โดย...ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศ

 

กระแสเรียกการเป็นพระสงฆ์ เป็นกระแสเรียกที่มีความสำคัญต่อพระศาสนจักร  เพราะพระสงฆ์คือ ผู้นำและผู้ดูแลบรรดาสัตบุรุษ ให้เขาดำเนินชีวิตตามจิตตารมณ์คำสอนพระคริสต์ ดังนั้นบ้านเณรซึ่งเปรียบเหมือนหัวใจของสังฆมณฑล เพราะบ้านเณรเป็นสถานที่ฝึกอบรมสร้างสรรค์ ชี้แนะแนวทาง ให้กับบรรดาเณรได้เห็นกระแสเรียกและเป้าหมายของตนได้ชัดเจนมากขึ้นซึ่งเป้าหมายของชีวิตเณรคือ   การบวชเป็นพระสงฆ์ในอนาคต ดังนั้นกิจวัตรประจำวันทุก ๆ อย่างที่เณรต้องกระทำตามเวลาที่กำหนดนั้น ล้วนสร้างให้เณรเป็นผู้มีความพร้อมและรู้ซึ้งถึงหน้าที่สงฆ์ที่ดีในอนาคต

ชีวิตประจำวันของสามเณรนักบุญยอแซฟ

ชีวิตประจำวันของบรรดาสามเณร  บ้านเณรยอแซฟแห่งนี้เริ่มต้นขึ้นเมื่อเวลาตีห้ายี่สิบห้า เสียงกริ่งดังขึ้น  ปลุกเณรทุกคนลุกขึ้นสวดภาวนาขอบคุณพระพร้อมกันต่อด้วยการทำธุระส่วนตัว ก่อนพร้อมอีกครั้งบนวัดเมื่อเวลาตีห้าสี่สิบห้า เพื่อร่วมพิธีบูชามิสซาบรรยากาศ แห่งความศักดิ์สิทธิ์ ถึงแม้จะมีเณรบางคนนั่งสัปหงกให้เห็น ก็คงเพราะว่ายังเช้าเกินไปนั่นเอง แต่ที่สุดแล้ว เณรทุกคนต่างก็พร้อมใจกันร่วมโมทนาคุณพระเป็นเจ้าอย่างดี  ผมนึกชมในใจว่าแม้จะ เช้าขนาดนี้ แต่เณรทุกคนก็ร่วมมิสซาอย่างดี ไม่มีทีท่าว่าเบื่อ โดยเฉพาะบรรดาน้องเณรเล็ก ซึ่งยังเป็นเด็กอยู่ แต่เขาก็มีความรับผิดชอบไม่แพ้พวกพี่เณรเลย หลังมิสซาเณรทุกคนต่างนั่งรำพึงสวดภาวนาส่วนตัวต่ออีกระยะหนึ่ง ก่อนจะเดินไปห้องอาหารเพื่อทานอาหารเช้าพร้อมกัน

ขณะทานอาหารเช้าผมรู้สึกได้ถึงบรรยากาศของการดูแลเอาใจใส่ซึ่งกันและกัน ภาพน้อง เณรโต๊ะต่าง ๆ ชูมือขึ้นในลักษณะกำมือบ้าง แบมือบ้าง อันเป็นสัญลักษณ์บอกให้มาสเตอร์ที่เป็นครูเณร ซึ่งมีหน้าที่ดูแลในช่วงนี้ ช่วยเติมน้ำและข้าวให้ บรรดามาสเตอร์เณรก็เดินบริการด้วย ใบหน้ายิ้มแย้ม ถึงแม้ตัวเองจะต้องเสียสละทานข้าวที่หลังน้อง ๆ  ก็ตาม หลังจากทานอาหาร ก็เป็น เวลาทำความสะอาดเช้า เณรแต่ละคนจะมีหน้าที่รับผิดชอบแตกต่างกันไป กวาด - ถูระเบียง เช็ดกระจก ทำความสะอาดวัด ทำความสะอาดห้องนอน จัดห้องนอน กวาดสนามหน้าบ้านเณร ล้างห้องน้ำ ฯลฯ เณรทุกคนต่างช่วยกันคนละไม้คนละมือ เพื่อให้งานเสร็จเร็วขึ้น มีบ้าง ที่ทำงานเสร็จแล้วจะแอบเอนหลังสักนิด เรื่องแบบนี้ไม่ว่ากัน  ขอให้ลงมาเข้าแถวรวมกันที่หน้าตึกทันฟังมาสเตอร์ อบรมนิดหน่อย สวดภาวนาก่อนไปเรียน เป็นใช้ได้ หลังจากน้อง ๆ ไปเรียนกันแล้ว มาสเตอร์เณรทุกคนก็เข้าเรียนวิชาเสริมและวิชาพื้นฐานที่มีสำคัญสำหรับอนาคตกระแสเรียกการเป็นพระสงฆ์ กับคุณพ่อซึ่งดูแลบ้านเณร ไม่ว่าจะเป็นวิชาภาษาลาติน ภาษาอังกฤษ หรืองานอภิบาลสัตบุรุษ ฯลฯ

ชีวิตเณรในโรงเรียนยอแซฟอุปถัมภ์

การเรียนของเณรที่โรงเรียนยอแซฟอุปถัมภ์นั้น เณรจะมีห้องเรียนเฉพาะของเณร โดยในห้องเรียนเฉพาะของเณร โดยจะมีเณรจากบ้านเณรยอแซฟ   เณรของคณะนักบวช   และนักเรียนทั่วไป จากการพูดคุยกับคุณครูที่สอนเณร ทราบว่า “ครูรู้สึกสบายใจที่ได้สอนเณร ไม่หนักใจอะไร เมื่อพูดถึงเรื่องความประพฤติ เณรมีความประพฤติเรียบร้อยกว่า  เด็กทั่ว ๆ ไป แต่ใช่ว่าเณรไม่ เคยทำผิดระเบียบ แต่เมื่อเณรทำผิด ครูจะตักเตือน เณรก็จะรับฟังและพยายามแก้ไข ไม่ทำผิดซ้ำอีก คงเพราะเณรได้รับการฝึกฝนให้อยู่ในกฎในระเบียบจากบ้านเณรมาก่อน ด้านการเรียนนั้น เณรเรียนอยู่ในระดับปานกลาง แต่เณรจะเอาใจใส่เรื่องเรียนการกันมาก เมื่อเขาไม่เข้าใจวิชาที่ เรียน ก็มักจะมาถามเสมอ ๆ และทางบ้านเณรเองก็มีชั่วโมงเรียนในแต่ละวัน มีระบบรุ่นพี่ดูแลรุ่นน้อง คอยช่วยเรื่องการเรียนเสมอ ซึ่งครูคิดว่าเป็นสิ่งที่ดี” ครูณรงค์ เถาว์เกตุ กล่าว

ช่วงพักกลางวัน เณรจะกลับมาเพื่อทานอาหารกลางวันที่บ้านเณรร่วมกัน และแยกย้ายกัน ไปเฝ้าศีล และกลับไปเรียนในภาคบ่ายต่อ ส่วนมาสเตอร์เณรช่วงบ่ายจะเป็นเวลาส่วนตัว ซึ่งหมด ไปกับฝึกหัดเล่นดนตรี อ่านหนังสือศรัทธา ฯลฯ

หลังเลิกเรียนเณรต้องทำอะไรบ้าง

เมื่อโรงเรียนเลิก เณรทยอยกันเดินกลับมาที่บ้านเณรเณรทุกคนจะขึ้นวัดเพื่อส วดขอบคุณพระสำหรับวันนี้  ก่อนไปเปลี่ยนเครื่องแต่งกาย เพื่อลงมาทานอาหารว่าง หลังจากนั้น ถ้าเป็นวันจันทร์ พุธ และศุกร์ จะเป็นช่วงเวลาของการทำงาน โดยเณรจะแบ่งเป็นกลุ่มๆ รับผิดชอบงานด้านต่าง ๆ เช่น งานด้านการเก ษตร  งานทำความสะอาด จัดห้องชมรม ฯลฯ ซึ่งในวันนี้ผมเห็นเณรกลุ่มหนึ่ง ขุดดิน เตรียมขึ้นแปลงผัก อีกกลุ่มหนึ่งกำลังเตรียมปุ๋ย อีกกลุ่มหนึ่งกำลังแยกขยะ เณรแต่ละคนช่วยกัน คนละไม้คนละมือ อาจมีท้อบ้าง เหนื่อยบ้าง แต่เณ รทุกคนก็พยายามทำหน้าที่ของเขาให้ดีที่สุด ผมรู้สึกว่างานที่เณรกำลังทำอยู่เป็นงานที่หนักทีเดียว แต่ตลอดเวลาที่ผมเดินดูพวกเขาทำงาน ผมไม่ได้ยินเสียงบ่นว่า เหนื่อย หรือท้อกับงานที่ทำอยู่นี้เลย และทุก ๆ วันอังคาร และวันพฤ หัส ช่วงเวลาทำงานนี้จะเปลี่ยนเป็นการเล่นกีฬาร่วมกัน ซึ่งแน่นอนว่าวันเล่นกีฬา ย่อมเป็นวันที่สนุกกว่าวันทำงานเป็นแน่ ดังนั้นเณรแต่ละคนจึงดูยิ้มแย้มกันเป็นพิเศษ เดินเข้าออกห้องเก็บอุปกร ณ์กีฬาหยิบอุปกรณ์ ที่ตัวเองถนัดและชอบ กีฬาที่เล่นกันส่วนมาก คือฟุตบอล บาสเกตบอล ตะกร้อ ฯลฯ จึงไม่น่าแปลกที่สนามฟุตบอลของบ้านเณรเต็มไปด้วยบรรดาเณรกว่า 40 คน ตั้งแต่ชั้นม.1 ถึง มาเตอร์เณรปี 2 เล่นรวมกันไม่ม ีแบ่งแยก ว่านี้รุ่นพี่ นั้นรุ่นน้องเล่นร่วมกันไม่ได้ หากสนามไหนไม่พอจำนวนผู้เล่น ก็จะผลัดกันเล่นอย่างสนุกสนานทีเดียว

เมื่อกริ่งสัญญาณบอกหมดเวลาในช่วงนี้แล้ว เณรแยกย้ายกันไปอาบน้ำ และมาพร้อมกันที่ห้องเรียน เพื่อทบทวนบทเรียนที่เรียนมา โดยมีมาสเตอร์ที่เป็นครูเณรคอยดูแลช่วยเหลือ ในวันจันทร์และวันพุธ ส่วนวันอังคารและพฤหัส ครูเณรจะสอนคำสอนแทนการทบทวนบทเรียน ในวันศุกร์จะขึ้นวัดซ้อมขับร้องแทนการเรียน เวลาเรียนเณรทุกคนจะถือเงียบไม่คุยเล่นกัน จะมีหันหน้าปรึกษากันบ้างแต่ก็น้อย

เมื่อหมดชั่วโมงเรียน วันจันทร์และวันพุธ เณรจะสวดทำวัตรเย็นร่วมกัน ส่วนวันอังคารและพฤหัส เมื่อเรียนคำสอนเสร็จ เณรแต่ละชั้น จะสวดสายประคำร่วมกันในชั้นของตนเอง ต่อด้วยอาหารเย็น ซึ่งก่อนทานอาหารมีการนำสวดภาวนา รำพึงพระวาจาบทสั้น ๆ ทานอาหารร่วมกัน โดยมีกลุ่มเสริ์ฟ ก็จะดูแลคอยเติมน้ำ เติมข้าวให้ เหมือนทุกมื้อที่ผ่านมา หลังอาหารเณรที่ไม่ใช่เวรล้างจาน ก็มีเวลาหย่อนใจนิดหน่อย ก่อนพร้อมกันอีกครั้ง เพื่อทำกิจศรัทธาร่วมกัน บ้างคนอ่านหนังสือศรัทธา บ้างก็สวดสายประคำ แล้วแต่ใครอยากทำกิจศรัทธาแบบไหนเป็นการส่วนตัว

ปิดท้ายชีวิตประจำวันของเณรด้วยการเข้าห้องเรียนอีกครั้ง เพื่อทบทวนบทเรียน เตรียมวิชาที่จะเรียนในวันพรุ่งนี้ต่อไป กริ่งสุดท้ายของวันดังขึ้นเมื่อเวลา 21.45 น. ซึ่งเป็นเวลาเข้านอนของเณร ก่อนนอนสวดขอบพระคุณและขอพรพระ…………………

จะเห็นได้ว่าชีวิตประจำวันของเณรถูกกำหนดด้วยตารางเวลา และในตารางเวลานั้น ทางบ้านเณรได้มอบให้ทั้งเรื่องของความรู้ การปฏิบัติกิจศรัทธา ใกล้ชิดพระ และการดำเนินชีวิตกลุ่มร่วมกัน ซึ่งสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ ล้วนเป็นการสอนให้เณรเข้าใจชีวิตมากขึ้น และช่วยให้เณรได้แน่ใจในกระแสเรียกของตน และมองเห็นอนาคตที่ชัดเจนขึ้นว่า เมื่อถึงวันที่เขาเป็นพระสงฆ์เขาจะต้องพบเจออะไรบ้าง ผมคิดว่าการที่เด็กคนหนึ่งจะปฏิบัติตัวอยู่ในกฎในระเบียบ ที่ทางบ้านเณรวางไว้ให้ได้ และต้องทำในสิ่งที่บางครั้งเป็นการฝืนความรู้สึกของตนเองได้นั้น คงเป็นเพราะกระแสเรียกที่เขาได้รับ และความรักที่เขามีต่อพระเป็นเจ้า เป็นสิ่งช่วยให้เขาสามารถปฏิบัติตนได้อย่างดีในแต่ละวัน แต่ใช่ว่าพวกเขาจะไม่มีวันท้อแท้ หมดกำลังใจ ดังนั้นสิ่งสำคัญที่จะช่วยเสริมกำลังใจให้กับพวกเขาได้ดีที่สุด ก็คือคำภาวนาจากพวกเราสัตบุรุษทุกคน เพื่ออนาคตของพระศาสนจักรของเราจะได้มีผู้ทำงานบนพื้นนาของพระเจ้ามากขึ้นทวีคูณ……………….

เพลงหัวใจมิสซัง


1. สถานสำคัญเรียกกันบ้านเณร เหมือนหัวใจส่วนที่จำเป็น หยุดเต้นชีพคงวอดวาย

       งานมิสซังเหมือนดังร่างกาย ขาดเงินทองก็พอหาได้ ขาดสงฆ์ไทยปัจจัยสำคัญ

   2. ทั่วแดนแคว้นไทยก็คล้ายที่นา  ถึงฤดูเก็บเกี่ยวเวียนมา มองหาชาวนาช่วยกัน

       งานสงฆ์ไทยมากมายอนันต์ สวดอ้อนวอนขอพรพระท่าน ส่งคนงานมาสู่ถิ่นไทย

(รับ)  ขาดพระสงฆ์มิสซังก็คงไม่มี ด้วยเหตุนี้บ้านเณรเหมือนเป็นหัวใจ

       พระสังฆราชหลายองค์พระสงฆ์คนไทย ที่บ้านเณรช่วยสร้างสรรค์ให้ พลีกายรับใช้มวลชน

   3. อย่ามองข้ามไปหัวใจมิสซัง ศูนย์รวมที่สร้างความหวัง คริสตังทั่วทั้งมลฑล

         เณรบวชเป็นพระสงฆ์สักคน  เหน็ดเหนื่อยยากลำบากสู้ทน จงภูมิใจ