คริสตชนที่เมืองคาร์เทจถูกเบียดเบียนใน  ค.ศ.  193 - 211 แตร์ตูเลียนเล่าเรื่องที่งดงามมากของมรณสักขีองค์หนึ่ง คือแปร์เปตูอา มารดาที่อายุยังไม่มากนัก

ในบรรดาบุคคลที่ถูกจับที่เมืองคาร์เทจ มีหญิงสาวในตระกูลขุนาางคนหนึ่งชื่อแปร์เปตูอา (Perpetua) เรื่องราวอันงดงามของมรณสักขีซึ่งเป็นมารดาที่อายุไม่มากนักคนนี้ ถูกเขียนในสมัยของแตร์ตูเลียน หรือบางทีอาจเขียนโดยแตร์ตูเลียนเอง

สมาชิกส่วนใหญ่ในครอบครัวแปร์เปตูอาเป็นคริสตชน แต่พ่อของเธอเป็นคนต่างศาสนา แปร์เปตูอาร์ถูกจับก่อนที่เธอจะได้รับศีลล้างบาปจริงๆ (เธอเป็นผู้เตรียมตัวรับศีลล้างบาป : คริสตังค์สำรอง) แม้ว่าจะมีความแตกต่างทางศาสนา พ่อและลูกสาวก็รักกันและกันมาก พ่อของแปร์เปตูอาไปเยี่ยมเธอในคุกบ่อยๆ และพยายามเปลี่ยนใจให้เธอกลับมาสู่ศาสนาตามประเพณีของคนต่างศาสนา

วันหนึ่งแห่งความทรมานของแปร์เปตูอา พ่อของเธอขอร้องเธออีกครั้งหนึ่งว่า ลูกพ่อ…สงสาร พ่อผู้ชราจนผมหงอกของเจ้าบ้างเถิด  คิดถึงพี่น้องของเจ้า  แม่ของเจ้า  ป้าของเจ้า  และลูกชายของเจ้า  พวกเขาจะอยู่ได้อย่างไรโดยปราศจากเจ้า  จงเปลี่ยนใจของเจ้าเถิด และอย่าทำลายครอบครัวทั้งหมดของเราเลย

ชายชราร้องไห้และอ้อนวอนเธอ แปร์เปตูอาโศกเศร้าเร้าใจในความทุกข์ทรมาน ของพ่อของเธอ แต่เธอรู้ว่าเธอไม่สามารถละทิ้งพระเจ้าที่รักทุกคนได้ เธอพยายามปลอบโยนพ่อของเธอด้วยคำพูดเหล่านี้ "จงเข้าใจเถิดว่า สิ่งที่เกิดขึ้นที่นี่เป็นน้ำพระทัยของพระเจ้า  ผู้ทรงเป็นเจ้าของชีวิตของเราเพียงผู้เดียว " แต่คำพูดของเธอก็ไม่ได้ปลอบโยนเขามากนัก

ไม่กี่วันต่อมา พ่อของแปร์เปตูอามาหาเธออีกครั้ง คราวนี้เขาอุ้มลูกชายของเธอมาด้วย ผู้พิพากษาชาวโรมันจึงกล่าวว่า "จงสงสารพ่อที่ชราของเจ้า และลูกเล็กๆ ของเจ้าเถิดจงกระทำการบูชาแด่พระเจ้าของเรา" แปร์เปตูอาปฏิเสธและประกาศว่าตัวเธอเองเป็นคริสตชน พ่อของเธอที่กำลังร้องไห้ยึดตัวเธอไว้ จนผู้ดูแลเฆี่ยนเขาด้วยแส้นั้น แปร์เปตูอากล่าวต่ออีกว่า "จงทำร้ายฉัน  เหมือนกับที่ฉันเฆี่ยนตัวเอง"

แล้วแปร์เปตูอาถูกนำตัวไปที่ๆ เธอจะถูกประหาร บัดนี้เธอรู้ว่าเธออยู่ใกล้ชิดพระเยซูเจ้า ผู้ทรงเป็นแหล่งความสุขแท้จริงแล้ว ความโศกเศร้าเสียใจที่แท้จริงของเธอคือ พ่อที่ทุกข์ใจของเธอไม่สามารถเข้าใจสิ่งนี้  เพราะเขาไม่ได้ร่วมแบ่งปันในความเชื่อคริสตชนของเธอ