การสอนของพระเยซูเจ้า และเหตุการณ์ในพระศาสนจักร ได้กระตุ้นให้อัครสาวกแยกย้ายกันไปเทศน์สอน ประกาศข่าวดีแห่งพระวรสารในที่ต่างๆ อย่างเช่นที่ธรรมประเพณีของพระศาสนจักรกล่าวถึงอัครสาวกโธมัสและอันดรูว์ เป็นต้น แต่พวกเราคงไม่สามารถแน่ใจได้มากนัก ในเส้นทางการเดินทางที่ชัดเจนของพวกเขาในทางประวัติศาสตร์

ดูคล้ายกับว่าอัครสาวกคนอื่นๆ ออกจากปาเลสไตน์และเดินทางไปประกาศพระวรสาร เหมือนกับที่เปาโลและเปโตรกระทำ พระวรสารบอกว่า พระเยซูเจ้าบอกพวกอัครสาวกให้ไปเทศน์สอนนานาชาติ การเติบโตของกลุ่มคริสตชนแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า พวกเขามีพันธกิจในการประกาศพระเยซูเจ้าให้แก่โลก

น่าเสียดายที่เราไม่มีข้อมูลที่แน่นอนทางประวัติศาสตร์ เกี่ยวกับการเดินทางของอัครสาวกคนอื่นๆ นอกจากของเปโตร เปาโล และยอห์น แต่เราจะพิจารณาดูว่าธรรมประเพณีพูดถึงอัครสาวกโธมัส และอันดรูว์อย่างไรบ้าง

ธรรมประเพณีบอกว่าโธมัสเดินทางไปไกลถึงอินเดีย เราไม่รู้ว่าจริงหรือไม่ แต่การเดินทางแบบนั้นเป็นไปได้ โดยใช้เส้นทางเดินทางแบบคาราวานจากแคว้นซีเรียถึงอินเดียและไกลกว่านั้น นักสำรวจปัจจุบันสามารถแสดงให้เห็นว่ามีการค้าขายมากมายระหว่างแคว้นซีเรียและอินเดียในศตวรรษแรกๆ และอาจจะมีเส้นทางเดินเรือระหว่างสองดินแดนนี้ด้วย ในอินเดียกว่า 1,100 ปีต่อมา นักสำรวจพบประชาชนหลายแสนคนที่ดำเนินชีวิตตามแบบคริสต์ศาสนา  แม้ว่าอินเดียไม่ใช่ประเทศที่ถือศาสนาคริสต์ พวกนี้ถูกเรียกว่า "คริสตชนตามจารีตนักบุญโธมัส" เพราะประชาชนเชื่อว่า พวกเขาสืบเชื้อสายจากบรรพบุรุษที่ได้รับการสั่งสอนจากนักบุญโธมัส ตั้งแต่ก่อนค.ศ.100

ทุกวันนี้ ยังมี "คริสตชนตามจารีตนักบุญโธมัส" อยู่ในอินเดียอีกหลายพันคน และมันเป็นไปได้ที่คนเหล่านี้สืบเชื้อสายมาจากคริสตชน ที่สามารถย้อนกลับไปถึงนักบุญโธมัส

เชื่อกันว่า อัครสาวกอันดรูว์เดินทางบกและทางทะเลไปถึงดินแดนในยุโรปที่รู้จักกันว่า "ซิเทีย" (Scythia) ตั้งอยู่ระหว่างแม่น้ำดานูบ และแม่น้ำดไนเปอร์ ต่อมาดินแดนนี้มีชาวสลาฟที่เราเรียกว่าชาวรัสเซียอาศัยอยู่ ทุกวันนี้สมาชิกของพระศาสนจักรรัสเซีย ให้ความนับถืออันดรูว์ว่าเป็นบุคคลแรกที่นำพระวรสารมาสู่ดินแดนนี้

มีคริสตชนอีกจำนวนมากที่เราไม่เคยรู้จักชื่อของพวกเขา ช่วยเผยแผ่ข่าวดีของพระคริสตเจ้า  ขณะที่คริสตชนเดินทางไปมาเพื่อค้าขายหรือเยี่ยมเยียนเพื่อนๆ และญาติพี่น้อง พวกเขาจะต้องพูดคุยเรื่องศาสนากับคนต่างศาสนาที่ได้พบ เป็นไปได้ว่าคนต่างศาสนาที่สนใจในคริสต์ศาสนา อาจจะอยู่ร่วมกันกับเพื่อนคริสตชนเพื่อฟังเรื่องศาสนามากขึ้น คนต่างศาสนาบางคนอาจตัดสินใจรับศีลล้างบาป และดังนั้นพระศาสนจักรจึงเติบโตเข้มแข็งขึ้น