น่าสงสาร สวดให้โลกที่กำลังยุ่งยากอลวนอยู่ "

             การประจักษ์ครั้งที่  7 ตรงกับวันที่ 23 กุมภาพันธ์ การประจักษ์ครั้งนี้กินเวลาครึ่งชั่วโมง แม่พระบอกความลับ กับเธอ 3 ข้อ  ซึ่งเธอจะบอกกับใครมิได้เลย  และเธอก็ได้รักษาความลับนั้นไว้ตลอดชีวิต

             การประจักษ์ครั้งที่  8 ตรงกับวันที่ 24 กุมภาพันธ์ ผู้ที่อยู่ใกล้เธอขณะที่เข้าฌาน ได้ยินเสียงที่หลุดออกจากริมฝีปากว่าที่สั่นระริกว่า " ใช้โทษบาป ! ใช้โทษบาป !ใช้โทษบาป ! "

           การประจักษ์ครั้งที่  9 ตรงกับวันที่ 25 กุมภาพันธ์ แม่พระบอกแบร์นาแด๊ตให้ไปดื่มน้ำและล้างหน้าที่น้ำพุ แบร์นาแด๊ตคุ้ยดินขึ้นมา มีน้ำขึ้นมาแต่ขุ่น น้ำไหลขึ้นมามากทุกที ( ปัจจุบันกลายเป็นน้ำพุที่ไม่ขาดสายและสวยงามมาก )

           การประจักษ์ครั้งที่ 10 ตรงกับวันที่ 27 กุมภาพันธ์ แม่พระสั่งแบร์นาแด๊ตให้ไปบอกพระสงฆ์ให้สร้างวัดเล็กๆ ที่นี่หลังหนึ่ง

             การประจักษ์ครั้งที่  11  ตรงกับวันที่  28  กุภาพันธ์ แบร์นาแด๊ตถามชื่อของสตรีงาม  แต่แม่พระเพียงแต่ยิ้มๆ  เท่านั้นไม่ตอบว่ากระไร

           การประจักษ์ครั้งที่  12    ตรงกับวันที่  1 มีนาคม ตั้งแต่ 7.00 น. บิดามารดาของเธอก็ไปพร้อมกันด้วย  แม่พระสั่งให้แบร์นาแด๊ตใช้เฉพาะลูกประคำของตน

             การประจักษ์ครั้งที่  13  ตรงกับวันที่  2 มีนาคม แม่พระสั่งให้แบร์นาแด๊ตไปหาคุณพ่อเจ้าวัด บอกกับท่านว่า " อยากให้ผู้คนตั้งขบวนแห่มาที่ถ้ำ " แต่คุณพ่อเจ้าวัดกำลังหัวเสีย บอกว่า " ดีแล้ว ถ้าเธอ ( สตรีงาม ) ไม่ยอมบอกชื่อ  เจ้าก็เป็นคนโกหก.."

             การประจักษ์ครั้งที่  14  ตรงกับวันที่  3 มีนาคม แม่พระย้ำเรื่องการสร้างวัด  แบร์นาแด๊ต  บอกว่าคุณพ่อเจ้าวัดต้องการพิสูจน์ว่า  ถ้าเป็นแม่พระจริงขอให้ทำอัศจรรย์ให้ต้นกุหลาบป่าที่ขึ้นอยู่ใกล้ๆ นั้นออกดอก…แม่พระเพียงแต่ยิ้มเป็นการสอนชาวเราว่า อัศจรรย์นั้นพระเป็นเจ้าทรงกระทำตามที่เห็นสมควรเท่านั้น มิใช่ทำตามคำท้าทายของใคร

           การประจักษ์ครั้งที่ 15 ตรงกับวันที่ 14 มีนาคม เช้าวันนั้นมีผู้คนมาประมาณ 8,000 คน สิบตำรวจอังกลา ขี่ม้าตรวจการณ์คะเนว่า คงมีอย่างน้อยสัก 20,000 คน…วันนั้นหลังจากการประจักษ์แล้ว แบ์นาแด๊ตกลับไปเตือนคุณพ่อเจ้าวัดถึงเรื่องที่สตรีงามบอก แตรคุณพ่อเจ้าวัดย้ำว่า " ให้สตรีงามของเจ้าบอกชื่อมาสิ   ถ้าฉันรู้ว่าเป็นแม่พระ ฉันจะทำทุกอย่างตามที่แม่พระต้องการ "

             การประจักษ์ครั้งที่  16  ตรงกับวันที่  25  มีนาคม การประจักษ์ครั้งนี้สำคัญมาก แบร์นาแด๊ตวิงวอนให้สตรีงามนั้นบอกชื่อของตน " คุณขากรุณาบอกหนูหน่อเถอะค่ะ คุณคือใคร ? …" ต่อคำถามอันพากเพียรและเต็มไปด้วยความไว้วางใจเช่นนี้เป็นครั้งที่ 3 สตรีผู้นั้นซึ่งเคยพนมมืออยู่เสมอ บัดนี้ค่อยๆ กางแขนออก แบมือปล่อยแขนต่ำลงมาทั้ง 2 ข้าง ( แบบแม่พระในเหรียญอัศจรรย์ ) พลางกล่าวเป็นภาษาท้องถิ่นของชาวลูร์ดว่า " ฉันคือการปฏิสนธินิรมล " พลางยิ้มให้แบร์นาแด๊ตอีกครั้งหนึ่ง แล้วหายไปทั้งๆ ที่ยังยิ้มอยู่… แบร์นาแด๊ตกลับไปหาคุณพ่อเจ้าวัดกล่าวว่า  " สตรีนั้นเพิ่งบอกหนูว่า " ฉันคือการปฏิสนธินิรมล "  คุณพ่อเจ้าวัดถามต่อไปว่า " แล้วเจ้ารู้ไหมว่าแปลว่าอะไร? " " หนูไม่ทราบค่ะคุณพ่อ " หนูท่องมาตลอดทางตั้งแต่ถ้ำมาถึงที่นี่ว่า " ฉันคือการปฏิสนธินิรมล "

           การประจักษ์ครั้งที่  17  ตรงกับวันที่  7 เมษายน แม่พระยิ้มอย่างอ่อนหวานกับเธอในโพรงที่ตั้งรูปแม่พระ เธอได้เห็นภาพประจักษ์เช่นนั้น  นานประมาณ 45 นาที

             การประจักษ์ครั้งที่  18  หรือครั้งสุดท้าย  ตรงกับวันที่  16  กรกฎาคม แม่พระทรงประจักษ์มานานเป็นเวลา  15 นาที แบร์นาแด๊ตเล่าให้ฟังว่า " แม่พระประจักษ์มาให้เห็น ณ  ที่เดิม โดยไม่พูดอะไร…หนูไม่เคยเห็นเธองามเหมือนวันนั้นเลย "

             หลังจากนั้น แบร์นาแด๊ตก็มิได้พบแม่พระอีก…พระศาสนจักรเริ่มดำเนินการสอบสวนจนกระทั่ง  18  มกราคม  1862  พระสังฆราชแห่งลูร์ดได้ประกาศเป็นทางการรับรองว่า เป็นแม่พระจริงที่ได้ประจักษ์มาที่ถ้ำมัสซาเบียลแล้วลงมือสร้างพระวิหารขึ้นจนสำเร็จ

             ส่วนแบร์นาแด๊ตได้ตัดสินใจเข้าบวชเป็นนางชีที่เนอแวร์ส เดือนกรกฎาคม ปี 1866 เธอพยายามทำทุกอย่างตามน้ำพระทัยของพระเป็นเจ้า และที่สุดได้มอบดวงวิญญาณบริสุทธิ์คืนแด่พระ ณ วันที่ 6 เมษายน 1879 อายุ 39 ปีเศษ

             สมเด็จพระสันตะปาปาปีโอที่ 11 ทรงประกาศชื่อแบร์นาแด๊ต ซูบิรูส์ ในสารบบนักบุญ เมื่อวันที่ 8  ธันวาคม 1933 ทุกวันนี้ลูร์ดเป็นปูชนียสถานแม่พระที่ใครๆ ก็รู้จักกันทั่วโลก และมีผู้จาริกแสวงบุญมาที่นี่ไม่ขาดสายเลย

           " อัศจรรย์ " ที่ลูร์ดยังคงมีอยู่เสมอ  คือศีลมหาสนิท นอกเหนือไปจากปรากฏการณ์ทางศาสนาแล้ว ประสิทธิภาพของสารหรือข่าวดีขั้นพื้นฐานของพระวรสาร ก็ยังคงอยู่ และพระนางมารีอาก็ยังคงเรียกร้องจากเรามนุษย์อยู่เสมอๆ คือ " การกลับใจ " และจากพฤติกรรมอันนั้นเองของพระคริสตเจ้าที่พระองค์ได้ทรงประทานเนื้อและพระโลหิตของพระองค์  " เพื่อความรอดของมนุษย์ " จากการที่พวกคนป่วยยอมรับทนความทุกข์ยากลำบากต่างๆ ด้วยความยินดี พร้อมๆ กับพระคริสตเจ้าและจากการที่เด็กหนุ่มสาวเป็นจำนวนมากได้เสียสละอุทิศตนในการช่วยเหลือคนที่น่าสงสาร และผู้ประสบความทุกข์ยากลำบาก รวมทั้งบรรยากาศที่เข้มข้นไปด้วยการสวดภาวนาอย่างไม่รู้จักหยุดหย่อนที่ลูร์ดนั้น  ย่อมเป็นสิ่งที่เข้าใจไม่ได้ ถ้าหากเราจะไม่ได้มองสิ่งต่างๆ เหล่านี้โดยอาศัยแสงสว่างของบูชามิสซาที่ได้จัดให้มีขึ้นที่เมืองของแม่พระแห่งนี้เป็นสิ่งแรก  เพื่อที่เราจะต้องมองดูและทำความเข้าใจว่า เป็นพระคริสตเจ้าในบูชามิสซาเองที่ผ่านไปพลางอวยพรคนป่วย เป็นพระองค์เองที่เป็นผู้นำข่าว  และเป็นผู้ที่ให้การช่วยให้รอดหรือการรักษาให้หายได้สำเร็จไป