การเบียดเบียนในสมัยจักรพรรดิดิโอเคลเตียน ดิโอเคลเตียนคิดว่า คริสต์ศาสนาอาจจะบ่อนทำลายการปฏิรูปการปกครองของเขา ดังนั้นใน ศ. 303 เขาจึงเริ่มการเบียดเบียนที่น่ากลัว ซึ่งยืดเยื้อยาวนานถึงแปดปี

ปีแรกๆ ในรัชสมัยของดิโอเคลเตียน พระองค์ยังคงมีนโยบายทางการเมืองที่ผ่อนปรนต่อคริสตชน  ในเวลานั้น  มีพลเมืองและข้าราชการประจำราชสำนักจำนวนมากเป็นคริสตชน  และดูเหมือนดิโอเคลเตียนเองก็ไม่มีความกลัวพวกเขา พระองค์นับถือต่อเทพเจ้ามิทรา เช่นเดียวกับพวกทหารโรมันมากมาย

เหตุการณ์ทั้งหมดดำเนินไปอย่างดี  จนถึงประมาณ ค.ศ. 303 เมื่อดิโอเคลเตียนจะทำการปรับปรุงการปกครองสำเร็จอย่างสมบูรณ์  ดิโอเคลเตียนจึงตัดสินใจว่า  บัดนี้ถึงเวลาแล้วที่จะออกกฎหมายจัดตั้งศาสนาเพื่อสนับสนุนอำนาจของพระองค์เอง พระองค์ต้องการสนับสนุนศาสนาแบบโรมันโบราณ และเพราะได้รับคำแนะนำผิดๆ  จากกาเลริอุส หัวหน้าผู้ช่วยของเขา กาเลริอุสต้องการนำศาสนาของคนต่างศาสนาเข้ามา  และวางแผนว่าจะต้องนำความตายมาสู่คริสตชนจำนวนมาก กาเลริอุสหลอกให้ดิโอเคลเตียนเชื่อว่า คริสต์ศาสนาอาจจะบ่อนทำลายความเข้มแข็งและความเป็นหนึ่งเดียวของกองทัพ  และรัฐบาลของจักรพรรดิ และเป็นอันตารยต่องานทั้งหมดของพระองค์

ด้วยเหตุนี้ ใน ค.ศ. 303  ดิโอเคลเตียนจึงได้ออกพระราชกฤษฎีกาฉบับที่หนึ่ง สั่งให้ทำลายวัดของคริสตชน และเผาหนังสือศักดิ์สิทธิ์ของคริสตชน  วัดหลายแห่งถูกทำลายพระสงฆ์จำนวนมากถูกตัดสินประหารชีวิต

กฤษฎีกาที่สอง ได้ขับไล่และสั่งจับผู้อภิบาลของกลุ่มคริสตชน ดังนั้นในคุกจึงเต็มไปด้วยพระสังฆราช พระสงฆ์และสังฆานุกร ซึ่งก็ไม่เพียงพอที่จะกักขังเขาทั้งหมด

กฤษฎีกาที่สาม ประกาศว่า พระสงฆ์ที่ยอมตกลงถวายบูชานมัสการเทพเจ้าของโรมันจะได้รับการปลดปล่อยเป็นอิสระ  ส่วนคนอื่นๆ จะถูกทรมานและถูกลงโทษจนถึงตาย

กฤษฎีกาที่สี่ สั่งให้ทุกๆ  คน  ต้องบูชาแด่บรรดาเทพเจ้า หากไม่ปฏิบัติตามมีบทลงโทษถึงตาย

การปฏิบัติอย่างเลวร้าย การทรมาน และการฆ่าให้ตาย  เริ่มต้นส่งผลกระทบมากตั้งแต่กฤษฎีกาฉบับแรก  คริสตชนที่มำงานรับราชการถูกปลดออกจากตำแหน่งและเปลี่ยนสถานภาพกลายเป็นทาสไปเลย ภรรยาและลูกสาวของจัรกพรรดิดิโอเคลเตียนเองถูกสงสัยว่าจะเป็นคริสตชน จึงถูกบังคับให้ไปถวายบูชานมัสการด้วย ในส่วนของกฤษฎีกาที่สี่ขอการเบียดเบียนนั้นส่งผลกระทบต่อคนจำนวนมาก คริสตชนจำนวนมากถูกประหารชีวิตตลอดทั่วทั้งจักรววรรดิ

การเบียดเบียนอย่างไม่คาดฝัน  เมื่อกาเลริอุส  บุคคลที่ช่วยให้เกิดการเบียดเบียนในช่วงแรก ขึ้นเป็นจักรพรรดิใน ค.ศ. 305 ในขณะที่กำลังจะตายใน ค.ศ. 311  เขาได้ร่วมกับผู้ปกครองอาณาจักรสองคน ออกกฤษฎีกาฉบับใหม่ ประกาศว่าคริสตชนสามารถปฏิบัติศาสนาของพวกเขาได้อีกครั้ง ผู้ปกครองที่ออกกฤษฎีกาก็ไม่ได้ชื่นชอบคริสต์ศาสนาสักเท่าไร ตรงกันข้ามพวกเขากลับรังเกียจกฤษฎีกานี้  แต่พวกเขาสำนึกว่า การเบียดเบียนไม่สามารถนำศาสนาแบบเก่ากลับมาได้ ยิ่งกว่านั้นบัดนี้ประชาชนจำนวนมากกลับกลายเป็นคนไม่มีศาสนา สิ่งนี้เป็นความเลวร้ายสำหรับการปกครอง  และดังนั้นบรรดาผู้ปกครองจึงตัดสินใจอนุญาตให้คริสต์ศาสนาดำรงอยู่อีกครั้งหนึ่ง