ในค.ศ. 250 จักรพรรดิสั่งให้พลเมืองทั้งหมดนมัสการบรรดาเทพเจ้าโดยการถวายบูชา ผู้ที่ปฏิเสธก็จะถูกตัดสินประหารชีวิต  คริสตชนหลายคนถูกฆ่าตายจากการเบียดเบียนครั้งนี้

ใน ค.ศ. 250  จักรพรรดิเดชิอุส  (Decius)  ได้ออกกฤษฎีกาฉบับหนึ่ง สั่งให้ประชาชนที่อยู่

ในจักรวรรดิ  เข้าร่วมในการถวายบูชานมัสการทั่วไปแด่บรรดาเทพเจ้าแห่งกรุงโรม  คณะกรรมการมากมายถูกจัดตั้งขึ้นมา เพื่อรับประกันว่ากฤษฎีกาฉบับนี้ได้รับการปฏิบัติตาม ประชาชนหลายคนได้ทำการถวายบูชาแล้ว จะได้รับรองใบหนึ่งที่เรียกว่า "libellus" หลังจากผ่านระยะเวลาที่กำหนดไว้ ใบรับรองนี้ต้องแสดงต่อผู้มีอำนาจ บุคคลที่ปฏิเสธการนมัสการถวายบูชาจะถูกขังไว้ในคุกการทรมานและวิธีการต่างๆ จะถูกนำมาใช้เพื่อเปลี่ยนความคิดของคนพวกนี้ ถ้าหากยังคงปฏิเสธการนมัสการก็จะถูกประหารชีวิต คริสตชนจำนวนมากตัดสินใจยอมเสียเลือดเนื้อและชีวิตของตนเองมากกว่าการยอมทิ้งพระคริสตเจ้า อย่างไรก็ตามยังมีคริสตชนบางคนที่ยอมทิ้งพระคริสตเจ้าแล้วกระทำการถวายบูชา เพื่อรักษาชีวิตของตนเองไว้

กฤษฎีกาฉบับนี้ นำความทุกข์ทรมานและความตายมาสู่คริสตชนเป็นจำนวนมาก ด้วยเหตุที่มีการจัดการอย่างดีในเรื่องการเบียดเบียน จักรพรรดิเดชิอุสเองอาจจะต้องการทำลายพระศาสนจักรคริสตชนอย่างสิ้นเชิง เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้กับจักรวรรดิ การเบียดเบียนนี้เกิดขึ้นไม่นานนัก  แต่ก็รุนแรงมาก

ในที่สุด จักรพรรดิก็ไม่สามารถทำลายพระศาสนจักรสำเร็จ แม้ว่าการกดขี่เกิดขึ้นโดยไม่ได้คาดฝัน  แต่ในไม่ช้าบรรดาคริสตชนได้เริ่มเตรียมจิตใจสำหรับการยอมเป็นมรณสักขี คริสตชนทั้งชายและหญิง และบรรดาเด็กๆ ที่ถูกจับขังไว้ในคุกเริ่มมองหาหนทางที่จะเป็นหนึ่งเดียวกับพระคริสตเจ้าในครั้งสุดท้ายนี้ การขู่เข็ญคุกคามของความทุกข์ทรมานและความตาย  ไม่สามารถเปลี่ยนจิตใจของพวกเขาได้ เหมือนกับที่นักเขียนต่างศาสนาในสมัยนั้นได้เขียนไว้ว่า "เลือดของบรรดามรณสักขี เป็นเมล็ดพันธ์ที่ให้กำเนิดบรรรดาคริสตชนใหม่"