ในค.ศ.66 ชาวยิวที่อยู่ในปาเลสไตน์  เริ่มปฏิวัติต่อต้าน และขับไล่ชาวโรมันออกจากแคว้นยูเดีย  แต่กองทัพใหญ่โรมันโจมตีและทำลายกรุงเยรูซาเล็มในค.ศ.70 กรุงเยรูซาเล็มถูกปล้นและถูกเผา และพระวิหารถูกทำลาย

ศาสนายิวอยู่ภายใต้การปกครองของกฎหมายโรมัน ได้ชักชวนคนกลับใจเป็นจำนวนมากในบริเวณนอกปาเลสไตน์ ศาสนายิวเป็นศาสนาที่แผ่ขยายออกไปอย่างกว้างขวางในจักรวรรดิโรมัน อย่างไรก็ตาม ในระหว่างค.ศ.66 และค.ศ.70 ศาสนายิวได้รับความเสียหายจากการถูกโจมตี

แคว้นยูเดีย อยู่ทางตอนใต้ของปาเลสไตน์ เป็นเมืองขึ้นและถูกปกครองโดยรัฐบาลของชาวโรมัน  ชาวยิวไม่พอใจกับการปกครองและการเก็บภาษีของชาวโรมัน กลุ่มที่รู้จักดีคือกลุ่มผู้รักชาติ (Zealots) ชักชวนให้ปฏิวัติต่อต้านจักรวรรดิโรมัน พวกเขาใช้วิธีการต่อสู้แบบกองโจรเข้าโจมตีชาวโรมัน ในช่วงแรกการต่อสู้แบบนี้ได้รับชัยชนะ และยิ่งมีผู้ติดตามเข้าร่วมกับกลุ่มผู้รักชาติมากขึ้น

ในค.ศ.66 รัฐบาลโรมันสั่งกองทัพเข้าไปในพระวิหารกรุงเยรูซาเล็ม เพื่อขนเอาเงินและภาชนะศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ ไป การกระทำที่ร้ายแรงนี้เป็นสาเหตุให้ประชาชนลุกขึ้นทำการปฏิวัติ และขับไล่ชาวโรมันออกจากแคว้นยูเดีย  ซึ่งดูเหมือนว่าชาวยิวจะได้รับอิสรภาพอีกครั้ง แต่สิ่งนี้ไม่คงอยู่ถาวรตลอดไป

กองทัพใหญ่ชาวโรมัน ภายใต้อำนาจของเวสปาเซียน ซึ่งจะเป็นจักรพรรดิในไม่ช้า ชุมนุมกันที่แคว้นซีเรียเพื่อเดินทางมาแคว้นยูเดีย ทิตัส ลูกชายของเวสปาเซียนร่วมทางมาด้วย ในค.ศ.67 กองทัพโรมันรุกเข้าไปในแคว้นยูเดีย ชาวยิวจำนวนมากยึดเอากรุงเยรูซาเล็มเป็นที่หลบภัย ซึ่งเป็นที่พวกเขาต่อสู้กับชาวโรมันอย่างดื้อดึง เวสปาเซียนกลับไปกรุงโรมเพื่อขึ้นเป็นจักรพรรดิ และทิตัสเข้าบังคับบัญชากองทัพโรมัน ในค.ศ.70 ทิตัสล้อมกรุงเยรูซาเล็ม พวกชาวบ้านได้รับความทุกข์ทรมานอย่างมากเนื่องจากขาดอาหาร น้ำ และเครื่องใช้ และจากการต่อสู้กันเอง ทิตัสเข้ายึดกรุงเยรูซาเล็มได้ สั่งให้เผาเมืองและทำลายพระวิหาร ชาวยิวที่ก่อจลาจลจำนวนมากถูกประหารชีวิต และบางคนถูกจับเป็นทาส เชลย และถูกเนรเทศ สถานที่สำหรับพิธีนมัสการบูชาอย่างเป็นทางการในพระวิหารจึงมาถึงจุดจบ

ต่อมา  ชาวยิวปฏิวัติครั้งสุดท้ายในค.ศ.131-135  จึงนำไปสู่การกวาดล้างศาสนายิวออกจากตอนใต้ของปาเลสไตน์ ในช่วงนั้น ดูเหมือนว่าจักรวรรดิโรมันอาจจะได้กำจัดศาสนายิวจนหมดสิ้น แต่ด้วยการอนุญาตของโรมัน มีกฎหมายของชาวยิวฉบับใหม่ออกมาที่รู้จักกันดีในชื่อ Mishnah ซึ่งพัฒนาขึ้นในแคว้นกาลิลี  กฎหมายนี้กลายเป็นแก่นของคัมภีร์ของชาวบาบิโลเนีย และชาวปาเลสไตน์ และแพร่ขยายไปทั่วโลกของกรีก-โรมัน