เรื่องราวของพระเยซูเจ้ายังไม่จบลงเมื่อพระองค์กลับไปหาพระบิดา แต่ยังคงดำเนินต่อไปร่วมกับคณะอัครสาวก นั่นคือ พระศาสนจักร ที่เป็นความรับผิดชอบของกลุ่มอัครสาวก พวกเขาขอให้พระเยซูเจ้าทรงนำทางและเลือกอัครสาวกคนใหม่แทนยูดาส อิสคาริโอท

เรื่องราวของพระเยซูเจ้ายังไม่จบลง เมื่อพระองค์กลับไปหาพระเป็นเจ้า พระบิดา  พระเยซูเจ้าที่ทรงกลับคืนชีพยังคงอยู่ร่วมกับอัครสาวกในรูปแบบใหม่ พวกเขาตระหนักว่าต้องเป็นประจักษ์พยานถึงเหตุการณ์ที่ยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์ และนี่เองทำให้พวกเขาเป็นสมาชิกกลุ่มแรกของประชากรยิ่งใหญ่นั่นคือประชากรของพระเจ้า หรือพระศาสนจักร โดยเฉพาะพวกอัครสาวกซึ่งอยู่ในฐานะพิเศษ เป็นประจักษ์พยานถึงการกลับคืนพระชนมชีพของพระเยซูเจ้า และมีอำนาจในการเทศน์สอนข่าวดีของพระองค์

อัครสาวกมีทั้งหมดสิบสองคน จนกระทั่งยูดาสทรยศพระเยซูเจ้าและออกจากตำแหน่ง ดังนั้นงานชิ้นแรกของพวกอัครสาวกคือการเลือกอัครสาวกคนใหม่แทนยูดาส เป็นสิ่งสำคัญที่จะต้องมีอัครสาวกสิบสองคน เพราะถือว่าคนเหล่านี้เป็นเครื่องหมายถึงสิบสองเผ่าของชนชาติอิสราเอล ดังนั้นกลุ่มของสานุศิษย์ ขณะนี้มีจำนวนถึง 120 คน ประชุมกันเพื่อเลือกอัครสาวกคนใหม่ เปโตรหัวหน้าคนใหม่ของคณะสานุศิษย์ยืนขึ้นและปราศรัย ท่านเตือนความทรงจำพวกศิษย์ว่ายูดาสได้ทรยศพระเยซูเจ้าและฆ่าตัวตาย แล้วนั้นเปโตรพูดว่า

ดังนั้น ในบรรดาคนทั้งหลายซึ่งอยู่กับเราตลอดเวลาที่พระเยซู องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงดำเนินชีวิตอยู่กับเรา เริ่มตั้งแต่พิธีล้างของยอห์น จนถึงวันที่พระองค์เสด็จขึ้นสู่สวรรค์นั้น จำเป็นที่คนหนึ่งต้องเป็นพยานร่วมกับเราถึงการกลับคืนพระชนมชีพของพระองค์ (กจ 1:21-22)

ผู้ที่มาชุมนุมกันเสนอชื่อชายสองคน คือ โยเซฟ ที่เรียกกันว่า บาร์ซับบัส  หรือเป็นที่รู้จักกันในนามยุสทัสและอีกคนหนึ่งชื่อมัทธีอัส แล้วพวกศิษย์อธิษฐานภาวนาว่า "ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า พระองค์ทรงทราบจิตใจของมนุษย์ทุกคน ขอทรงแสดงให้ข้าพเจ้าทั้งหลายทราบว่า พระองค์ทรงเลือกคนใดในสองคนนี้ ให้รับหน้าที่รับใช้เป็นอัครสาวกแทนยูดาส ที่ละทิ้งหน้าที่นี้ เพื่อไปตามวิถีทางของตน" (กจ 1:24) เขาทั้งหลายได้จับสลากระหว่างสองคนนี้ และจับสลากได้ มัทธีอัส จึงกลายเป็นอัครสาวกคนที่สิบสอง ที่เป็นประจักษ์พยานยืนยันถึงการกลับคืนพระชนมชีพของพระเยซูเจ้า