ประมาณ ค.ศ.280 คริสตชนบางคนในอียิปต์และในซีเรียละทิ้งงานและชีวิตครอบครัว พวกเขาไปในที่เปลี่ยวเพื่อใช้ชีวิตภาวนา อยู่อย่างสมถะ ยอมรับความยากลำบากเพื่อว่าพวกเขาจะเป็นเหมือนพระเยซูเจ้า นี่เป็นที่มาของชีวิตนักพรต

ราวค.ศ.280 คริสตชนหลายคนในอียิปต์และซีเรียตะวันออกเริ่มละทิ้งชีวิตหมู่คณะที่เขาอาศัย ไปอยู่ตามลำพัง พวกเขาเลิกหน้าที่การงาน โอกาสในอาชีพและความสำเร็จในด้านเศรษฐกิจ และความสะดวกสบายของที่บ้าน เพื่อจะนำชีวิตไปสู่ความยากจนที่สุดในที่เปลี่ยวคนเดียว นี่เป็นจุดเริ่มของชีวิตนักพรต วิถีชีวิตนักพรตเป็นหนทางหนึ่งของชีวิตที่ผู้นั้นสัญญาที่จะถือความยากจน ไม่แต่งงาน และเชื่อฟังต่อผู้นำ คนที่มีชีวิตแบบนี้ถูกเรียกว่า “นักพรต”

นักพรตซึ่งอาศัยอยู่ด้วยตนเองถูกเรียกว่าฤาษี (anchorite คำนี้มาจากภาษากรีกมีความหมายว่า “ถอย”) สองสามทศวรรษต่อมา มีฤาษีมากมายอาศัยอยู่ในกระท่อมเล็กๆ หรือในถ้ำหิน บางคนอาศัยอยู่ตามลำพังคนเดียวตลอดเวลา คนอื่นๆ อาจมาขอคำแนะนำเป็นครั้งๆ ไปจากผู้แนะนำวิญญาณ เราไม่รู้ว่าใครเป็นฤาษีคนแรก  แต่นักพรตที่มีความสำคัญมากคนแรกสุดคือ “แอนโทนี” ซึ่งเรื่องของเขาจะถูกเล่าต่อไป
 

นักบุญแอนโทนี

แรงจูงใจพื้นฐานเบื้องหลังของวิถีชีวิตแบบใหม่และยอมทนลำบากก็คือ ปรารถนาที่จะเลียนแบบพระเยซูเจ้า นักพรตต้องอุทิศตนเองทั้งครบแด่พระเจ้า และเพื่อแบกกางเขนเหมือนอย่างพระเยซูเจ้า ด้วยรู้ว่าการเป็นมรณสักขีเป็นวิถีทางที่ยอดเยี่ยมเพื่อเลียนแบบพระเยซูเจ้า และดังนั้นพวกเขาพยายามที่จะทนต่อความลำบากและทุกข์ยากในชีวิตทุกวัน เหมือนอย่างบรรดามรณสักขี พวกเขาอุทิศตนเองเพื่อความยากจนและความบริสุทธิ์  นั่นหมายความว่าพวกเขาละทิ้งสิ่งของต่างๆ ทางโลกและชีวิตครอบครัว

นักพรตปรารถนาจะติดตามคำแนะนำของพระเยซูเจ้าที่ว่า “ถ้าท่านอยากเป็นคนดีอย่างสมบูรณ์ จงไปขายทุกสิ่งที่มี มอบเงินให้คนยากจน และท่านจะมีขุมทรัพย์ในสวรรค์ แล้วจงติดตามเรามาเถิด” (มธ.19 : 21)

ชีวิตนักพรตแพร่หลายอย่างรวดเร็วในภาคตะวันออก และที่สุดก็มีผลกระทบอย่างมากต่อภาคตะวันตกเช่นกัน ชีวิตนักพรตที่หลงเหลือมาถึงทุกวันนี้เป็นมรดกที่สำคัญและเป็นชีวิตของพระศาสนจักร