หน้าหลักเช็คเมลล์ติดต่อเราสมุดเยี่ยมลิงค์คาทอลิกแผนผังเวบไซด์

ค้นหาข้อมูล :

บริการด้วยการพัฒนามนุษย์

คำสอนด้านสังคมของพระศาสนจักร

ด้วยความมุ่งมั่นที่จะรับใช้มวลมนุษย์ พระศาสนจักรจึงยื่นความช่วยเหลือให้แก่ชายหญิงทุกคน โดยไม่มีการแบ่งแยก พระศาสนจักรพยายามร่วมมือกับพวกเขาในการเสริมสร้างอารยธรรมแห่งความรัก  บนฐานคุณค่าสากลแห่งสันติภาพ ความยุติธรรม ความเป็นปึกแผ่นและเสรีภาพ ซึ่งจะสำเร็จได้ก็ในองค์พระคริสตเจ้า ตามที่สภาสังคายนาวาติกันที่ 2 ได้กล่าวไว้อย่างน่าประทับใจว่า “ความยินดีและความหวัง ความทุกข์และความกังวลของประชาชนในยุคนี้ โดยเฉพาะของคนยากจน และผู้ที่ถูกข่มเหงด้วยวิธีใดก็ตาม ล้วนเป็นความยินดี ความหวัง ความทุกข์และความกังวลของบรรดาศิษย์ของพระคริสตเจ้าทั้งนั้น อันที่จริงแล้ว ไม่มีสิ่งใดเลยที่เกี่ยวข้องกับมนุษย์อย่างแท้จริง ที่มิได้สะท้อนอยู่ในหัวใจของพวกเขา” ดังนั้น พระศาสนจักรในเอเซีย ซึ่งประกอบไปด้วย คนยากจน และผู้ที่ถูกกดขี่เป็นจำนวนมาก จึงได้รับการเชื้อเชิญให้เจริญชีวิตแห่งความเป็นหนึ่งเดียวกัน ซึ่งจะแสดงออกเป็นพิเศษ ด้วยการรับใช้ผู้ยากจนและคนไร้ที่พึ่งด้วยความรัก

หากในช่วงเวลาที่ผ่านมานี้ คำสั่งสอนของพระศาสนจักรได้เน้นให้มีการพัฒนาบุคคลอย่างถูกต้อง และทั้งครบมากขึ้นเรื่อยๆก็เพื่อตอบสนองสถานภาพอันแท้จริงของประชากรโลก และด้วยความสำนึกที่แสดงตัวออกมามากขึ้นว่า มิใช่การกระทำของบุคคลเท่านั้น หากแต่ว่าบางครั้งโครงสร้างของชีวิตสังคม การเมือง และเศรษฐกิจ ก็อาจเป็นโทษแก่ความเป็นอยู่ของมนุษย์ ช่องว่างที่ไม่สมดุลระหว่างผู้ที่ได้ประโยชน์ พลังในการผลิต ทรัพย์สินเงินทอง โดยใช้ผู้ที่ตกขอบของความเจริญก้าวหน้าเป็นเครื่องมือ เรียกร้องให้มีการเปลี่ยนแปลงอย่างถอนรากถอนโคน ทั้งในด้านความนึกคิดและโครงสร้าง ซึ่งจะเข้าข้างมนุษย์แต่ละคนมากขึ้น สิ่งท้าทายอันสำคัญในด้านศีลธรรมที่นานาชาติและองค์กรนานาชาติเกี่ยวกับการพัฒนา กำลังเผชิญอยู่ก็คือ ความกล้าหาญที่จะผนึกกำลังกัน ที่จะสามารถกระทำอะไรสักอย่างหนึ่ง ซึ่งมีความแปลกใหม่แต่มีประสิทธิภาพ เพื่อที่จะเอาชนะการขาดการพัฒนา ซึ่งทำให้มนุษย์อยู่ในที่ที่ไม่เหมาะสมกับการเป็นมนุษย์ และการ “พัฒนามากจนเกินไป” ซึ่งมักจะทำให้บุคคลกลายเป็นเพียงหน่วยเศรษฐกิจหน่วยหนึ่ง ในเครือค่ายบริโภคนิยม ซึ่งกดขี่มนุษย์มากขึ้น ในการแสวงหาหนทางที่จะเปลี่ยนแปลงแก้ไขในเรื่องนี้ “พระศาสนจักร ไม่มีคำตอบด้านเทคนิคที่จะมอบให้” แต่ “ขอมอบวิธีแก้ไขขั้นแรกของปัญหาเร่งด่วนเรื่องการพัฒนา เมื่อพระศาสนจักรประกาศความจริงเกี่ยวกับพระคริสตเจ้า เกี่ยวกับพระศาสนจักรเอง และเกี่ยวกับมนุษย์ ด้วยการนำเอาความจริงข้อนี้มาประยุคให้เข้ากับสถานการที่แท้จริง เหตุว่าการพัฒนาบุคคลนั้น มิใช่เรื่องที่เกี่ยวกับเทคนิคหรือเศรษฐกิจ ในส่วนที่ลึกลงไปแล้ว เรื่องนี้เป็นปัญหาเกี่ยวกับมนุษย์และศีลธรรม

คำสอนเกี่ยวกับสังคมของพระศาสนจักร ซึ่งได้ใช้เป็นกฎเกณฑ์ในการพิจารณา และเป็นมาตรฐานเพื่อการตัดสินใจและเป็นแนวปฏิบัติ ก่อนอื่นคำสอนเหล่านี้มีไว้เพื่อสมาชิกของพระศาสนจักร ซึ่งนับว่าเป็นสิ่งที่สำคัญมากที่สัตบุรุษผู้มีส่วนในการพัฒนามนุษย์ จะต้องเข้าใจอย่างลึกซึ้งถึงคำสอนหลักเหล่านี้ และให้เป็นส่วนหนึ่งของพันธกิจการแพร่ธรรม บรรดาพระสังฆราชผู้ร่วมประชุมสมัชชา จึงได้เน้นถึงความสำคัญของการให้บรรดาสัตบุรุษได้รับการอบรมอย่างเข้มข้นในเรื่องคำสอน ที่เกี่ยวกับสังคมของพระศาสนจักร ในกิจกรรมด้านการศึกษาต่างๆ โดยเฉพาะในบ้านเณร และสถานอบรมนักบวช ผู้นำคริสตชนในพระศาสนจักรและในสังคม โดยเฉพาะฆราวาสชายหญิง ผู้มีความรับผิดชอบต่อสาธารณชน ควรจะได้รับการอบรมอย่างดีในเรื่องคำสอนเหล่านี้ เพื่อพวกเขาจะได้เป็นแรงบันดาลใจและช่วยให้สังคมโลกมีชีวิตชีวามากขึ้น และให้โครงสร้างของสังคมเปี่ยมไปด้วยเชื้อแป้งแห่งพระวรสาร คำสอนเกี่ยวกับสังคมของพระศาสนจักร ไม่เพียงแต่จะช่วยให้ผู้นำคริสตชนเหล่านี้สำนึกในหน้าที่ของตนเท่านั้น แต่ยังช่วยให้พวกเขามีแนวปฏิบัติ ที่สนใจในด้านการพัฒนามนุษย์ และช่วยให้พวกเขาหลุดพ้นจากความคิดผิดๆ เกี่ยวกับตัวบุคคลและกิจการของบุคคล

ศักดิ์ศรีแห่งความเป็นมนุษย์ของแต่ละบุคคล

จุดมุ่งหมายแรกและจุดหมายปลายทางการพัฒนาก็คือมนุษย์ มิใช่ทรัพย์สินเงิ นทองหรือเทคโนโลยี ดังนั้น การพัฒนาที่พระศาสนจักรส่งเสริม จึงกว้างไกลกว่าปัญหาด้านเศรษฐกิจและเทคโนโลยี การพัฒนาเริ่มต้นและสิ้นสุดลงด้วยความเป็นบุคคลทั้งครบของมนุษย์ ซึ่งได้ถูกสร้างขึ้นมาตามพระฉายาของพระเป็นเจ้า และได้รับพระพรแ ห่งศักดิ์ศรีและเสรีภาพ ซึ่งเป็นของแต่ละคนโดยเฉพาะ ซึ่งพระเป็นเจ้าทรงประทานให้ การประกาศระดับนานาชาติ เกี่ยวกับสิทธิมนุษยชน และการริเริ่มหลายอย่างที่ได้รับแรงบันดาลใจจากการประกาศนี้ เป็นเครื่องหมายว่า มีการให้ความสนใจเพิ่มขึ้น ใน ระดับโลกเกี่ยวกับศักดิ์ศรีของมนุษย์ น่าเสียดายที่การประกาศถูกละเมิดในทางปฏิบัติ ห้าสิบปีหลังจากการประกาศอย่างสง่า ว่าด้วย “การประกาศสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน” คนเป็นจำนวนมาก ก็ยังถูกเอารัดเอาเปรียบและถูกบีบบังคับในรูปแบบที่เลวทราม ต่ำช้า ซึ่งทำให้มนุษย์ตกเป็นทาสของผู้ที่มีอิทธิพลมากกว่า เป็นทาสของอุดมการอำนาจทางด้านเศรษฐกิจ ระบบการเมืองที่กดขี่ข่มเหง ผู้มีอำนาจทางด้านวิทยาศาสตร์ หรือแม้กระทั่งการจู่โจมของสื่อมวลชน

บรรดาพระสังฆราชผู้ร่วมประชุมสมัชชา ตระหนักดีถึงการละเมิดสิทธิมนุษย์ ชนอย่างต่อเนื่อง ในหลายภาคของโลก และโดยเฉพาะในเอเซีย “ซึ่งมีคนเป็นจำนวนล้านๆ ที่ต้องทนทุกข์ทรมาน เนื่องจากการถูกข่มเหง ถูกเอารัดเอาเปรียบและความยากจน หรือเป็นผู้ที่ตกขอบสังคม พวกท่านกล่าวว่า บรรดาประชากรทั้งสิ้นของพระเป็ นเจ้าในเอเซีย จะต้องตระหนักแน่ในใจถึงการท้าทาย ซึ่งไม่สามารถหลบหลีกได้ และยกเลิกไม่ได้ ในอันที่จะมีส่วนเกี่ยวข้องในการปกป้องสิทธิมนุษยชน และการส่งเสริมความยุติธรรมและสันติ

เลือกรักผู้ที่ยากจน

การแสวงหาหนทางที่จะส่งเสริมศักดิ์ศรีของมนุษย์นั้น พระศาสนจักรได้แสด งให้เห็นถึงการเลือกรักผู้ยากจน และผู้ที่ไม่มีสิทธิ ไม่มีเสียง เหตุว่าพระคริสตเจ้าตรัสว่า คนเหล่านี้คือพระองค์นั่นเอง (ดู มธ.25:40) ความรักนี้โอบอ้อมไปถึงทุกคน เป็นแ ต่เพียงให้ลำดับในการรับใช้ ซึ่งคริสตศาสนาได้เป็นประจักษ์พยานสืบต่อกันมา “การเลือกรักผู้ยากจนนี้ และการตัดสินใจที่ก่อให้เกิดขึ้นในตัวเรา ย่อมรวมไปถึงประชาชนมากมายที่หิวกระหาย ขัดสน ผู้ไร้ที่อยู่อาศัย ผู้ที่ไม่สมารถรับการรักษาพยาบาล และเ หนือสิ่งอื่นใด คือผู้ที่หมดความหวัง ในอนาคตที่ดีกว่า เราจะไม่ยอมรับสภาพความจริงนี้ย่อมไม่ได้ การไม่สนใจพวกเขา ย่อมหมายความว่า เรากำลังจะกลายเป็น “คนรวย” ซึ่งแสร้งทำเป็นไม่รู้จักลาซารัสที่นอนอยู่ที่ประตูบ้าน (ดู ลก.16:19-31) โดยเฉพาะใ นเอเซียอันเป็นทวีปที่มีทรัพยากรมากมาย มีความเจริญที่ยิ่งใหญ่ แต่ก็ยังมีอีกหลายประเทศที่ยากจนที่สุดในโลกรวมอยู่ด้วย ประชากรครึ่งหนึ่งของบางประเทศ ขัดสน ยากจน และถูกเอารัดเอาเปรียบ คนยากจนในเอเซียและในโลก สามารถพบกับเหตุผลแ ห่งความหวังของพวกเขาได้ ในคำสั่งของพระวรสารให้เรารักกันและกัน ดังที่พระคริสตเจ้าทรงรักเรา (ดู ยน.13:34) และพระศาสนจักรในเอเซียจะต้องพยายามอย่างจริงจัง ที่จะปฏิบัติตามคำสั่งสอนเกี่ยวกับผู้ยากจนอย่างจริงจังทั้งในวาจาและกิจการ

ความเป็นหนึ่งเดียวกับผู้ยากจน จะเป็นที่น่าเชื่อถือมากขึ้น  หากคริสตชนเจริ ญชีวิตอย่างเรียบง่าย ตามแบบฉบับของพระคริสตเจ้า ชีวิตที่เรียบง่าย ความเชื่ออันลึกซึ้งและความรัก ที่ไร้ความแสแสร้งต่อมนุษย์ทุกคน โดยเฉพาะคนยากจนและถูกสังคมรังเกียจ ล้วนเป็นเครื่องหมายที่แจ่มแจ้งของพระวรสารในภาคปฏิบัติ บรรดาพระสั งฆราชผู้ร่วมงานประชุมสมัชชาเรียกร้องให้คาทอลิกชาวเอเซีย ใช้ชีวิตที่สอดคล้องกับคำสั่งสอนของพระวรสาร เพื่อเขาจะได้รับใช้พันธกิจของพระศาสนจักรได้ดียิ่งขึ้น เพื่อพระศาสนจักรเอง จะได้เป็นพระศาสนจักรของคนจนและเพื่อคนจน

เนื่องจากความรักที่มีต่อคนจนในเอเซีย พระศาสนจักรจึงให้ความสนใจกับผู้ อพยพ ชนพื้นเมืองและชนเผ่าต่างๆ ตลอดจนสตรีและเด็กเป็นพิเศษ  เหตุว่าบุคคลเหล่านั้นมักจะเป็นเหยื่อของการเอารัดเอาเปรียบในรูปแบบที่เลวร้ายมาก นอกจากนั้นยังมีคนอีกเป็นจำนวนนับไม่ถ้วนที่ถูกสังคมรังเกียจ เนื่องจากวัฒนธรรม ผิวพรรณ เชื้อ ชาติ ชั้นวรรณะหรือสภาพเศรษฐกิจหรือเพราะแนวคิดของพวกเขา ซึ่งรวมไปถึงผู้ที่ต้องตกเป็นเหยื่อความเกลียดชัง  เพราะพวกเขานับถือคริสตศาสนาด้วย ข้าพเจ้าร่วมเสียงกับบรรดาพระสังฆราชที่ร่วมประชุมสมัชชา  เรียกร้องนานาชาติให้ยอมรับสิทธิใ นการมีเสรีภาพในด้านมโนธรรม และการนับถือศาสนา ตลอดจนสิทธิมนุษยชนอื่นๆ

ในปัจจุบัน เอเซียกำลังเผชิญหน้ากับปัญหาผู้ลี้ภัยอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน อีก ทั้งผู้ที่ขอลี้ภัย ผู้ย้ายถิ่นฐาน และคนงานโพ้นทะเลเป็นจำนวนมาก ในประเทศปลายทางที่เขาอาศัยอยู่ คนเหล่านี้มักจะไม่มีเพื่อน อยู่ในท่ามกลางวัฒนธรรมที่แปลกใหม่ ด้อยโอกาสเนื่องจากภาษา และมีปัญหาด้านเศรษฐกิจ คนเหล่านี้ต้องการการสนับสนุ นและการดูแล เพื่อรักษาไว้ซึ่งศักดิ์ศรีของพวกเขา และมรดกทางด้านวัฒนธรรมและศาสนา แม้จะมีข้อจำกัดในด้านกำลังทรัพย์ แต่พระศาสนจักรในเอเซีย ก็พยายามต้อนรับบรรดาผู้เหนื่อยอ่อนและมีภาระหนักเหล่านี้ โดยทราบดีว่า เขาจะพบกับการพักผ่ อนในดวงพระทัยของพระเยซูเจ้า เหตุว่าในพระหฤทัยของพระองค์นั้นไม่มีใครเป็นคนแปลกหน้า (ดู มธ.11:28-29)

ในเกือบทุกประเทศในเอเซีย จะมีชนเผ่าพื้นเมืองบางพวกอยู่ในสภาพเศรษ ฐกิจที่ตกต่ำมากในสังคมเมือง ที่ประชุมสมัชชาให้ข้อสังเกตหลายครั้งว่า คนในเผ่าต่างๆ เหล่านี้มักจะรู้สึกว่าพวกเขาให้ความสนใจกับพระบุคคลของพระเยซูคริสตเจ้าและพระศาสนจักรซึ่งเป็นกลุ่มชนแห่งความรักและการรับใช้นับเป็นสนามในด้านการศึ กษาและการดูแลสุขภาพอนามัย ตลอดจนการส่งเสริมให้พวกเขามีส่วนในสังคมโดยส่วนรวม ชุมชนคาทอลิกควรขยายงานอภิบาลในท่ามกลางคนเหล่านี้ เฝ้าดูแลปัญหาของเขาและปัญหาเรื่องความยุติธรรมซึ่งมีผลกระทบต่อชีวิตของพวกเขา การกระทำเช่ นนี้ต้องมีทัศนคติแห่งความเคารพนับถือ ศาสนาเก่าแก่และค่านิยมของพวกเขาอย่างลึกซึ้ง ซึ่งหมายความว่าจะต้องมีการช่วยพวกเขาให้ช่วยตัวเอง เพื่อเขาจะได้พยายามปรับปรุงสถานภาพของเขาให้ดีขึ้น และกลับกลายเป็นผู้แพร่ธรรมในกรอบวัฒนธรร มและสังคมของพวกเขาเอง

ไม่มีผู้ใดสามารถอยู่นิ่งเดียวดายต่อความทุกข์ทรมานของเด็กจำนวนนับไม่ถ้ วนในเอเซีย ซึ่งตกเป็นเหยื่อการถูกเอารัดเอาเปรียบและความรุนแรง ทั้งนี้มิใช่เพราะความชั่วร้ายของคนบางคนเท่านั้น แต่หลายครั้งมักจะเป็นผลจากโครงสร้างของสังคมที่มีความทุจริต พระสังฆราชผู้ร่วมประชุมสมัชชากล่าวถึงแรงงานเด็ก โสเภณีเด็ก และวัฒนธรรมยาเสพติด ว่าเป็นความชั่วร้ายในสังคมซึ่งมีผลกระทบโดยตรงต่อเด็กๆ อย่างมากที่สุด และท่านเห็นอย่างชัดเจนว่า  นอกจากความเลวทรามต่ำช้าเหล่านี้แล้ว สังคมมนุษย์ยังถูกซ้ำเติมด้วยปัญหาอื่นๆ เช่น ความยากจน โครงการพัฒนาประเท ศที่มิได้มีการวางแผนอย่างดี พระศาสนจักรจะต้องพยายามทุกวิถีทางที่จะเอาชนะความชั่วช้าเหล่านี้ และออกมาเป็นปากเป็นเสียงให้แก่ผู้ที่ถูกเอารัดเอาเปรียบมากที่สุด และพยายามชักจูงเด็กเล็กๆ เหล่านี้ให้รู้จักความรักของพระเยซูเจ้า เหตุว่าเด็กๆ เห ล่านี้แหละเป็นคนของพระอาณาจักรพระเป็นเจ้า (ดู ลก.18:16)

ที่ประชุมสมัชชากล่าวถึงความห่วงใยเป็นพิเศษสำหรับสตรี สถานภาพของสต รีในเอเซียยังมีปัญหาอยู่มาก ในเอเซียยังมีการเอารัดเอาเปรียบและความรุนแรงต่อสตรี ซึ่งจะพบได้ภายในบ้าน ในที่ทำงานและแม้กระทั่งในระบบกฎหมาย สตรีที่ไร้การศึกษายังมีให้เห็นอีกมาก หลายคนถูกนำไปใช้เป็นเครื่องบำเรอในสภาพของโสเภณี ใน การท่องเที่ยวหรือในด้านอุตสาหกรรม สตรีควรพบกับมิตรภาพและผู้ร่วมอุดมคติได้ในบรรดากลุ่มคริสตชน  เพื่อต่อสู้ขบวนการที่อยุติธรรมและการถูกหลบหลู่ดูหมิ่น ด้วยเหตุนี้ที่ประชุมสมัชชาจึงได้เสนอให้พระศาสนาจักรท้องถิ่นในเอเซีย ส่งเสริมกิจกรร มที่เกี่ยวกับสิทธิมนุษยชนในนามของสตรี เท่าที่จะทำได้ โดยมีจุดประสงค์ให้มีการเปลี่ยนแปลงทัศนคติอันถูกต้องถึงบทบาทของบุรุษและสตรีในครอบครัว ในสังคมและในพระศาสนจักร โดยสำนึกให้ดียิ่งขึ้นถึงบทบาทอันเอื้ออาทรต่อกันระหว่างชายและหญิง ซึ่งมีมาแต่แรกเริ่มและด้วยการเน้นถึงความสำคัญของมิติสตรีในทุกเรื่องที่เกี่ยวกับมนุษย์ บทบาทของสตรีมักจะถูกมองว่าไร้คุณค่า และหลายครั้งไม่ได้รับความสนใจ อันเป็นเหตุให้มนุษยชาติต้องตกต่ำยากจนในด้านชีวิตจิต พระศาสนจักรในเอเซียจะต้องเ ชิดชูศักดิ์ศรีและเสรีภาพของสตรีให้ปรากฏชัดและมีผลมากขึ้นโดยสนับสนุนบทบาทของพวกเขาในชีวิตของพระศาสนจักร รวมทั้งในด้านสติปัญญา โดยเปิดโอกาสให้เขามาร่วมและมีบทบาทมากขึ้น ในพันธกิจแห่งความรักและการรับใช้

พระวรสารแห่งชีวิต

การบริการในด้านพัฒนาบุคคลจะต้องเริ่มต้นจากการบริการชีวิต ชีวิตนับเป็น พระพรอันยิ่งใหญ่ที่พระเป็นเจ้าทรงมอบไว้กับเรา พระองค์ทรงมอบให้แก่เราเพื่อจะได้เป็นโครงการและความรับผิดชอบของเรา ดังนั้นเราจึงต้องเป็นผู้พิทักษ์ชีวิต มิใช่เป็นเจ้าของหรือผู้จัดการกับชีวิต เราได้รับพระพรเหล่านี้มาเปล่าๆ รับมาด้วยความกตัญ ญู เราจึงต้องให้เกียรติและปกป้องชีวิตตั้งแต่ต้นจนจบ ตั้งแต่แรกเริ่มของการปฏิสนธิชีวิตมนุษย์เกี่ยวโยงกับการเนรมิตสร้างของพระเป็นเจ้า และเป็นสายสัมพันธ์พิเศษกับองค์พระผู้สร้าง ผู้ทรงเป็นแหล่งที่มาและจุดจบของชีวิต การพัฒนาที่แท้จริงจะมีขึ้นไ ม่ได้ อารยธรรมสังคมที่แท้จริงจะเกิดขึ้นไม่ได้ และการส่งเสริมมนุษยชนอย่างจริงจังจะมีขึ้นไม่ได้ หากไม่มีความเคารพต่อชีวิตมนุษย์ โดยเฉพาะชีวิตของผู้ที่ไม่มีซุ่มเสียงของตนเองในการปกป้องตัวเอง ชีวิตของมนุษย์ทุกคนไม่ว่าจะเป็นทารกในครรภ์หรือ ผู้ที่เจ็บป่วย พิการ หรือผู้สูงอายุ ต่างก็เป็นพระพรสำหรับทุกคน

พระสังฆราชผู้ร่วมประชุมสมัชชาเต็มใจสนับสนุนคำสอนของสภาสังคายนาวา ติกันที่สอง และคำสอนที่สืบเนื่องต่อมา รวมทั้งสมณสาสน์ของข้าพเจ้าเรื่อง “พระวรสารแห่งชีวิต” ที่กล่าวถึงความศักดิ์สิทธิ์ของชีวิตมนุษย์ ข้าพเจ้าขอร่วมเสียงกับพวกท่านในการเรียกร้องสัตบุรุษในประเทศของท่านเหล่านั้น ซึ่งมักจะใช้ปัญหาเรื่อง ประชา กรศึกษา มาเป็นข้ออ้างว่าจำเป็นต้องมีการควบคุมประชาชน โดยใช้เครื่องมือทางวิทยาศาสตร์เพื่อจะได้ต่อต้าน “วัฒนธรรมแห่งความตาย” พวกเขาสามารถแสดงความซื่อสัตย์ต่อพระเป็นเจ้า และการอุทิศตนในการส่งเสริมการพัฒนามนุษย์อย่างแท้จริง ด้ว ยการส่งเสริมและมีส่วนในแผนการที่จะปกป้องชีวิตของผู้ไม่สามารถป้องกันตนเอง

ดูแลด้านสุขภาพ

พระศาสนจักรในเอเซียดำเนินตามรอยพระบาทของพระเยซูคริสตเจ้า ผู้ทรง มีพระเมตตาต่อทุกคนและ “ทรงรักษาโรคและความเจ็บไข้ทุกชนิด” (มธ.9:35) มีความตั้งใจแน่วแน่ที่จะดำเนินงานในด้านการดูแลผู้เจ็บป่วย เหตุว่าสิ่งนี้คือพันธกิจอันสำคัญยิ่งส่วนหนึ่งในการมอบพระหรรษทานแห่งความรอดให้แก่คนทั้งครบ ตามแบบอย่า งของชาวสะมาเรียผู้ใจดีในนิทานเปรียบเทียบ (ดู ลก.10:29-37) พระศาสนจักรมีความปรารถนาที่จะดูแลคนเจ็บป่วยและผู้พิการอย่างเป็นรูปธรรม โดยเฉพาะในที่ที่ประชาชนขัดสนแม้กระทั่งการเยียวยารักษาขั้นพื้นฐาน เนื่องจากความยากจนหรือเพราะตกขอบสังคม

หลายต่อหลายครั้งในระหว่างที่ข้าพเจ้าไปเยี่ยมเยียนพระศาสนจักรในส่วนต่า งๆ ของโลก ข้าพเจ้าได้รับความประทับใจอย่างลึกซึ้ง ในการเป็นประจักษ์พยานเยี่ยงคริสตชนอย่างแท้จริงของบรรดานักบวชและผู้ที่ถวายตนแด่พระเป็นเจ้าซึ่งรวมทั้งแพทย์ พยาบาล และบรรดาผู้ดูแลสุขภาพ โดยเฉพาะผู้ที่ทำงานกับผู้พิการ และผู้เจ็บหนั กถึงขั้นเสียชีวิต หรือพยายามต่อสู้กับการแพร่หลายของโรคร้ายใหม่ๆ เช่น โรคเอดส์  คริสตชนผู้ดูแลสุขภาพถูกเรียกร้องมากขึ้นให้มีใจกว้างขวาง และอุทิศตนในการดูแล ผู้ที่ตกเป็นเหยื่อของยาเสพติดและโรคเอดส์ บ่อยครั้งคนเหล่านี้เป็นที่รังเกียจของสังคมและถูกทอดทิ้ง สถานพยาบาลคาทอลิกหลายแห่งในเอเซียกำลังถูกกดดันจากนโยบายดูแลสุขภาพที่มิได้มีฐานอยู่บนหลักธรรมคำสอนของคริสตศาสนา และสถานพยาบา ลหลายแห่งประสบกับปัญหาทางด้านการเงินมากยิ่งขึ้น แม้จะมีปัญหามากมายแต่การอุทิศตนด้วยความรักอันเป็นแบบอย่างที่ดี และการอุทิศตนในหน้าที่ของผู้ที่เกี่ยวข้อง เป็นเหตุให้บริการชุมชนนี้เป็นที่น่าชมเชยและนิยมชมชอบ นับเป็นการแสดงออกซึ่งสั ญลักษณ์แห่งความรักอันไม่เสื่อมคลายของพระเป็นเจ้าที่ชัดเจนและเกิดผลดีมาก    บรรดาผู้ดูแลสุขภาพเหล่านี้ควรได้รับการส่งเสริมและสนับสนุนในความดีที่เขากำลังทำอยู่ การอุทิศตนอย่างต่อเนื่องและการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพของพวกเขา นับว่าเ ป็นหนทางที่ดีที่สุดเพื่อให้แน่ใจว่า คุณค่าและศีลธรรมคริสตศาสนาสามารถซึมซาบเข้าไปอย่างลึกซึ้งในระบบการดูแลสุขภาพในทวีปนี้และเป็นการฟื้นฟูจากภายใน

การศึกษา

หัวข้อการประชุมสมัชชาในระดับทวีปต่างๆ ซึ่งเป็นการเตรียมพระศาสนจักรเข้าสู่ปีปีติมหาการุญ 2000 ก็คือ “ การแพร่ธรรมใหม่” ยุคใหม่แห่งการประกาศพระวรสาร ย่อมมีความจำเป็น มิใช่เนื่องจากเหตุผลที่ว่า หลังจากสองพันปีได้ผ่านไป มนุษยชาติส่วนมากยังมิได้ยอมรับพระคริสต-เจ้าเพียงเท่านั้น แต่เพราะสภาพของพระศาสนจักรและของโลก ในช่วงที่ก้าวสู่สหัสวรรษใหม่น ี้ นับเป็นการท้าทายต่อความเชื่อของศาสนา และความจริงด้านศีลธรรมอันเป็นผลต่อเนื่องมาอีกด้วย มีแนวโน้มทั่วไปที่จะสร้างความก้าวหน้าและความเจริญรุ่งเรืองโดยไม่เกี่ยวโยงกับพระเป็นเจ้า และลดมิติทางด้านศาสนา ของมนุษย์ ให้เป็นเรื่องส่วนตัวเท่านั้น หากสังคมยิ่งแยกตัวออกจากความจริงขั้นพื้นฐานอันเกี่ยวกับมนุษย์ กล่าวคือความสัมพันธ์ของมนุษย์กับพระผู้สร้าง และกับการไถ่กู้ซึ่งพระคริสตเจ้าทรงบันดาลให้เกิดขึ้นในองค์พระจิ ตเจ้า ก็ยิ่งจะทำให้มนุษย์หลงทาง เหินห่างไปจากแหล่งที่มาแห่งชีวิต ความรัก และความสุขมากยิ่งขึ้นเพียงนั้น ศตวรรษแห่งความรุนแรงที่กำลังจะสิ้นสุดลงนี้  เป็นประจักษ์พยานที่น่าหวาดกลัวว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น หากค วามจริงและคุณความดีถูกทอดทิ้ง เพื่อหลีกทางให้ความกระหายหาอำนาจ และการปรนเปรอตนเอง การแพร่ธรรมเป็นการเรียกร้องให้กลับใจ ให้กลับมาสู่พระหรรษทาน และความปรีชาฉลาดซึ่งนับว่าเป็นความหวังหนึ่งเดียว ที่จะบันดาลให้โลกดีขึ้น และมีอนาคตที่แจ่มใส ปัญหามิได้อยู่ที่ว่า พระศาสนจักรมีอะไรสำคัญจะกล่าวกับชายหญิงในยุคของเรา ปัญหาก็คือ ทำอย่างไรพระศาสนจักรจะสามารถกล่าวได้อย่างชัดเจน และอย่างมีน้ำหนัก

เมื่อครั้งสภาสังคายนาวาติกันที่สอง ผู้ดำรงตำแหน่งก่อนหน้าข้าพเจ้า พระสันตะ ปาปา เปาโล ที่ 6 ได้เคยประกาศไว้ในสมณสาสน์ของพระองค์ ชื่อ “พระศาสนจักรของพระองค์” ว่าปัญหาความสัมพันธ์ระหว่างพระศาสนจักรกับโลกในสมัยใหม่ นับเป็นสิ่งที่น่ากังวลมากที่สุดในสมัยของเรา พระองค์เขียนไว้ว่า “ทั้งปัญหาและความเร่งด่วนของปั ญหามีมากมาย จนก่อให้เกิดภาระอันหนักหน่วงในจิตวิญญาณของเรา ซึ่งเป็นทั้งการกระตุ้นเตือนและเป็นกระแสเรียกของเราอีกด้วย” นับตั้งแต่สภาพระสังคายนาเป็นต้นมา พระศาสนจักรได้สำแดงออกซึ่งความปรารถนาที่จะติดตามความสัมพันธ์นี้ ด้วยจิตตาร มณ์แห่งการเสวนาตลอดมาอย่างสม่ำเสมอ ความปรารถนาที่จะเสวนานี้ มิใช่เป็นแต่เพียงยุทธวิธี เพื่อให้ประชาชนอยู่กันด้วยสันติเท่านั้น แต่เป็นส่วนสำคัญแห่งพันธกิจของพระศาสนจักร เหตุว่าต้นกำเนิดของเรื่องนี้ก็คือ การเสวนาแห่งความรอดด้วยความรักของ พระบิดากับมนุษยชาติ โดยผ่านทางพระบุตร ในพระอานุภาพของพระจิตเจ้า พระศาสนจักรจะสามารถทำให้พันธกิจนี้สำเร็จไปได้ ก็ด้วยวิธีการที่สอดคล้องกับสิ่งที่พระเยซูคริ สตเจ้าทรงปฏิบัติ เมื่อพระองค์เสด็จมาบังเกิดเป็นมนุษย์ พระองค์ทรงมีส่วนในชีวิตมนุษย์ของเรา พระองค์ตรัสกับเราโดยใช้ภาษามนุษย์ เพื่อสื่อสารความรอดของพระองค์ การเสวนาซึ่งพระศาสนจักรเสนอนั้น วางอยู่บนฐานของเหตุผลอันสืบเนื่องมาจากการประสู ติเป็นมนุษย์ขององค์พระบุตร ดังนั้น สิ่งที่เป็นแรงบันดาลให้พระศาสนจักรเสวนากับชายหญิงในเอเซีย ผู้แสวงหาความจริงด้วยความรัก ก็มิใช่สิ่งอื่นใด นอกจากการร่วมเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันกับชาวเอเซีย ด้วยความจริงใจและไร้ซึ่งความเห็นแก่ตัว

ในฐานะที่เป็นเครื่องหมายแห่งความเป็นหนึ่งเดียวกันของมวลมนุษยชาติ พระ ศาสนจักรจำต้องเสวนากับชนทุกชาติ ทุกกาลเวลาและสถานที่ เพื่อตอบสนองพันธกิจที่ได้รับไว้ พระศาสนจักรจึงออกไปพบปะกับประชาชนในโลก ด้วยความสำนึกว่าพระศาสนจักรเป็นเพียง “ฝูงแกะน้อยๆ" ในท่ามกลางมนุษยชาติจำนวนมากมายมหาศาล (ดู ล ก.12:32) แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นเชื้อแป้งในโลก (ดู มธ.13:33) ความพยายามของพระศาสนจักรที่จะเสวนานั้น จะมุ่งไปยังบรรดาผู้ที่เชื่อว่าพระเยซูคริสตเจ้าทรงเป็นพระจ้าและผู้ไถ่ เป็นอันดับแรก และขยายจากโลกของคริสตชนไปยังผู้นับถือศาสนาอื่น โดย วางอยู่บนพื้นฐานของหัวใจมนุษย์ทุกคนที่แสวงหาพระศาสนา การเสวนากับคริสตชนและกับผู้นับถือศาสนาอื่น อันนับเป็นส่วนหนึ่งแห่งพระกระแสเรียกของพระศาสนจักร

ส่งเสริมสันติภาพ

เมื่อสิ้นสุดศตวรรษที่ยี่สิบ โลกก็ยังถูกพลังซึ่งก่อให้เกิดความขัดแย้งและสงคร ามข่มขู่อยู่ และเอเซียก็คงจะอยู่ในสภาพเช่นเดียวกัน ในบรรดาพลังเหล่านี้ ยังมีพลังความไม่อดทนต่อกัน ความแบ่งแยกต่างๆ ทั้งในด้านสังคม ด้านวัฒนธรรม การเมือง หรือแม้กระทั่งด้านศาสนา แต่ละวันทั้งบุคคลและประชาชน ในบางประเทศถูกความรุ นแรงคุกคาม และวัฒนธรรมแห่งความตายเข้าครอบงำ ด้วยการใช้ความรุนแรงอย่างไร้เหตุผล เพื่อขจัดความตรึงเครียด สถานการณ์ที่ขัดแย้งกันอย่างรุนแรงในหลายมุมของโลก เรียกร้องให้พระศาสนจักรมีส่วนอย่างลึกซึ้งในความพยายามระดับนานาชา ติ และความร่วมมือกันของศาสนาต่างๆ ในอันที่จะนำมาซึ่งสันติภาพ ความยุติธรรมและการคืนดีกัน พระศาสนจักรเน้นถึงการแก้ปัญหาความขัดแย้งด้วยการเจรจา และการไม่ใช้กำลังทางทหาร เพื่อให้นานาชาติเลิกใช้อาวุธเพื่อเป็นการแก้แค้น หรือเป็นแน วทางแก้ปัญหาความขัดแย้ง พระศาสนจักรเชื่อมั่นว่าสงครามมีแต่จะสร้างปัญหาให้เพิ่มมากขึ้น แทนที่จะแก้ปัญหาให้หมดไป พระศาสนจักรเชื่อมั่นด้วยว่า การเสวนาคื อวิถีทางที่ยุติธรรมและน่าสรรเสริญเพียงวิธีเดียว ที่จะก่อให้เกิดการตกลงและคืนดีกัน และศิลปะแห่งการเสริมสร้างสันติที่พากเพียรและชาญฉลาด ย่อมจะได้รับพระพรพิเศษจากพระเป็นเจ้า

สิ่งที่น่าห่วงใยเป็นพิเศษในเอเซีย  คือการแข่งกันอย่างต่อเนื่อง ในการแสวง หาขีปนาวุธที่สามารถทำลายคนเป็นจำนวนมาก ซึ่งนับว่าเป็นค่าใช้จ่ายที่ไร้ศีลธรรมและไร้ประโยชน์ในงบประมาณของชาติ ซึ่งในบางประเทศยังไม่สามารถจัดหางบประมาณ เพื่อความต้องการขั้นพื้นฐานของพลเมืองได้ บรรดาพระสังฆราชผู้ร่วมประชุมสมั ชชายังได้กล่าวถึงกับระเบิดจำนวนมากมายในเอเซีย ซึ่งทำให้ผู้บริสุทธิ์จำนวนแสนๆ คนต้องพิการหรือถูกสังหารชีวิต และในขณะเดียวกันยังทำให้พื้นดินอันอุดมถูกทำลายไปด้วย พื้นดินซึ่งสามารถใช้ในการผลิตอาหารได้ เป็นความรับผิด-ชอบของทุกคนโ ดยเฉพาะผู้นำประเทศที่จะพยายามทำงานให้แข็งขันยิ่งขึ้นเพื่อให้ต่างฝ่ายต่างวางอาวุธ ที่ประชุมสมัชชายังได้เรียกร้องให้หยุดการผลิต ขาย หรือใช้อาวุธนิวเคลียร์ อาวุธเ คมี และการใช้เชื้อโรคเป็นอาวุธ และขอให้ผู้ที่วางกับระเบิดช่วยในการฟื้นฟูให้กลับสู่สภาพเดิม เหนือสิ่งอื่นใดพระสังฆราชผู้รวมประชุมสมัชชาอธิษฐานภาวนาวอนขอพระเป็นเจ้า ผู้ทรงหยั่งถึงห้วงลึกของมโนธรรมของมนุษย์ทุกคนได้ ทรงประทานให้มีคว ามรู้สึกแห่งสันติในจิตใจของผู้ที่ถูกหลอกลวง ให้เดินไปในหนทางแห่งความรุนแรง เพื่อให้คติพจน์ของพระคัมภีร์จะได้เป็นความจริงขึ้นมา คติพจน์ที่ว่า “พวกเขาจะตีดาบให้กลายเป็นคันไถ และหอกให้เป็นหัวคันไถ ชาติหนึ่งจะไม่หยิบอาวุธมาต่อสู้กับอีกช าติหนึ่ง และเขาจะไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับสงครามอีกต่อไป” (อสย.2:4)

ที่ประชุมสมัชชาได้ย้ำถึงความทุกข์ทรมานของประชาชนชาวอีรัค และความจ ริงที่ว่า ชาวอีรัคจำนวนมาก โดยเฉพาะเด็กๆ ได้เสียชีวิตเพราะขาดแคลนยา และสิ่งจำเป็นขั้นพื้นฐาน เนื่องจากถูกกีดกันทางด้านเศรษฐกิจ ข้าพเจ้าร่วมใจกับพระสังฆราชผู้เข้าประชุมสมัชชา ในความปรารถนา ที่จะแสดงออกซึ่งความเป็นหนึ่งเดียวกันกับ ประชาชนชาวอีรัค และข้าพเจ้ามีความใกล้ชิดกับพวกเขาในคำอธิฐานภาวนา และในความหวังร่วมกับบุตรธิดาของพระศาสนจักรในประเทศนั้น ที่ประชุมสมัชชาอธิษฐานภาวนาวอนขอพระเป็นเจ้าได้ทรงประทานความสว่างให้แก่จิตใจของบรรดาผู้ที่มีควา มรับผิดชอบให้ช่วยกันแก้ไขวิกฤตการณ์นี้อย่างยุติธรรม เพื่อประชาชนที่ได้รับความยากลำบากอย่างมากมายแล้ว จะได้ไม่ต้องทนทุกข์ทรมานเพิ่มขึ้นไปอีก

โลกาภิวัฒน์

เมื่อพิจารณาถึงปัญหาการส่งเสริมสถานภาพของมนุษย์ในเอเซีย บรรดาพระ สังฆราชผู้ร่วมประชุมสมัชชา ยอมรับถึงความสำคัญของเศรษฐกิจโลกาภิวัฒน์ ในขณะที่ท่านยอมรับผลในด้านบวกที่มีอยู่มากมาย แต่ในขณะเดียวกันพวกท่านก็ได้ชี้ให้เห็นว่า โลกาภิวัฒน์ก็มีผลในด้านลบต่อผู้ที่ยากจน และมีแนวโน้มที่จะผลักดันให้ประเทศ ที่ยากจนกว่าและตกขอบอยู่แล้วให้ไปอยู่รอบนอกวงการความสัมพันธ์ในด้านเศรษฐกิจและการเมือง หลายประเทศในเอเซียไม่สามารถรักษาสถานภาพของตัวเองไว้ได้ ในตลาดเศรษฐกิจของโลก บางทีสิ่งที่สำคัญกว่าก็คือ มุมมองของวัฒนธรรมของโลกา ภิวัฒน์ ซึ่งสื่อสารที่ทันสมัยสามารถบันดาลให้เกิดขึ้นได้ และกำลังนำสังคมเอเซียเข้าสู่วัฒนธรรมบริโภคนิยมสากล ซึ่งมุ่งไปทางโลกและวัตถุนิยม ผลก็คือการแตกสลายของครอบครัวที่มีมาตั้งแต่ดั้งเดิม และคุณค่าทางสังคม ซึ่งได้หล่อเลี้ยงประชาชนและสั งคมมาจนกระทั่งปัจจุบัน ทั้งหลายทั้งปวงนี้ เป็นการบ่งชี้อย่างชัดเจนถึงปัญหาของโลกาภิวัฒน์ ในมุมมองของเชื้อชาติและศีลธรรมนั้น ควรได้รับการแก้ไขโดยตรง จากบรรดาผู้นำประเทศและองค์การต่างๆ ซึ่งเกี่ยวพันธ์กับการส่งเสริมสถานภาพของมนุษย์

พระศาสนจักรเน้นว่าเราจำเป็นต้องมี “โลกาภิวัฒน์ที่ปราศจากการตกขอบ” ข้ าพเจ้าขอร่วมเสียงกับบรรดาพระสังฆราชผู้ร่วมประชุมสมัชชา เรียกร้องพระศาสนจักรท้องถิ่นต่างๆ โดยเฉพาะในประเทศแถบตะวันตก ให้ใช้ความพยายามเพื่อให้มีความแน่ใจว่า คำสอนเกี่ยวกับสังคมและพระศาสนจักร ได้มีบทบาทในการออกมาตรการ ทางด้านศีลธรรมและด้านกฎบัญญัติ ที่จะควบคุมการค้าอย่างเสรีในโลกและสื่อมวลชน ผู้นำคาทอลิกและผู้มีอาชีพต่างๆ ควรเรียกร้องให้รัฐบาลและองค์การการเงิน และการค้า ให้ยอมรับและปฏิบัติตามมาตรฐานเหล่านี้

หนี้ต่างประเทศ

ในการเสาะแสวงหาความยุติธรรมท่ามกลางโลกซึ่งมัวหมองไปด้วยความไม่เ ท่าเทียมกันในด้านสังคมและเศรษฐกิจ พระศาสนจักรไม่สามารถมองผ่านภาระอันหนักหน่วงเรื่องหนี้สินของประเทศที่กำลังพัฒนาหลายประเทศในเอเซีย พร้อมกับผลกระทบต่อสถานภาพปัจจุบันและอนาคตของประเทศเหล่านั้น หลายครั้งประเทศเหล่านี้ จำเป็นต้องตัดรายจ่ายในสิ่งที่จำเป็นต่อชีวิต เช่นอาหาร เรื่องสุขภาพอนามัย ที่อยู่อาศัยและการศึกษา เพื่อนำเงินไปใช้หนี้องค์กรการเงินนานาชาติหรือธนาคารต่างๆ ซึ่งหมายความว่าคนเป็นจำนวนมากต้องอยู่ในสภาพความเป็นอยู่ ซึ่งเป็นการลบหลู่ดูหมิ่น ต่อศักดิ์ศรีของมนุษย์ ที่ประชุมสมัชชาตระหนักดีถึงปัญหามากมายทางด้านเทคนิคในเรื่องนี้ แต่ก็ถือว่าเป็นการทดสอบความสามารถของประชาชน สังคม และรัฐบาลให้เห็นคุณค่าของมนุษย์และชีวิตของมนุษย์จำนวนล้านๆ คน และตีราคาค่างวดของมนุษ ย์ให้สูงกว่าผลกำไรทางด้านการเงินและด้านวัตถุ

ปีปีติมหาการุญ ค.ศ. 2000 ที่กำลังจะมาถึงนี้นับเป็นโอกาสดีที่สภาพระสังฆร าชทั่วโลก โดยเฉพาะของประเทศที่ร่ำรวยกว่า ที่จะสนับ-สนุนให้องค์กรการเงินนานาชาติ และธนาคารต่างๆ ให้แสวงหาหนทางที่จะผ่อนปรนหนี้สินของประเทศต่างๆ ในบรรดาสิ่งที่พอจะเห็นได้ก็คือ การปรับหนี้สินด้วยการลดหนี้ซึ่งมีจำนวนที่ค่อนข้างสูงหรื อไม่ก็ยกหนี้โดยสิ้นเชิง และให้ธุรกิจต่างๆ ตลอดจนการลงทุนให้ร่วมมือกันช่วยเหลือประเทศที่ยากจนกว่า ในขณะเดียวกันพระสังฆราชผู้ร่วมประชุมสมัชชาก็กล่าวกับประเทศลูกหนี้ทั้งหลายด้วย ท่านเน้นถึงความจำเป็นที่จะต้องมีความรับผิดชอบในแต่ละ ประเทศ โดยเตือนประเทศเหล่านี้ให้ตระหนักถึงความสำคัญของการวางแผนเศรษฐกิจที่ถูกต้อง โปร่งใสและการดำเนินงานที่ดี และเชิญชวนให้ต่อสู่กับการฉ้อราษฎรบังหลวงอย่างจริงจัง พวกท่านขอร้องให้คริสตชนในเอเซียประณามการคดโกงในรูปแบบ ต่างๆ ทุกชนิด ตลอดจนการที่ผู้มีอิทธิพลทางด้านการเมือง ที่นำเอากองทุนสาธารณะไปใช้ในทางที่ผิด หลายครั้งพลเมืองของประเทศลูกหนี้ มักจะตกเป็นเหยื่อของการใช้ทรัพยากรอย่างไร้ประโยชน์และไร้ความรอบคอบ ก่อนที่จะตกเป็นเหยื่อของการเป็นหนี้นานาชาติ

สภาพแวดล้อม

เมื่อใดที่ความก้าวหน้าในด้านเศรษฐกิจและเทคโนโลยี ไม่ควบคู่ไปกับความ ห่วงใยเรื่องความสมดุลย์ของระบบเศรษฐกิจ โลกของเราก็เสี่ยงต่อความเสียหายด้านสิ่งแวดล้อม ซึ่งจะเป็นอันตรายต่อชีวิตมนุษย์ การทำลายสิ่งแวดล้อมอย่างไร้ความอายจะยังคงมีอยู่ต่อไป ตราบใดที่เรายังคิดว่าผืนแผ่นดินเป็นเพียงสิ่งที่อำนวยประโยชน์เฉ พาะหน้า และนำเอามาใช้เพื่อปรนเปรอความปรารถนาหากำไรซึ่งไม่มีวันสิ้นสุดเท่านั้น จึงเป็นหน้าที่ของคริสตชนและบรรดาผู้มองพระเป็นเจ้า ว่าทรงเป็นพระผู้สร้าง ที่จะช่วยกันจะปกป้องสิ่งแวดล้อมโดยนำเอาความเคารพต่อบรรดาสิ่งสร้างทั้งหลายซึ่งพร ะเป็นเจ้าทรงสร้างมานั้น กลับคืนมาใหม่ เป็นพระประสงค์ขององค์พระผู้สร้างที่จะไม่ให้มนุษย์กระทำกับธรรมชาติคล้ายกับผู้ที่แสวง-หาเพียงผลประโยชน์ แต่ในฐานะผู้จัดการและดูแลที่ชาญฉลาดและรับผิดชอบ บรรดาพระสังฆราชผู้ร่วมประชุมสมัชชาวอน ขอบรรดาผู้นำชาติต่างๆ บรรดาผู้ออกกฎหมาย นักธุรกิจ และทุกคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงกับการควบคุมดูแลผืนแผ่นดินโลก ท่านเน้นว่าจะต้องมีการให้ความรู้กับประชาชน โดยเฉพาะเยาวชนในเรื่องความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม ฝึกฝนอบรมเขาให้ มีความรับผิดชอบในบรรดาสิ่งสร้าง ซึ่งพระเป็นเจ้าทรงมอบให้แก่มนุษยชาติ การปกป้องสิ่งแวดล้อมมิใช่ปัญหาด้านเทคโนโลยีเท่านั้น แต่เหนือสิ่งอื่นใดสิ่งนี้เป็นเรื่องที่เกี่ ยวข้องกับศีลธรรม ทุกคนมีหน้าที่ทางด้านศีลธรรมที่จะรักษาสิ่งแวดล้อมมิใช่เพื่อตัวเองเท่านั้น แต่เพื่อชนรุ่นหลัง

ขอสรุปว่า  การที่พระสังฆราชที่ร่วมประชุมสมัชชาเรียกร้องให้คริสตชนทำงา นและอุทิศตนในการพัฒนามนุษยชาตินั้น ท่านกำลังสรุปจากแก่นสำคัญของความเข้าใจเกี่ยวกับพระคัมภีร์และสิ่งที่ปฏิบัติต่อเนื่องของการนมัสการพระเป็นเจ้าและการดูแลผู้ที่อ่อนแอซึ่งบรรดา “แม่หม้าย คนแปลกหน้าและเด็กกำพร้า” (ดู อพ ย.22:21-22, ฉธบ.10:18,27:19) คือผู้ที่นำมากล่าวถึงในพระคัมภีร์ ในสมัยโน้นบุคคลเหล่านี้คือผู้ที่มักจะตกเป็นเหยื่อของความอยุติธรรม ครั้งแล้วครั้งเล่าที่เราได้ยินบรรดาประกาศกเรียกร้องขอความยุติธรรม ขอสิทธิในการจัดระเบียบสังคมมนุษย์ ซึ่งถ้า ปราศจากสิ่งเหล่านี้ ก็ไม่สามารถจะมีการนมัสการพระเป็นเจ้าอย่างแท้จริงได้ (ดู อสย.1:10-17, อมส.5:21-24) ดังนั้น การเรียกร้องของพระสังฆราชผู้เข้าร่วมประชุม จึงเป็นเสียงสะท้อนของบรรดาประกาศกผู้เปี่ยมด้วยพระจิตเจ้า ผู้ปรารถนา “ความเมต ตากรุณา มิใช่เครื่องบูชา” (ดู อสย.6:6) พระเยซูเจ้าทรงนำเอาคำเหล่านี้มาเป็นของพระองค์เอง (ดู มธ.9:13) บรรดานักบุญในทุกกาลเวลาและสถานที่ต่างก็กระทำเช่นเดียวกัน ลองพิจารณาคำของนักบุญยอห์น คริสซอสโตม ที่ว่า “ท่านปรารถนาจะให้เกียร ติแก่พระกายของพระคริสตเจ้าหรือ? ถ้าเช่นนั้น ท่านก็อย่ามองข้ามพระองค์ไป เมื่อท่านเห็นว่าพระองค์ทรงไร้เครื่องนุ่งห่ม  อย่าถวายเกียรติพระองค์ด้วยผ้าไหมในพระวิ หารเท่านั้น แต่แล้วกลับไม่สนใจพระองค์ เมื่อพระองค์ต้องเผชิญกับความหนาวและไร้เครื่องนุ่งห่มอยู่ข้างนอก พระองค์ผู้ตรัสว่า “นี่คือกายของเรา” คือพระองค์เดียวกับผู้ที่ ตรัสไว้ว่า “ท่านเห็นเราหิว แต่ท่านมิได้ให้อาหารแก่เรา” ...จะมีประโยชน์อะไร ถ้าพระแท่นบูชาหนักหน่วงไปด้วยกาลิกส์ทอง ในเมื่อพระคริสตเจ้ากำลังสิ้นพระชนม์ด้วยความหิว? จงเริ่มต้นด้วยการกำจัดความหิวของพระองค์ และแล้วสิ่งที่เหลืออยู่ ท่านอาจน ำเอาไปประดับประดาพระแท่นได้” ในการขอร้องของที่ประชุมสมัชชาให้มีการพัฒนามนุษย์ และความยุติธรรมในกิจกรรมของมนุษย์นั้น เราได้ยินเสียงที่เก่าและใหม่ เก่าเพราะมาจากห้วงลึกของสิ่งที่คริสตชน กระทำสืบต่อกันมา ซึ่งพยายามก่อให้เกิดควา มสมดุลย์ ซึ่งองค์พระผู้สร้างทรงปรารถนา ที่ใหม่ก็เพราะเป็นกล่าวถึงสภาพของคนเป็นจำนวนมากของเอเซียในปัจจุบัน