บัดนี้คริสต์ศาสนาเป็นศาสนาที่ได้รับสิทธิพิเศษหลายอย่าง จักรพรรดิคอนสแตนติอุสพยายามบังคับคนต่างศาสนาให้กลับใจเป็นคริสตชน คริสตชนบางคนเริ่มใช้ความรุนแรงตอบโต้คนต่างศาสนา แต่ผู้มีอำนาจของพระศาสนจักรปกป้องคนต่างศาสนา และเตือนประชาชนว่า การกลับใจที่แท้จริงต้องมาด้วยน้ำใจอิสระ

กฤษฎีกาแห่งเมืองมิลาน ใน ค.ศ.313 อนุญาตให้เสรีภาพในการบูชานมัสการทั้งหมด ดังนั้น แม้แต่คริสตชนก็สามารถแสดงความเชื่อของตนได้อย่างเปิดเผย แต่ในไม่ช้าคริสต์ศาสนาได้เปลี่ยนสถานภาพจากการเป็นศาสนาหนึ่งที่ได้รับการรับรองสู่การเป็นศาสนาหนึ่งที่มีสิทธิพิเศษ คอนสแตนตินให้การสนับสนุนพระศาสนจักร ให้ความช่วยเหลือในหลายวิถีทาง และให้ความเคารพบรรดาผู้นำพระศาสนจักร แต่พระองค์ยังปฏิเสธเสมอ ที่จะออกกฎหมายต่อต้านผู้ไม่เป็นคริสตชน และพระองค์จะรับศีลล้างบาปขณะที่จวนจะตายเท่านั้น

คริสตชนส่วนใหญ่รู้สึกว่า ไม่ควรมีใครจะถูกบังคับให้นับถือศาสนาใดศาสนาหนึ่ง ผู้มีอำนาจของพระศาสนจักรได้เตือนบรรดาคริสตชนอยู่เสมอว่า การกลับใจที่แท้จริงของประชาชนต้องถูกกระทำโดยอิสระเท่านั้น

การเปลี่ยนแปลงอย่างอื่นๆ เกิดขึ้นในเวลานี้ คือ ในช่วงระหว่างการเบียดเบียนนั้นพระศาสนจักรได้ยืนยันถึงจุดกำเนิดของตน พระศาสนจักรยังได้แสดงให้เห็นว่า มีบางสิ่งบางอย่างที่สนับสนุนคุณค่าความเป็นมนุษย์ บัดนี้พระศาสนจักรกำลังค้นหาสิ่งดีๆ ที่อยู่ในวัฒนธรรมของคนต่างศาสนา และพยายามที่จะเก็บรักษาเอาไว้ไม่ให้ถูกทำลายไป คริสตชนบางคนยืนกรานว่าไม่มีอะไรในลัทธิของคนต่างศาสนาที่จะสนับสนุนชีวิตคริสตชนได้เลย โชคดีที่ทัศนคติความเป็นศัตรูของคริสตชนบางคนไม่เป็นผล และความรู้มากมายในลัทธิต่างศาสนายังคงถูกรักษาไว้โดยบรรดาผู้รอบรู้และบรรดาอาจารย์คริสตชน