ชีวิตของเปโตรถึงแม้ว่าเรามีข้อมูลน้อยมากเกี่ยวกับการเดินทางธรรมทูตของเปโตร ธรรมประเพณีบอกว่าที่สุดแล้วท่านเดินทางไปที่กรุงโรม และปฏิบัติภารกิจที่นั่นในฐานะหัวหน้ากลุ่มคริสตชน ท่านยังติดต่อกับกลุ่มคริสตชนอื่นๆ ให้กำลังใจพวกเขาในช่วงเวลาที่ยากลำบากด้วย

ตามธรรมประเพณีของพระศาสนจักรบอกว่า เปโตรอยู่ที่กรุงโรมในช่วงปีท้ายๆ  เรามีข้อมูลเกี่ยวกับท่านน้อย เมื่อเทียบกับเปาโล แต่เป็นที่แน่ใจว่าท่านปฏิบัติหน้าที่ในฐานะหัวหน้ากลุ่มคริสตชนที่กรุงโรม และพยายามให้กำลังใจบรรดาสมาชิก  ดูเหมือนท่านมองเห็นว่าช่วงเวลาแห่งความยุ่งยากลำบากกำลังใกล้เข้ามาถึงกลุ่มคริสตชนในที่ต่างๆ และพวกเขาต้องการกำลังใจในการรักษาความเชื่อ

ในช่วงประมาณค.ศ.60 คริสตชนไม่ได้รับการปฏิบัติอย่างเลวร้ายจากชาวโรมัน เพราะถูกมองว่าเป็นส่วนหนึ่งของศาสนายิว ซึ่งได้รับการยอมรับว่าเป็นศาสนาหนึ่งในจักรวรรดิโรมัน แม้ว่าชาวยิวบางคนมองคริสต์ศาสนาว่าเป็นศาสนาเท็จเทียม และจากเหตุผลนี้พวกเขาพยายามหลายวิถีทางที่จะหยุดการขยายตัวของคริสต์ศาสนา ซึ่งรัฐบาลโรมันไม่สนใจ แต่ในเวลานี้ออกกฎหมายมาต่อต้านคริสตชนแล้ว

อย่างไรก็ตาม เหตุแห่งความยุ่งยากอยู่ที่นี่เอง นั่นคือ ชีวิตที่เรียบง่ายและเปี่ยมด้วยคุณธรรมของคริสตชนอาจจะกระตุ้นความสงสัย การรังเกียจ และก่อให้เกิดความกังวลใจ ท่ามกลางความเลวร้ายและความไร้ศีลธรรมของกรุงโรม การที่คริสตชนปฏิเสธการนมัสการรูปพระเท็จเทียมและจักรพรรดิ อาจก่อให้เกิดความสงสัยในเรื่องกิจกรรมที่ไม่สนับสนุนรัฐบาล และความรักที่แน่นแฟ้นของคริสตชนต่อผู้อื่นอาจก่อให้เกิดความเป็นศัตรู และเสียงโจษจันถึงเรื่องพฤติกรรมที่แปลกๆ
เปโตรเขียนจดหมายให้กำลังใจคริสตชน ให้ยืนหยัดในความเชื่อ และเตรียมใจให้พร้อมเผชิญกับการทรมานด้วยความกล้าหาญและมั่นคง ในจดหมาย ท่านกระตุ้นพวกเขาให้มั่นคงสัตย์ซื่อต่อข่าวดีแห่งพระวรสาร ถ้าพวกเขาปรารถนาเป็นหนึ่งเดียวกับพระคริสตเจ้า พวกเขาจะต้องเป็นหนึ่งเดียวกับพระศาสนจักรที่พระองค์ทรงตั้งขึ้น  พวกเขาจะต้องมีความยินดี เพราะครั้งหนึ่งพวกเขาเป็นแกะที่หายไป และเวลานี้พวกเขาปลอดภัยภายใต้การดูแลของพระเยซูเจ้า แม้การพลีชีวิตเป็นบูชาก็ต้องไม่ทำให้พวกเขาหมดกำลังใจ

เวลานี้ ใครจะทำร้ายท่านได้ถ้าท่านมุ่งมั่นในความดี ถ้าท่านจะต้องทนทุกข์ทั้งๆ ที่ทำความดีแล้ว ก็จงเป็นสุขเถิด  อย่ากลัวเขา อย่าวุ่นวายใจเลย แต่จงนมัสการองค์พระผู้เป็นเจ้า คือพระคริสตเจ้าในจิตใจของท่าน...

จงอธิบายด้วยความอ่อนโยนและด้วยความเคารพอย่างบริสุทธิ์ใจ เพื่อเมื่อท่านถูกใส่ร้าย ผู้ที่กล่าวร้ายความประพฤติดีของท่านตามคำสอนของพระคริสตเจ้าก็จะต้องประสบความอับอาย หากเป็นพระประสงค์ของพระเจ้า การทนทุกข์เพราะทำความดีนั้น ย่อมดีกว่าการทนทุกข์เพราะทำความชั่ว (1ปต 3:13-17)