|
Can. 412 An episcopal see is understood to be impeded if by reason of captivity, banishment, exile or incapacity, the diocesan bishop is wholly prevented
from fulfilling his pastoral function in the diocese, and cannot communicate with the people of his diocese even by letter.
Can. 413 $1. When the see is impeded the governance of the diocese, unless the Holy See provides otherwise, belongs to the coadjutor bishop if there is one;
if there is none or if he is impeded, it belongs to an auxiliary bishop or the vicar general or the episcopal vicar or to another priest, following the order of persons determined in a list
to be composed by the diocesan bishop immediately upon taking possession of the diocese, which list is to be communicated to the metropolitan and renewed at least every three years; it is to be preserved
in secret by the chancellor.
$2. If there is no coadjutor bishop or he is impeded, and the list mentioned in $1 is also lacking, the college of consultors is to select a priest who is
to govern the diocese.
$3. Whoever assumes the governance of the diocese according to the norms of $1 or $2 shall immediately advise the Holy See of the sees being impeded and of
his assuming the function.
Can. 414 Whoever is called to exercise temporarily the pastoral care of a diocese according to the norm of can. 413 is bound by the obligations and enjoys
the power which belong by law to a diocesan administrator only for the time during which the see is impeded.
Can. 415 If the diocesan bishop is prohibited from exercising his function by an ecclesiastical penalty, the metropolitan is to make recourse immediately to
the Holy See in order that it may provide; if there is no metropolitan or if he himself is the penalized bishop, the senior suffragan in terms of promotion is to make such recourse.
|
๔๑๒ ให้เข้าใจว่าตำแหน่งพระสังฆราช ถูกขัดขวาง ถ้าหากเพราะการถูกกักขัง ถูกขับไล่ (Banishment) ถูกเนรเทศ (exile) หรือเพราะไร้ความสามารถ (incapacity)
พระสังฆราชสังฆมณฑลถูกขัดขวางโดยสิ้นเชิง มิให้ปฏิบัติหน้าที่อภิบาลในสังฆ-มณฑล และไม่สามารถติดต่อกับคริสต-ชนในสังฆมณฑลของตน แม้โดยทางจดหมาย
๔๑๓ วรรค ๑ เว้นไว้แต่ว่าสันตะสำนักจัดการเป็นอย่างอื่น เมื่อตำแหน่งพระ-สังฆราชถูกขัดขวาง การปกครองสังฆ-มณฑลเป็นหน้าที่ของพระสังฆราชรองถ้ามี
ถ้าไม่มีหรือถ้าท่านถูกขัดขวางก็เป็นหน้าที่ของพระสังฆราชผู้ช่วยหรืออุป-สังฆราชหรือผู้ช่วยพระสังฆราช หรือพระสงฆ์องค์อื่น ตามลำดับบุคคลที่กำหนดไว้ในบัญชีรายชื่อ
ที่จัดโดยพระ-สังฆราชสังฆมณฑลทันทีที่ขึ้นปกครองสังฆมณฑล บัญชีนี้ต้องจัดส่งให้สังฆ-มณฑลนคร และต้องจัดทำขึ้นใหม่อย่างน้อยทุก 3 ปี เลขาธิการต้องจัดเก็บบัญชีรายชื่อนี้เป็นความลับ
วรรค ๒ หากไม่มีพระสังฆราชรองหรือหากท่านถูกขัดขวางและบัญชีรายชื่อที่กล่าวไว้ในวรรค 1 ก็ไม่มีด้วย
คณะที่ปรึกษาพระสังฆราชต้องเลือกพระสงฆ์องค์หนึ่งขึ้นปกครองสังฆมณฑล
วรรค ๓ ผู้ใดก็ตามที่ขึ้นปกครองสังฆมณฑลตามกฎเกณฑ์ของวรรค ๑ หรือ ๒ ต้องแจ้งให้สันตะสำนักทราบทันทีถึงตำแหน่งพระสังฆราชที่ถูกขัด-ขวาง
และการรับตำแหน่งหน้าที่ของท่าน
๔๑๔ ผู้ใดก็ตามที่รับเรียกให้ปฏิบัติหน้าที่อภิบาลสังฆมณฑลชั่วคราว เพียงในขณะที่ดำรงตำแหน่งพระสังฆราชถูกขัดขวางตามกฎเกณฑ์ของมาตรา ๔๑๓
ในการปฏิบัติหน้าที่อภิบาลสังฆมณฑล ต้องปฏิบัติตามข้อบังคับและมีอำนาจที่ผู้รักษาการสังฆมณฑลมีตามกฎหมาย
๔๑๕ หากพระสังฆราชสังฆมณฑลถูกห้ามมิให้ปฏิบัติหน้าที่โดยต้องโทษทางพระศาสนจักร
สังฆมณฑลนครต้องเข้าแจ้งต่อสันตะสำนักเพื่อจัดการทันที ถ้าไม่มีสังฆมณฑลนครหรือถ้าท่านเองเป็นผู้ต้องโทษ ก็ให้พระสังฆราชสังฆมณฑลรองที่ได้รับแต่งตั้งก่อนเป็นผู้เข้าแจ้ง
|
