ราว ค.ศ.318-319 อารีอุสเริ่มสอนตามความคิดเห็นที่หลงผิด สอนว่า พระเยซูไม่เป็นพระเจ้า แต่เป็นบุคคลพิเศษ เป็นบุคคลเดียวในโลกที่พระเจ้าทรงสร้าง พระเยซูมีบางสิ่งบางอย่างเหมือนพระเจ้า เว้นแต่ว่าพระองค์สามารถร้องไห้และทุกข์ทรมาน ซึ่งพระเจ้าไม่สามารถ อารีอุสยังบอกอีกว่า พระเยซูมีบางสิ่งบางอย่างเหมือนมนุษย์ แต่พระองค์ไม่มีวิญญาณแบบมนุษย์ มีผู้สนใจติดตามความคิดเห็นของอารีอุสหลายคน รวมทั้งนักเทววิทยา พระสงฆ์ และประชาชนในภาคตะวันออก พวกเขาคิดว่ามันเป็นคำสอนที่มีเหตุมีผลและง่ายต่อการเข้าใจ อย่างไรก็ตาม คริสตชนจำนวนมากต่อต้านคำสอนของอารีอุสทันที พวกเขาเชื่อว่าถ้าพระเยซูไม่เป็นพระเจ้าแท้ ก็ไม่มีทางที่มนุษย์จะได้รับการช่วยให้รอดหรือสัมพันธ์กับพระเจ้าได้
พระสังฆราชแห่งเมืองอเล็กซานเดรียได้โต้แย้งกับอารีอุส ท่านยกย่องอารีอุสในความพยายามที่จะตรวจสอบคำสอนคริสตชน แต่ท่านกล่าวว่าอารีอุสหลงผิดและจะต้องละทิ้งแนวความคิดของเขาเสีย แต่อารีอุสปฏิเสธที่จะเชื่อฟังพระสังฆราช เขายังคงพยายามทำให้คนอื่นเชื่อว่าคำสอนเกี่ยวกับพระเยซูเจ้าของเขานั้นถูกต้อง และก็มีหลายคนในเมืองอเล็กซานเดรียและตามส่วนต่างๆ ในอาณาจักรตะวันออกที่สนับสนุนเขา ใน ค.ศ.319 เมื่อพระสังฆราชแห่งอียิปต์จัดประชุมซึ่งเรียกว่า
ซีโนด (Synod) มีพระสังฆราชประมาณ 100 องค์ มาร่วมประชุมกันเพื่อพิจารณาคำสอนของอารีอุส อารีอุสได้อธิบายความเชื่อในศาสนาของเขาอย่างมีวาทศิลป์ ในที่สุดบรรดาพระสังฆราชลงความเห็นว่าอารีอุสและผู้ติดตามทั้ง 14 คน ถูกขับออกจากพระศาสนจักรเพราะคำสอนที่หลงผิดของพวกเขา ซึ่งเรียกว่า คำสอนนอกรีต (heresy) อารีอุสจะต้องละทิ้งวัดของเขาหรือยอมทิ้งความเชื่อของเขา
อารีอุสย้ายไปอยู่ที่เมืองนิโคเมเดีย ซึ่งเป็นเมืองใหญ่ในอาณาจักรตะวันออก ยูเซบิอุส พระสังฆราชของเมืองนั้นสนับสนุนอารีอุส ต่อมาเมืองนี้เองกลายเป็นศูนย์กลางของ ลัทธินิยมอารีอุส การโต้แย้งทางเทววิทยายังคงดำเนินอยู่และแพร่ขยายออกไป ซึ่งส่งผลกระทบกระเทือนอย่างมากต่อสันติภาพในระหว่างคริสตชน |