อีเรเนอุส ศิษย์ของโปลีการ์ป เมื่อเติบโตขึ้นเขาเดินทางไปเมืองลีออง และเป็นพระสังฆราชที่นั่น ท่านเขียนงานด้านคำสอนที่สำคัญๆ มีส่วนร่วมอย่างมากในการโต้แย้งเรื่องศาสนา และไปเป็นมิชชัชนารีท่ามกลางชาวเชลติค ในแคว้นโกล แม้ว่างานเขียนมากมายของท่านจะไม่เหลืออยู่แล้ว แต่ท่านยังได้รับการยกย่องให้เป็นนักเทววิทยาที่สำคัญที่สุดในศตวรรษที่ 2

อีเรเนอุส ศิษย์หนุ่มของโปลีการ์ป เมื่อเติบโตขึ้นได้เดินทางจากเมืองสเมอร์นา ในแคว้นอาเซียน้อย ไปยังเมืองลีออง ในแคว้นโกล  แรกสุดท่านเป็นพระสงฆ์ช่วยงานโปตินุส ซึ่งเป็นพระสังฆราชในแคว้นนั้น และเมื่อโปตินุสตายเป็นมรณสักขี ท่านได้เป็นพระสังฆราชแทน

อีเรเนอุส เป็นคนที่มีความเฉลียวฉลาดมาก ท่านใช้ความสามารถทุกอย่างของท่านในการป้องกันความเชื่อ ต่อสู้กับความคิดและกิจปฏิบัติที่ผิดๆ ซึ่งเวลานั้นแพร่หลายอยู่ทั่วไปในกลุ่มคริสตชนต่างๆ อีเรเนอุสให้การป้องกันธรรมประเพณีและอำนาจของพระศาสนจักรอย่างละเอียดลออ ท่านบอกว่า ถ้าต้องการรู้ว่า คำสอนและวิถีชีวิตที่ถูกต้องของพระศาสนจักรคืออะไร จะต้องพิจารณาดูว่า สิ่งนั้นต้องเป็นสิ่งที่พระศาสนจักรได้สอน และสืบทอดมาตั้งแต่สมัยแรกเริ่มจนถึงสมัยของเรา
อีเรเนอุส ไปที่กรุงโรม และมีส่วนร่วมในการถกเถียงเกี่ยวกับแนวความคิดที่ผิดๆ ที่กรุงโรม คริสตชนที่ชื่อ มอนตานุส เทศน์สอนคริสต์ศาสนาในแบบที่เคร่งครัดมาก  ในเวลานั้นพระศาสนจักรโรมันยังไม่ประณามแนวความคิดนี้ ต่อมาก็เป็นที่ชัดเจนว่า พวกที่ถือตามมอนตานุสมีความศรัทธาแบบเกินขอบเขต และผู้ถือตามมีความเข้าใจแนวความคิดนี้ผิดไป และพวกนี้ก็ถูกปฏิเสธจากพระศาสนจักร

ที่เมืองลีออง อีเรเนอุสมีความกระตือรือล้นอย่างมาก ในฐานะพระสังฆราชมิชชันนารี ลีอองที่เรียกกันว่าเมืองในเวลานั้น ที่จริงมีขนาดเล็กกว่าศูนย์กลางกองบัญชาการของกองทัพ หรือของผู้มีอำนาจชาวโรมันในท้องถิ่นนั้น  ชาวบ้านส่วนใหญ่อาศัยอยู่รอบๆ ในชนบท ในสมัยของอีเรเนอุส ชาวบ้านท้องถิ่นนั้นเป็นคนต่างศาสนาชาวเชลติค และอีเรเนอุสทำงานอย่างจริงจังท่ามกลางพวกเขา (ชาวเชลติค Celtic เป็นกลุ่มคนซึ่งอาศัยอยู่ในส่วนกลางและส่วนตะวันตกของทวีปยุโรปในสมัยโบราณ เดี๋ยวนี้มีเหลืออยู่ในไอร์แลนด์ เวลส์ และสกอตแลนด์บางส่วน)

อีเรเนอุส ยังพยายามตอบคำถามเกี่ยวกับข้อโต้แย้งต่างๆ ในสมัยของท่าน  บาปที่ทำหลังจากรับศีลล้างบาปแล้วจะเป็นอย่างไร คริสตชนในสมัยนั้นรู้สึกว่าศีลล้างบาปให้พระพรพิเศษ และเขาตั้งใจจะไม่กระทำบาปอีกหลังจากรับศีลล้างบาป ถ้าพวกเขาทำบาปอีก เขาจะไม่ได้รับความรอด อีเรเนอุสชี้แจงอย่างชัดเจนว่า พระเจ้ามีพระประสงค์ที่จะมอบความรอดให้กับทุกคน และคนบาปทั้งหมดที่สำนึกผิดในบาปของตนเอง

เพราะกิจการและงานเขียนของท่าน อีเรเนอุสได้รับการยกย่องให้เป็นนักเทววิทยาที่สำคัญที่สุดในศตวรรษที่ 2