องค์อุปถัมภ์ของพระศาสนจักร
ในคราวที่พระศาสนจักรกำลังประสบความลำบากยากเย็นพระสันตะปาปาปีโอที่ 9 มีพระประสงค์จะมอบให้ท่านนักบุญอัยกาโยเซฟ เป็นผู้คุ้มครองพิเศษ จึงได้ทรงประกาศตั้งท่านเป็น องค์อุปถัมภ์ของพระศาสนจักรคาทอลิก. การกระทำของพระองค์ท่านนี้ มิได้ออกนอกลู่เลย เพราะว่าพระผู้เป็นเจ้าได้ประทานเกียรติศักดิ์อันสูงส่งแก่ผู้รับใช้ที่ซื่อสัตย์ของพระองค์ท่านนี้ เพราะฉะนั้น พระศาสนจักรจึงเคารพถวายเกียรติเป็นอย่างยิ่งต่อท่านโยเซฟผู้มีบุญยิ่งอยู่เสมอ ทั้งนี้รองจากพระเทวมารดาพรหมจารี ผู้เป็นภรรยาของท่าน,
และพระศาสนจักรวิงวอนขอให้ท่านช่วยเสนออยู่เสมอเมื่อประสบภัยพิบัติ. เหตุใดพระศาสนจักรจึงวางใจในท่านนักบุญโยเซฟมากอย่างนี้? พระสันตะปาปาเลโอที่ 13 ทรงไขความดังต่อไปนี้ : เหตุและปัจจัยพิเศษนั้นคือ : เมื่อนักบุญได้รับตำแหน่งเป็นองค์อุปถัมภ์พิเศษของพระศาสนจักรแล้ว ท่านก็ตอบสนองเป็นอย่างมากทุกๆ ครั้ง.
พระศาสนจักรมั่นใจถึงเรื่องการคุ้มกันและอุปถัมภ์ของท่านนักบุญ ก็เพราะท่านเป็นพระภัสดาสามีของพระแม่มารี และเป็นบิดาตามที่เขาคาดคิดกันของพระเยซูคริสตเจ้า (
). หน้าที่ต่างๆ ก็ตามมาเป็นธรรมดา
ฉะนั้น การมอบเคหะของพระเป็นเจ้าซึ่งโยเซฟเป็นหัวหน้าให้ท่านเป็นผู้เฝ้าดูแล, เป็นผู้เอาใจใส่และผู้ป้องกัน ก็เป็นสิ่งสมควรอย่างยิ่งต่อท่านผู้มีบุญโยเซฟเหมือนอย่างเมื่อครั้งก่อนนั้น ที่ครอบครัวบ้านนาซาเรธ ท่านได้รับใช้สอยและปกป้องอย่างศักดิ์สิทธิ์ฉันใด ก็ขอให้ขณะนี้ ท่านเป็นผู้คุ้มครองและป้องกันพระศาสนจักรด้วย
ฉันนั้น
ความอุปถัมภ์ดังกล่าวนี้ เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับพระศาสนจักร,จะต้องวิงวอนและร้องขออยู่เสมอ, มิใช่เพียงแต่เพื่อป้องกันอันตรายต่างๆ อันเกิดขึ้นอยู่เสมอ ไม่รู้หยุดหย่อน, แต่เป็นต้นเพื่อสนับสนุนพระศาสนจักร,
ในการพยายามประกาศพระวรสาร, ประกาศแก่ประเทศและประชาชาติเป็นครั้งแรกก็ดี หรือว่า ตามที่เราเองได้เขียนไว้ในสมณสาสน์เตือนใจ ที่มีชื่อว่า Christifideles laici (สัตบุรุษคริสตังฆราวาส) พระศาสนาและชีวิตคริสตัง แต่ก่อนนี้เจริญรุ่งเรือง แต่สมัยนี้ประสบเคราะห์กรรมภัยร้ายแรง ; ทั้งนี้เพื่อประกาศพระคริสตเจ้าแก่พวกเขาเป็นครั้งแรก หรือว่า เพื่อนำพระองค์ไปประกาศแก่เขาใหม่อีกครั้งหนึ่ง ในประเทศชาติที่ได้ละทิ้งพระองค์ หรือได้ลืมพระองค์ไปแล้ว. พระศาสนจักรจึงต้องการ พละกำลังจากเบื้องบน
เป็นพิเศษ (เทียบ ลก.29,49 ; กจ.1,8), แน่นอนต้องการพระคุณของพระจิตเจ้าเป็นพิเศษ, แต่ก็ไม่ต้องลืมการเสนอวิงวอน และการปฏิบัติตามแบบอย่างของบรรดานักบุญของพระศาสนจักรนั้นด้วย. นอกจากความคุ้มครองอันทรงฤทธิ์ของนักบุญโยเซฟแล้วพระศาสนจักรยังวางใจในตัวอย่าง, แบบอย่างอันโชติช่วงของท่านซึ่งไม่จำกัดสำหรับสถานะใดสถานะหนึ่งเป็นพิเศษ
แต่เหมาะสมใช้ได้แก่คริสตชนทุกหมู่เหล่า ไม่ว่าเขาจะสังกัดอยู่ในฐานะ หรือหน้าที่ใดๆ ก็ตาม. พระสังคายนาวาติกันครั้งที่ 2 ในกฤษฎีกาด้านพระธรรม เรื่องการไขแสดงของพระเป็นเจ้า มีข้อบัญญัติไว้ว่า : พระศาสนจักรทั้งหมดต้องวางตัวเป็นบุคคลที่สรรพพร้อม จะสัตย์ซื่อน้อมรับตามน้ำพระทัยของพระเป็นเจ้า ในการบันดาลความรอด อันตั้งอยู่ในองค์พระเยซู.
นับตั้งแต่แรกเริ่มการไถ่บาป เราพบเห็นบุคคลที่เกิดมาเพื่อเป็นแบบอย่างความนบนอบดังนี้ รองจากพระแม่มารีลงมา ก็มีท่านโยเซฟโดยเฉพาะ : เป็นผู้เลอเลิศในการปฏิบัติอย่างสัตย์ซื่อต่อพระบัญชาต่างๆ ของพระเป็นเจ้า. พระสันตะปาปาเปาโลที่ 6 ได้ทรงเตือนชาวเราให้ขอพึ่งความอุปถัมภ์ค้ำชูของนักบุญโยเซฟ : องค์ท่าน ที่ในสมัยไม่นานมานี้
พระศาสนจักรได้ปฏิบัติก่อนอื่นหมด เพื่อตัวท่านเอง, เพื่อการจงใจปรึกษาหารือด้านเทวศาสตร์ในเรื่องการแต่งงาน, ด้านการกระทำของพระเป็นเจ้า พร้อมกับการกระทำของมนุษย์ ตามพระดำริอันสุดหยั่งของการไถ่บาป. กิจการอันแรก คือ กิจการของพระเป็นเจ้า, อันนี้มีประสิทธิผลจากตัวของตนเอง ; ส่วนกิจการอันที่สอง กิจการของมนุษย์, แม้ว่า จากตัวตนเอง ไม่สามารถทำอะไรได้ (เทียบ ยน.15,5), ถึงกระนั้นไม่มีอะไรถูกบั่นทอนออกไป, แต่ก็เป็นเครื่องช่วยเหลืออันมีเงื่อนไขและมีเกียรติ. พระศาสนจักรเรียกเอามาเป็นเครื่องรับประกัน,
เอาชีวิตของท่านที่คงอยู่เสมอด้วยความปรารถนาอันสูงและสดใสอย่างยิ่ง คล้ายกับจะปลุกให้คุณธรรมต่างๆ แห่งพระวรสารกลับมีชีวิตสดใสขึ้นใหม่, ซึ่งคุณธรรมต่างๆ เหล่านี้ทอแสงอยู่ในองค์นักบุญโยเซฟ. ความลำบากยุ่งยากทั้งหลายเหล่านี้ พระศาสนจักรสับเปลี่ยนให้เป็นคำภาวนาขอความช่วยเหลือ. ท่านปักตาเพ่งดูว่า นับแต่การเริ่มแสงอรุณแห่งการไถ่บาปช่วยมนุษย์ให้รอด
พระเป็นเจ้าได้ทรงฝากท่านโยเซฟผู้ซื่อสัตย์ให้ดูแลรักษาองค์ความรอด, ฉะนั้นท่านจึงขอนักบุญให้ตัวท่านเองทำงานอย่างซื่อสัตย์ร่วมพระดำริแห่งความรอด และขอพระเจ้าโปรดให้ตัวท่านมีความสัตย์ซื่อและมีใจดีพร้อม ดังที่โยเซฟเคลื่อนไหวอยู่ด้วยนั้น ในขณะรับใ ช้พระวจนาถที่มารับเอาเนื้อหนัง เพื่อตัวท่านเองจะได้เดินตามแบบอย่าง และสวดภาวนาเหมือนนักบุญโยเซฟ ดำเนินตามทางความศักดิ์สิทธิ์และความยุติธรรม. บัดนี้เป็นเวลา 100 ปีมาแล้วที่พระสันตะปาปา เลโอที่ 13 ได้ทรงเร้าใจโลกคาทอลิกให้วอนขอพึ่งนักบุญโยเซฟองค์อุปถัมภ์ของพระศาสนจักร. ฉะนั้นพระสมณสาสน์ ที่ขึ้นต้นว่า Quamquam pluries (= แม้หลายครั้งต่อหลายครั้งมาแล้ว) ได้กล่าวถึง ความรัก
.ประสาพ่อ ซึ่งโยเซฟมีอยู่ต่อพระเยซูกุมาร, ทั้งต่อท่านเองซึ่งพระองค์ได้เรียกว่า ผู้คุ้มครองครอบครัวของพระเจ้าที่พระองค์ได้ทรงสรรหาไว้, และบอกว่า : ท่านผู้ที่ได้รับมอบหมายให้ดูแล
มรดกที่พระเยซูคริสตเจ้าได้ทรงจัดหามาด้วยพระโลหิตของพระองค์ นับแต่เวลานั้นมาแล้ว ตามที่เราได้บอกมาแล้วแต่เบื้องต้น พระศาสนจักรอ้อนวอนขอความคุ้มครองของนักบุญโยเซฟ โดยผ่านทางความรักซึ่งผูกพันท่านนักบุญกับพรหมจารีผู้นิรมลพระเทวมารดา กับท่านนักบุญนั้น พระสันตะปาปายังได้ทรง มอบความทุกข์ร้อนทั้งสิ้นไว้ด้วย เพราะการขู่คำรามอันจู่โจมต่อครอบครัวของมนุษย์. ทุกวันนี้ กระทั่งวันนี้เอง ก็มีเหตุเป็นอันมากให้เราวิงวอนขอท่านนักบุญดังนี้ : ข้าแต่ท่านบิดาที่รักยิ่ง, โปรดปัดป้องเราทั้งหลายให้พ้นจากอันตรายการหลอกลวงและความลุ่มหลง
เรากำลังต้องต่อสู้อำนาจความมืดมน,ขอท่านบิดาจากสวรรค์เร่งมาช่วยเราด้วย ; ครั้งก่อนท่านได้ช่วยพระเยซูให้พ้นจากภยันตรายอันถึงแก่ชีวิตฉันใ ด, ก็ขอให้ท่านช่วยปกป้องพระศาสนจักรของพระเจ้าให้พ้นจากเงื้อมมือศัตรู ฉันนั้น ทุกวันนี้เรายังมีเหตุผลอยู่เสมอ ที่จะฝากฝังทุกๆ คนไว้กับนักบุญโยเซฟ. การที่เราฟื้นฟูความทรงจำให้หวนระลึกถึงบุคลิกภาพของนักบุญโยเซฟนี้ เป็นเพราะเราปรารถนาเหลือเกิน จะปลุกใจพวกเราทุกคนให้สวดภาวนาวิงวอนขอนักบุญโยเซฟ อย่างที่พระสันตะปาปาผู้นำหน้าเราเป็นเวลาหนึ่งศตวรรษมาแล้ว ได้ทรงกระตุ้นเตือนใจ. แน่นอน คำภาวนาและบุคลิกภาพของนักบุญโยเซฟเป็นประโยชน์มา กแก่พระศาสนจักรในสมัยของเราทุกวันนี้ เพราะเรากำลังอยู่ใกล้ธรณีแห่งสหัสวรรษใหม่
หรือพันปีใหม่ของเราคริสตังนั่นเอง. อนึ่ง พระสังคายนาวาติกันที่ 2 ได้ทำให้ทุกๆ คนยิ่งทียิ่งทราบซึ้งในความใหญ่หลวงของพระเป็นเจ้า หมายความถึง แวดวงแห่งความรอดของพระเจ้า ซึ่งพระเป็นเจ้าเองได้ทรงเลือกสรรให้ท่านโยเซฟ เป็นผู้ดูแลรักษาขุมทรัพย์ชั้นเยี่ยมของพระองค์ และในเวลาเดียวกัน ขอให้เราทั้งหลายเรียนรู้จากท่านนักบุญ ที่จะรับใช้งานข
องแวดวงแห่งความรอดนี้ ขอเถิด ขอให้นักบุญโยเซฟเป็นอาจารย์พิเศษที่มีแต่องค์เดียวในการงานรับใช้บันดาลความรอดของพระคริสตเจ้า, ซึ่งในพระศาสนจักรนั้นเป็นของของทุกๆ คนและของคนละคน. เป็นของสามี ภรรยา, ของบิดา มารดา, ของมนุษย์ ผู้หาเลี้ยงชีพด้วยทำงานมือ หรือทำงานอย่างอื่นๆ ใดๆ, ของบุคคลต่างๆ ที่ดำรงชีพด้านการบำเพ็ญฌาน เช่นเดียวกับบุคคลที่ทำการเผยแผ่พระศาสนาอย่างใดอย่างหนึ่ง. ในขั้นแรก บุรุษผู้ใคร่ธรรม ประกอบอยู่ด้วยมรดกทั้งหมดแห่งพันธสัญญาเดิม และท่านถูกนำเข้ามาสู่เบื้องต้นของพันธสัญญาใหม่ในพระเยซูคริสตเจ้า ที่เป็นพันธสัญญาคงอยู่ตลอดนิรันดร. ขอท่านนักบุญโยเซฟนี้เอง ช่วยชี้ทางต่างๆ แห่งพันธสัญญาแห่งความรอดนี้ให้แก่พวกเราที่อยู่ใกล้รุ่งอรุณแห่งสหัสวรรษอันกำลังใกล้เข้ามานี้ : ในยุคใหม่ พันธสัญญาแห่งความรอดจะต้องดำเนินต่อไปเรื่อยๆ และต่อไปจะต้องบรรลุถึง ความครบบริบูรณ์ของกาลเวลา (= กำหนดเวลา,
เวลาที่พระเจ้ากำหนดไว้) ซึ่งเป็นสิ่งเฉพาะของพระธรรมล้ำลึกแห่งพระวจนาถ ทรงรับเอาเนื้อหนัง อันเป็นธรรมล้ำลึกสุดพรรณนา. ที่สุด ขอให้นักบุญโยเซฟเสนอช่วยให้ทั้งพระศาสนจักรทั้งโลกจักรวาล ตลอดจนพวกเราทุกๆ คน ได้รับพระพรของพระบิดา และพระบุตร และพระจิตด้วยเทอญ ให้ไว้ที่กรุงโรม, ใกล้วิหารนักบุญเปโตร ในวันที่ 15 สิงหาคม 1989, เป็นปีที่ 11 แห่งสมณสมัยของเรา พระสันตะปาปา ยอห์น ปอล ที่ 2 |