หน้าหลักเช็คเมลล์ติดต่อเราสมุดเยี่ยมลิงค์คาทอลิกแผนผังเวบไซด์

ค้นหาข้อมูล :

ความเป็นหนึ่งเดียวและการเสวนาเพื่อพันธกิจ

ความเป็นหนึ่งเดียวและพันธกิจย่อมควบคู่กันไป

ตามแผนการณ์นิรันดรของพระบิดาเจ้า พระศาสนจักรซึ่งได้รับการทำนายไว้ล่วงหน้าตั้งแต่สร้างโลก และได้รับการจัดเตรียมไว้ในพันธสัญญาเดิมนั้น ได้รับการสถาปนาขึ้นโดยพระคริสตเยซู และพระจิตเจ้าได้ทรงบันดาลให้ปรากฏแก่ชาวโลก ในวันที่พระจิตเจ้าเสด็จมาจาริกอยู่ท่ามกลางการเบียดเบียนของโลกนี้และได้รับการปลอบโยนจากพระเป็นเจ้า “ในขณะที่พระศาสนจักรดิ้นรนเพื่อบรรลุถึงความดีครบบริบูรณ์ในความรุ่งเรืองแห่งสวรรค์ ในเมื่อพระเป็นเจ้าทรงมีพระประสงค์ให้มนุษยชาติทั้งมวลซึ่งเป็นประชากรของพระเป็นเจ้ารวมเป็นกายเดียวกันของพระ- คริสตเจ้า และได้รับการเสริมสร้างให้เป็นพระวิหารหนึ่งเดียวของพระจิตเจ้า” พระศาสนจักรเป็นแผนการณ์ความรักซึ่งมองเห็นได้แห่งความรักที่พระเป็นเจ้าทรงมีต่อมนุษยชาติ และเป็นเครื่องหมายแห่งความรอดในโลก ดังนั้นพระศาสนจักรจึงมิใช่เพียงองค์กรด้านสังคมหรือหน่วยงานสังคมสงเคราะห์ของมนุษย์ แม้พระศาสนจักรจะมีชายหญิงซึ่งเป็นคนบาปปะปนอยู่ด้วย แต่พระศาสนจักรก็ยังเป็นแหล่งซึ่งมีการพบปะกันระหว่างพระเป็นเจ้ากับมนุษย์ โดยที่พระเป็นเจ้าทรงพอพระทัยที่จะเผยแสดงรหัสธรรมความลึกลับแห่งชีวิตภายในของพระองค์ให้แก่มนุษย์ และบันดาลให้แผนการแห่งความรอดของโลกดำเนินต่อไปได้

แผนการณ์อันลึกลับแห่งความรักของพระเป็นเจ้าปรากฏและดำรงอยู่ในท่ามกลางชายหญิงผู้ได้ถูกฝังร่วมกับพระคริสตเจ้าด้วยการตายในศีลล้างบาป เพื่อว่าพระคริสตเจ้าทรงได้กลับคืนพระชนมชีพด้วยเดชะพระสิริรุ่งโรจน์ของพระบิดาเจ้าฉันใด พวกเขาก็จะได้ดำเนินชีวิตแบบใหม่ด้วยฉันนั้น (ดู รม.6:4) หัวใจแห่งรหัสธรรมของพระศาสนจักรก็คือสายสัมพันธ์แห่งความเป็นหนึ่งเดียวกัน   ซึ่งเชื่อมโยงพระคริสตเจ้าผู้เปรียบเสมือนองค์เจ้าบ่าวกับมนุษย์ทุกคนที่ได้รับศีลล้างบาป อาศัยการดำเนินชีวิตและความสัมพันธ์อันบันดาลชีวิตนี้ “คริสตชนจึงมิได้เป็นเจ้าของตัวเองอีกต่อไป แต่พวกเขาเป็นของพระคริสตเจ้าพระองค์เอง” ด้วยความเป็นหนึ่งเดียวกับพระบุตรในสายสัมพันธ์แห่งความรักของพระจิตเจ้า คริสตชนจึงเป็นหนึ่งเดียวกับพระบิดา และจากความเป็นหนึ่งเดียวกันนี้ คริสตชนจึงเป็นหนึ่งเดียวกันอาศัยพระคริสตเจ้าในองค์พระจิตเจ้า จุดมุ่งหมายประการแรกของพระศาสนจักรก็คือ การเป็นเครื่องหมายแห่งความเป็นหนึ่งเดียวกันของมนุษย์กับพระเป็นเจ้า เหตุว่าความเป็นหนึ่งเดียวกันของมนุษย์ มีรากฐานอยู่ในความเป็นหนึ่งเดียวของพระเป็นเจ้า พระศาสนจักรจึงเป็นเครื่องหมายแห่งความเป็นหนึ่งเดียวของมนุษยชาติ ความเป็นหนึ่งเดียวกันนี้ เริ่มต้นแล้วในพระศาสนจักร และในขณะเดียวกันพระศาสนจักรก็ยังเป็น “เครื่องหมายและเครื่องมือ”  ที่จะให้ความเป็นหนึ่งเดียวกันที่จะมาถึงนี้ได้เป็นจริงขึ้นมา

ข้อเรียกร้องที่สำคัญแห่งชีวิตในพระคริสตเจ้าก็คือ ผู้ใดก็แล้วแต่ที่จะเข้ามาเป็นหนึ่งเดียวกับพระองค์ จะต้องบังเกิดผล “ผู้ที่ดำรงอยู่ในเรา และเราดำรงอยู่ในเขาก็ย่อมเกิดผลมาก” (ยน.15:5) เรื่องนี้เป็นความจริงจน กระทั่งผู้ที่ไม่บังเกิดผลไม่สามารถเป็นหนึ่งเดียวกับพระองค์ได้ “กิ่งก้านใดในเราที่ไม่เกิดผล (พระบิดาของเรา) ก็จะทรงตัดทิ้งเสีย” (ยน.15:2) ความเป็นหนึ่งเดียวกับพระเยซูเจ้า ซึ่งก่อให้เกิดความเป็นหนึ่งเดียวในระหว่างคริสตชนด้วยกันนั้น นับเป็นเงื่อนไขที่จะขาดเสียมิได้ในการบังเกิดผล และการเป็นหนึ่งเดียวกับผู้อื่น ซึ่งก็เป็นพระพรของพระคริสตเจ้าและพระจิตของพระองค์ นับเป็นผลอันดีเลิศที่กิ่งก้านสามารถผลิตได้ เมื่อเข้าใจดังนี้ ความเป็นหนึ่งเดียวกันและพันธกิจนั้นเป็นสิ่งที่เกี่ยวพันกันจนไม่สามารถแยกออกจากกันได้ ทั้งสองนี้ผสมผสานกันและเกี่ยวพันกันอย่างใกล้ชิด จนกระทั่ง “ความเป็นหนึ่งเดียวกันย่อมบ่งให้เห็นแหล่งที่มา และผลของพันธกิจความเป็นหนึ่งเดียวกันอันก่อให้เกิดพันธกิจ และพันธ-กิจจะสำเร็จได้ก็ในความเป็นหนึ่งเดียวกัน”

สภาพระสังคายนาวาติกันที่ 2 ใช้เทววิทยาเรื่องความเป็นหนึ่งเดียวกันอธิบายพระศาสนจักรว่า เป็นประชากรของพระเป็นเจ้า ที่กำลังจาริกอยู่และประชาชนทุกคนต้องเกี่ยวโยงกันด้วยโดยวิธีใดวิธีหนึ่ง จากพื้นฐานนี้เอง ที่บรรดาผู้ร่วมประชุมสมัชชาจึงได้เน้นความสัมพันธ์อันลึกลับระหว่างพระศาสนจักรกับบรรดาผู้นับถือศาสนาอื่นในเอเซียโดยให้ข้อสังเกตว่า “มีความเกี่ยวพันธ์กับพระศาสนจักรในขั้นตอนและรูปแบบที่แตกต่างกัน” ในท่ามกลางประชาชน วัฒนธรรมและศาสนาที่หลากหลาย “ชีวิตของพระศาสนจักรที่เป็นหนึ่งเดียวกันนี้ ย่อมมีความสำคัญเป็นอันมาก” ในภาคปฏิบัติบริการแห่งความเป็นหนึ่งเดียวกันของพระศาสนจักรนี้ย่อมมีความสำคัญที่ตรงประเด็นมากในเอเซีย เนื่องจากความตรึงเครียด ความแตกแยก และการต่อสู้กันอันเนื่องมาจากความแตกต่างในด้านสังคม วัฒนธรรม ภาษา เศรษฐกิจและศาสนาอันมากมาย จากบริบทนี้เอง พระศาสนจักรท้องถิ่นในเอเซียจึงต้องหล่อเลี้ยงความเป็นหนึ่งเดียวกัน ในด้านความคิดและจิตใจให้มากขึ้น ด้วยความร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดโดยร่วมกับผู้สืบตำแหน่งนักบุญเปโตร สิ่งที่มีความสำคัญยิ่งยวดต่อพันธ-กิจการแพร่ธรรมก็คือ ความสัมพันธ์กับคริสตชนนิกายอื่น และกลุ่มคริสตจักรต่างๆ และกับบรรดาผู้นับถือศาสนาอื่น ดังนั้น ที่ประชุมสมัชชาจึงได้รื้อฟื้นการอุทิศตนของพระศาสนจักรในเอเซียในการฟื้นฟูความสัมพันธ์กับคริสตจักรอื่น และการเสวนากับศาสนาอื่นให้มากยิ่งขึ้น โดยสำนึกว่า การเสริมสร้างความเป็นหนึ่งเดียวกัน ความพยายามให้มีการคืนดีกัน การมุ่งหน้าสู่ความเป็นปึกแผ่น พยายามให้มีการเสวนากับศาสนา และวัฒนธรรมต่างๆ การถอนรากถอนโคน การเป็นอริต่อกัน และก่อให้เกิดความไว้วางใจระหว่างประชาชนต่างๆ ทั้งหมดนี้ล้วนมีความสลักสำคัญในพันธกิจการแพร่ธรรมของพระศาสนจักรในทวีปนี้ ทั้งหมดนี้ย่อมเรียกร้องให้ชุมชนคาทอลิกพิจารณามโนธรรม มีความกล้าหาญที่จะแสวงหาการคืนดีกัน และรื้อฟื้นความมุ่งมั่นที่จะทำการเสวนาก่อนก้าวสู่สหัสวรรษที่สามนี้ เป็นที่ปรากฏชัดเจนแล้วว่า พระศาสนจักรจะสามารถแพร่ธรรมได้  ก็ด้วยความพยายามที่จะก่อให้เกิดความสามัคคีกลมเกลียวกันในทุกด้าน ความเป็นหนึ่งเดียวและพันธกิจต้องควบคู่กันไป

ความเป็นหนึ่งเดียวกันในพระศาสนจักร

บรรดาพระสังฆราชผู้เข้าร่วมประชุมสมัชชาพิเศษเพื่อเอเซีย ซึ่งมาร่วมกันกับ ผู้สืบตำแหน่งนักบุญเปโตร เพื่ออธิษฐานภาวนาด้วยกันและทำงานร่วมกัน  ย่อมเป็นการแสดงออก ซึ่งความเป็นหนึ่งเดียวของพระศาสนจักร อันประกอบด้วยคุณค่าแห่งความหลากหลายของพระศาสนจักรของแต่ละท้องถิ่น ซึ่งย่อมกระทำร่วมกันด้วยความรัก การ ที่ข้าพเจ้าอยู่ร่วมในการประชุมนั้น เป็นโอกาสที่ข้าพเจ้าได้ต้อนรับ  ได้มีส่วนร่วมในความชื่นชมและความหวัง ความยากลำบากและความห่วงใยของบรรดาพระสังฆราช ซึ่งเป็ นการปฏิบัติหน้าที่ของข้าพเจ้าอย่างลึกซึ้ง อันที่จริงภายใต้ความเป็นหนึ่งเดียวกันในพระศาสนจักรนี้เอง ที่อำนาจสากลของผู้สืบตำแหน่งนักบุญเปโตรสำแดงออกอย่างชัดเจน มิใช่เป็นเพียงการแสดงอำนาจการตัดสินเหนือพระศาสนจักรท้องถิ่นเท่านั้น แต่เหนือสิ่งอื่นใดเป็นการแสดงออกซึ่งความเป็นนายชุมพาบาลอันสูงสุด ที่มารับใช้ให้บริการควา มเป็นหนึ่งเดียวกันในความเชื่อและชีวิตของประชากรทั้งสิ้นของพระเป็นเจ้า บรรดาพระสังฆราชผู้ร่วมประชุมสมัชชาตระหนักดีว่า ตำแหน่งของผู้สืบตำแหน่งนักบุญเปโตรนั้น มีหน้าที่พิเศษในการให้ประกันและส่งเสริมความเป็นหนึ่งเดียวของพระศาสนจักร “พว กท่านจึงยอมรับการบริการของกระทรวงต่างๆ และการบริการของสมณทูตต่อพระ-ศาสนจักรท้องถิ่น ด้วยจิตตารมณ์แห่งความเป็นหนึ่งเดียวกัน จุดสำคัญของการบริการนี้ก็คือ  ความเคารพและเข้าใจที่บรรดาผู้ที่อยู่ใกล้กับผู้ร่วมงานของผู้สืบตำแหน่งนักบุญเปโ ตรได้แสดงต่อความหลากหลายอันถูกต้องของพระศาสนจักรท้องถิ่น และวัฒนธรรมต่างๆ ตลอดจนประชาชนที่เขาได้เข้าไปสัมผัส

พระศาสนจักรท้องถิ่นแต่ละแห่ง จะต้องยึดมั่นอยู่ในการเป็นสักขี-พ ยานแห่งความเป็นหนึ่งเดียวของพระศาสนจักร ซึ่งนับเป็นแก่นแท้ของพระศาสนจักร บรรดาผู้ร่วมประชุมสมัชชาเลือกที่จะใช้คำอธิบายสังฆ-มณฑลว่า เป็น “กลุ่มชนที่เป็นหนึ่งเดียวกัน” (Communion of Communities)  ซึ่งมา ร่วมกันรอบนายชุมพาบาล  มีพระสงฆ์ นักบวชและฆราวาส ต่างร่วมมือกันในการ “เสวนาแห่งชีวิตและจิตใจ” อาศัยพระหรรษทานของพระจิตเจ้าทรงสนับสนุนจุนเจือ สังฆมณฑลเป็นแหล่งแรกที่วิสัยทัศน์แห่งกลุ่มชนที่เป็นหนึ่งเดียวกัน สามารถสำแดงออกเป็น รูปเป็นร่างขึ้นมาได้ ท่ามกลางสภาพสังคม การเมือง ศาสนา วัฒนธรรม และเศรษฐกิจอันหลากหลายของเอเซีย เพื่อความเป็นหนึ่งเดียวในพระศาสนจักร พระศาสนจักรท้องถิ่นแต่ละแห่งจะต้องเป็น “พระศาสนจักรซึ่งทุกคนต่างร่วมมือกัน” (Participatory Church) ดังที่ผู้เข้าร่วมประชุมสมัชชาเรียก กล่าวคือ พระศาสนจักรซึ่งทุกคนดำเนินชีวิตตามกระแสเรียกของแต่ละคน และประกอบภาระหน้าที่ของตน การที่จะเสริมสร้าง “ความเป็นหนึ่งเดียวแห่งพันธกิจ” และ “พันธกิจแห่งความเป็นหนึ่งเดีย วกัน” นี้ สมาชิกทุกคนจะต้องยอมรับพรพิเศษของกันและกัน พยายามพัฒนาและใช้ให้เป็นประโยชน์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ควรให้ฆราวาสและบรรดานักบวชชายหญิงมีส่วนร่วมมากขึ้น ในการวางแผนงานอภิบาล และในการตัดสิน โดยอาศัยองค์กรที่มีส่วนรับผิดชอ บต่างๆ เช่น สภาอภิบาลวัดและการประชุมเขต

โดยทั่วไปแล้วในแต่ละสังฆมณฑล วัด (เขตอภิบาล) ก็ยังเป็นที่ที่สัตบุรุษมาชุม กัน เพื่อความเจริญเติบโตในด้านความเชื่อ เพื่อดำเนินชีวิตตามรหัสธรรมแห่งความเป็นหนึ่งเดียวของพระศาสนจักร และมีส่วนร่วมในพันธกิจของพระศาสนจักร ดังนั้นพระสังฆราชผู้ร่วมประชุมสมัชชา จึงขอร้องให้บรรดานายชุมพาบาลได้แสวงหาหนทางใหม่ อั นมีประสิทธิภาพในการดูแลสัตบุรุษ เพื่อให้ทุกคนโดยเฉพาะผู้ที่ยากจน มีความรู้สึกว่า พวกเขาเป็นส่วนหนึ่งของวัดนั้นอย่างแท้จริง และเป็นส่วนหนึ่งของประชากรทั้งหมดของพระเป็นเจ้า การวางแผนงานอภิบาลร่วมกับสัตบุรุษฆราวาส ควรเป็นเรื่องธรรมดาในทุ กเขตวัด ที่ประชุมสมัชชาเลือกที่จะกล่าวถึงเยาวชน โดยเฉพาะ “การที่แต่ละวัดควรให้พวกเขาได้มีโอกาสมากขึ้น ในการพบปะสังสรรค์และมีความเป็นหนึ่งเดียวกัน... โดยมีกิจกรรมสำหรับเยาวชนที่เป็นระบบและมีชมรมเยาวชน” ไม่ควรมีผู้ใดถูกตัดออกจากก ารแบ่งปันในชีวิตและพันธกิจของแต่ละวัด เนื่องจากสถานะทางด้านสังคม เศรษฐกิจ การเมือง วัฒนธรรมหรือการศึกษา ศิษย์ของพระเยซูเจ้าแต่ละคนต่างก็มีพระพรที่จะมอบให้แก่กลุ่มของตนฉันใด กลุ่มคริสตชนก็ควรแสดงความพร้อมที่จะรับผลประโยชน์อันเ นื่องมาจากพระ-พรของแต่ละคนฉันนั้น

ในบริบทนี้จากประสบการณ์ของพวกท่าน บรรดาผู้เข้าร่วมประชุมสมัชชา จึงเน้นถึงคุณค่าของ กลุ่มคริสตชนขั้นพื้นฐาน ว่าเป็นหนทางที่มีประสิทธิในการส่งเสริมความเป็นหนึ่งเดียวและการมีส่วนร่วมในกิจกรรมของวัดและในสังฆมณฑล และเป็นพลังอันแท้จริงในการประกาศพระ- วรสาร กลุ่มเล็กๆ เหล่ านี้ จะช่วยให้สัตบุรุษเจริญชีวิตเยี่ยงกลุ่มชนผู้มีความเชื่อ อธิษฐานภาวนาและรักกันและกัน ดังเช่นกลุ่มคริสตชนรุ่นแรก (ดู กจ.2:44-47, 4:32-35) พวกเขามีจุดประสงค์ที่จะช่วยให้สมาชิกเจริญชีวิตตามแนวพระวรสาร ด้วยจิตตารมณ์แห่ งความรักและการรับใช้ซึ่งกันและกันฉันพี่น้อง จึงนับเป็นจุดเริ่มต้นที่มั่นคงในการเสริมสร้างสังคมใหม่ เป็นการแสดงออกซึ่งอารยธรรมแห่งความรัก ข้าพเจ้าขอร่วมกับสมัชชาในการให้กำลังใจพระศาสนจักรในเอเซียว่า ที่ใดที่สามารถทำได้ ขอให้มองดูกลุ่มคริสตชนขั้นพื้นฐานนี้ว่า เป็นกิจกรรมในเชิงบวกแห่งการประกาศ พระวรสารของพระศาสนจักร ในขณะเดียวกันเพื่อให้กลุ่มคริสตชนบังเกิดผลอย่างแท้จริง พวกเขาจะต้องเป็นหนึ่งเดียวกับพระศาสนจักรท้อง ถิ่นและพระศาสนจักรสากล ตามที่พระสันตะปาปา ปอลที่ 6 ได้ทรงเขียนไว้ พวกเขาจะต้องเป็นหนึ่งเดียวกันด้วยความจริงใจกับบรรดานายชุมพา-บาล และคำสอนของพระศาสนจักร โดยอุทิศตนในการแพร่ธรรมเยี่ยงธรรมทูต โ ดยไม่ยอมแยกตัวอยู่โดดเดี่ยว หรือมุ่งทำตามอุดมคติของตนเอง กลุ่มคริสตชนเล็กๆ เหล่านี้มิได้ทำให้องค์กรและระบบที่มีอยู่แล้วต้องหดหายไป เพราะระบบต่างๆ เหล่านี้ ยังมีความจำเป็น เพื่อที่จะกระทำพันธกิจของพระศาสนจักร

ที่ประชุมสมัชชายอมรับบทบาทของขบวนการรื้อฟื้นต่างๆ ในการเสริมสร้า งความเป็นหนึ่งเดียว โดยเปิดโอกาสให้มีการสัมผัสกับพระเป็นเจ้าได้อย่างใกล้ชิด อาศัยความเชื่อและศีลศักดิ์สิทธิ์ เพื่อสนับสนุนการกลับใจ เป็นหน้าที่ของบรรดานายชุมพาบาล ที่จะนำและร่วมเดินทางตลอดจนให้กำลังใจกลุ่มต่างๆ เหล่านี้ เพื่อให้พวกเขาเป็นส่ วนหนึ่งของชีวิตพันธกิจของวัดและของสังฆมณฑล ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับชมรมและขบวนการต่างๆ ก็ต้องให้การสนับสนุนพระศาสนจักรท้องถิ่น และไม่เสนอตัวเป็นทางเลือกของระบบสังฆมณฑลหรือชีวิตในแต่ละเขตวัด ความเป็นหนึ่งเดียวกันจะเข้มแข็งขึ้น เ มื่อผู้นำขบวนการเหล่านี้ ร่วมมือกันกับนายชุมพาบาล ด้วยจิตตารมณ์แห่งความรัก เพื่อปะโยชน์สุขของทุกคน (ดู 1คร.1:13)

ความเป็นปึกแผ่นระหว่างพระศาสนจักรต่างๆ

ความเป็นหนึ่งเดียวกันภายใน ย่อมก่อให้เกิดความเป็นปึกแผ่นระหว่างพระศาส นจักรท้องถิ่นด้วยกันเอง การเอาใจใส่ต่อความต้องการระดับท้องถิ่น ย่อมถูกต้องและขาดเสียมิได้ แต่เพื่อความเป็นหนึ่งเดียวกัน พระศาสนจักรท้องถิ่นต้องเปิดใจให้แก่กันและกัน และร่วมมือกัน เพื่อว่าแม้ในท่ามกลางความหลากหลายของพวกเขา เขาจะได้สา มารถรักษาและสำแดงออกอย่างเปิดเผย ถึงความสัมพันธ์ที่มีกับพระศาสนจักรสากล ความเป็นหนึ่งเดียวเรียกร้องให้มีความเข้าใจซึ่งกันและกัน และร่วมมือกันในการประกอบพันธกิจ โดยไม่มองข้ามความเป็นเอกเทศและสิทธิของพระศาสนจักรในแต่ละท้องถิ่ น ตามหลักเทววิทยา พิธีกรรม ขนบ-ธรรมเนียมฝ่ายจิตที่มีมาแต่โบราณกาล แต่ประวัติศาสตร์แสดงให้เห็นว่า ความแตกแยกได้ทำให้ความเป็นหนึ่งเดียวของพระศาสนจักรในเอเซียได้รับบาดแผล ตลอดระยะเวลาหลายศตวรรษ ความสัมพันธ์ระหว่างพระศาสนจั กรท้องถิ่น ซึ่งมีกฎเกณฑ์การปกครองด้านศาสนา และประเพณีทางพิธีกรรมที่แตกต่างกัน ตลอดจนวิธีการแพร่ธรรม มักจะก่อให้เกิดความตรึงเครียด และความยากลำบาก บรรดาพระสังฆราชผู้ร่วมประชุมสมัชชายอมรับว่า แม้ในปัจจุบันก็ยังมีความแตกแยกท ี่เกิดขึ้นในพระศาสนจักรท้องถิ่นในเอเซีย ซึ่งมักจะเกี่ยวข้องกับจารีต ภาษา เผ่าพันธุ์ วรรณะ และอุดมคติที่แตกต่างกัน  บาดแผลบางประการได้ถูกแก้ไขแต่ก็เป็นเพียงบาง ส่วนเท่านั้น ยังไม่มีการบำบัดรักษาให้หายไปโดยสิ้นเชิง บรรดาผู้เข้าร่วมประชุมสมัชชาตระหนักดีว่า เมื่อใดที่ความเป็นหนึ่งเดียวกันอ่อนกำลังลง การเป็นสักขีพยานและงานแพร่ธรรมของพระศาสนจักรก็จะพลอยยากลำบากไปด้วย  ท่านจึงได้เสนอแนวทางที่เ ป็นรูปธรรม ในอันที่จะช่วยให้ความสัมพันธ์ระหว่างพระศาสนจักรในเอเซียมั่นคงขึ้น ควบคู่ไปกับการสนับสนุนและการให้กำลังใจฝ่ายจิต พวกท่านได้เสนอให้มีการแบ่งปันพ ระสงฆ์ให้เท่าเทียมกัน ตลอดจนมีความเป็นหนึ่งเดียวกันในด้านการเงิน การแลกเปลี่ยนด้านวัฒนธรรมและเทววิทยา และเปิดโอกาสให้สังฆมณฑลต่างๆ  ได้เป็นผู้ร่วมงานมากขึ้น

สมาพันธ์ในระดับเขตและระดับทวีปของบรรดาพระสังฆราช ดังเช่น สมาพันธ์ อัยกาคาทอลิกแห่งตะวันออกกลาง และสหพันธ์สภาพระ-สังฆราชแห่งเอเซีย ได้ช่วยเสริมสร้างความเป็นหนึ่งเดียวระหว่างพระศาสนจักรท้องถิ่น และเปิดโอกาสให้มีการประสานงานกัน เพื่อขจัดปัญหาด้านงานอภิบาล ในทำนองเดียวกัน ก็มีศูนย์กลางเทววิทยา ศูน ย์ชีวิตจิต และงานอภิบาลทั่วเอเซีย ซึ่งจะช่วยส่งเสริมความเป็นหนึ่งเดียวกัน และการประสานงานกันอย่างเป็นรูปธรรม ทุกฝ่ายควรให้ความสนใจในการริเริ่มที่มีอนาคตสดใสนี้ ให้พัฒนามากขึ้น เพื่ออำนวยคุณประโยชน์ให้แก่พระศาสนจักรและสังคมในเอเซีย

พระศาสนจักรคาทอลิก – จารีตตะวันออก

สถานภาพของพระศาสนจักรคาทอลิก จารีตตะวันออก โดยเฉพาะในภาคตะวัน ออกกลางและในอินเดียนั้นควรได้รับการสนใจเป็นพิเศษ พวกเขาเป็นผู้พิทักษ์รักษามรดกอันล้ำค่า ทางด้านชีวิตจิต พิธีกรรม และเทววิทยามาตั้งแต่สมัยของอัครสาวก จารีตประเพณีของท่านซึ่งมีต้นกำเนิดมาจากการปรับความเชื่อให้เข้ากับวัฒนธรรมในหลา ยประเทศบนผืนแผ่นดินเอเซียนั้น  ควรได้รับความเคารพนับถือเป็นอย่างสูง  ข้าพเจ้าร่วมใจกับผู้เข้าประชุมสมัชชาในการเรียกร้องให้ทุกคนยอมรับ ขนบธรรมเนียมและอิสร ภาพอันถูกต้องของพระศาสนจักรเหล่านี้  ในเรื่องที่เกี่ยวกับระเบียบวินัยและพิธีกรรม ตามที่กำหนดไว้ในประมวลกฎหมายของพระศาสนจักรจารีตตะวันออก ตามคำสอนของสภาสังคายนาวาติกันที่ 2  เราเห็นว่ามีความต้องการเร่งด่วนในอันที่จะเอาชนะความหว าดกลัวและความเข้าใจผิด ซึ่งปรากฏขึ้นบางครั้งบางคราว ระหว่างพระศาสนจักรจารีตตะวันออกกับพระศาสนจักรลาติน และในระหว่างพระศาสนจักรเหล่านี้ โดยเฉพาะในเรื่องการดูแลประชากรของพวกเขาที่อยู่นอกเขตในด้านงานอภิบาล ในฐานะบุตรของพร ะศาสนจักรเดียวกัน ซึ่งได้รับการบังเกิดใหม่ในพระคริสตเจ้า ขอให้บรรดาผู้มีความเชื่อทั้งหลายได้กระทำทุกอย่าง ด้วยจิตตารมณ์แห่งความมุ่งหมายอันเดียวกัน ด้วยความไว้วางใจและด้วยความรักมิรู้คลาย ความแตกต่างไม่ควรก่อให้เกิดความแตกแยก แต่จะต้ องปฏิบัติต่อกันด้วยจิตตารมณ์แห่งความจริง และความเคารพต่อกันและกัน เหตุว่าสิ่งดีงามใดๆ จะเกิดขึ้นไม่ได้หากสิ่งนั้นมิได้มาจากความรัก

พระศาสนจักรซึ่งน่าเคารพเหล่านี้    มีการเสวนาโดยตรงกับพระศาสนจักรพี่น้ องอื่นๆ เช่น พระศาสนจักรออร์โธดอกส์ และบรรดาพระสังฆราชผู้ร่วมประชุมสมัชชา  ก็ขอร้องให้พวกท่านดำเนินต่อไปตามหนทางนี้ พวกท่านมีประสบการณ์อันทรงคุณค่า ในการเสวนากับศาสนาอื่น โดยเฉพาะศาสนาอิสลาม สิ่งเหล่านี้อาจเป็นประโยชน์แก่พร ะ-ศาสนจักรอื่นๆ ในเอเซีย เป็นที่แจ้งชัดแล้วว่า พระศาสนจักรคาทอลิกจารีตตะวันออก มีธรรมเนียมเก่าแก่และประสบการณ์อันมากมายมหาศาล ซึ่งนับว่าเป็นประโยชน์แก่พระศาสนจักรโดยส่วนรวมเป็นอันมาก

แบ่งปันความหวังและความทุกข์ทรมาน

บรรดาพระสังฆราชผู้เข้าร่วมประชุมสมัชชาต่างตระหนักดีว่า จะต้องมีความเป็ นหนึ่งเดียวและความร่วมมือกับพระศาสนจักรท้องถิ่นอย่างมีประสิทธิผล ในดินแดนเอเซียที่เคยเป็นส่วนหนึ่งของสหภาพโซเวียตนั้น พระศาสนจักรเหล่านี้กำลังก่อร่างสร้างตัวในสถานภาพที่ลำบากมาก อันสืบเนื่องมาจากช่วงประวัติศาสตร์ที่แสนจะลำเค็ญ พระศา สนจักรร่วมเดินทางกับพวกเขาด้วยการอธิษฐาน และร่วมความทุกข์และความหวังใหม่ของพวกเขา ข้าพเจ้าสนับสนุนให้พระศาสนจักรโดยส่วนรวม ได้มอบความช่วยเหลือแก่พวกเขา ทั้งในด้านกำลังใจ ทั้งฝ่ายจิตและวัตถุสิ่งของ ตลอดจนบุคลลากรทั้งที่เป็นพระ สงฆ์และฆราวาส เพื่อช่วยกลุ่มคริสตชนเหล่านี้ ในภาระหน้าที่แห่งการแบ่งปันกับประชาชนในดินแดนแถบนี้ ซึ่งความรักของพระเป็นเจ้า ได้รับการเผยแสดงในพระเยซูคริสตเจ้า

ในหลายส่วนของเอเซีย พี่น้องของเรายังคงปฏิบัติตามข้อความเชื่อของเขา ใน สภาพที่ถูกจำกัดหรือแม้กระทั่งการถูกริดรอนเสรีภาพโดยสิ้นเชิง บรรดาผู้ร่วมประชุมสมัชชาได้แสดงออกซึ่งความห่วงใยและร่วมจิตใจเป็นหนึ่งเดียวกับสมาชิกผู้ทนทุกข์ทรมานของพระศาสนจักรเหล่านี้ ข้าพเจ้าขอร่วมเสียงกับบรรดาพระสังฆราชแห่งเอเซีย ขอ ร้องให้พี่น้องในพระศาสนจักรเหล่านี้ ที่อยู่ในสถานภาพอันลำบากลำเค็ญ ให้ถวายความทุกข์ทรมานของพวกเขา ร่วมกับพระทรมานของพระคริสตเจ้าผู้ทรงถูกตรึงกางเขน เหตุว่าทั้งเราและเขาย่อมทราบดีว่า กางเขนที่เรายินยอมน้อมรับด้วยความเชื่อและความรั กเท่านั้น คือหนทางที่จะนำไปสู่การกลับคืนชีพ และชีวิตใหม่ของมวลมนุษยชาติ ข้าพเจ้าขอให้สภาพระสังฆราชต่างๆ ในเอเซีย ได้จัดตั้งสำนักงานสักแห่งหนึ่ง เพื่อช่วยเหลือพระศาสนจักรเหล่านี้ และข้าพเจ้าขอให้คำมั่นว่าทางสันตะสำนักจะให้ความร่วมมืออย่า งใกล้ชิด และเฝ้าห่วงใยบรรดาผู้ที่ถูกเบียดเบียนเพราะความเชื่อที่เขามีในองค์พระคริสตเจ้า ข้าพเจ้าขอร้องรัฐบาลและผู้นำประเทศต่างๆ ให้วางนโยบายและปฏิบัติตามนโยบาย ที่ปกป้องเสรีภาพในการนับถือศาสนาแก่ประชาชนของพวกเขา

หลายครั้งที่บรรดาผู้ร่วมประชุมสมัชชา หันไประลึกถึงพระศาสนจักรคาทอลิกใ นประเทศจีนแผ่นดินใหญ่ และอธิษฐานภาวนาขอให้วันเวลาที่พี่น้องชาวจีนที่รักของเรา จะได้มีเสรีภาพอย่างแท้จริง ในการปฏิบัติตามข้อความเชื่อของพวกเขา โดยเป็นหนึ่งเดียวกับสำนักแห่งนักบุญเปโตร และกับพระศาสนจักรสากลได้สักวันหนึ่ง ส่วนพวกท่าน พี่น้องชาวจีนทุกคน ข้าพเจ้าขอร้องด้วยความจริงใจ อย่าปล่อยให้ความลำบากและความทุกข์ยากต่างๆ เป็นเหตุให้ความศรัทธาของท่านต่อพระคริสตเจ้า และความซื่อสัตย์ต่อประเทศอันยิ่งใหญ่ของท่านลดน้อยลงไปเป็นอันขาด การประชุมสมัชชาก็แสดงออกซึ่ งความเป็นหนึ่งเดียวกับพระศาสนจักรคาทอลิกในเกาหลี และสนับสนุน “ความพยายามของคาทอลิก ที่จะให้ความช่วยเหลือแก่ประชาชนชาวเกาหลีเหนือ ผู้ไร้ซึ่งสิ่งที่จำเป็นในการดำรงชีวิต และขอให้มีการคืนดีกันระหว่างสองประเทศของพลเมืองชาติเดียวกัน ภาษาเดียวกัน และมรดกวัฒนธรรมอันเดียวกัน

ในทำนองเดียวกัน การประชุมสมัชชาก็หันไปยังพระศาสนจักรในกรุงเยรูซาเล็ มหลายครั้งด้วยกัน พระศาสนจักรในเยรูซาเล็มนี้ มีที่พิเศษในหัวใจของคริสตชนทุกคน แน่ทีเดียว วาจาของประกาศกอิสยาห์ ดังสะท้อนอยู่ในหัวใจของผู้ที่มีความเชื่อเป็นจำนวนล้านๆ คนทั่วโลก เพราะสำหรับเขาเหล่านี้ เยรูซาเล็มมีที่พิเศษ และได้รับการทนุถน อมไว้ในหัวใจของคนเหล่านี้ ท่านประกาศกกล่าวว่า “จงยินดีกับเยรูซาเล็ม และชื่นชมกับเยรูซาเล็มเถิด บรรดาผู้ที่รักเมืองนี้... เพื่อท่านจะได้ดื่มด่ำด้วยความยินดี จากความรุ่ งเรืองอันล้นเหลือของเยรูซาเล็ม” (66:10-11) เยรูซาเล็ม เมืองแห่งการคืนดีระหว่างมนุษย์กับพระเป็นเจ้า และระหว่างมนุษย์ด้วยกัน มักจะกลายเป็นสถานที่แห่งความต่อสู้และความแตกแยก ผู้ร่วมประชุมสมัชชา ขอร้องให้พระศาสนจักรท้องถิ่นได้ยืนเคียงข้าง กับพระศาสนจักรในเยรูซาเล็ม ด้วยการมีส่วนร่วมในความทุกข์ทรมาน ด้วยการอธิษฐานภาวนาให้ และร่วมมือในการก่อให้เกิดสันติ ด้วยความยุติธรรม และการคืนดีกันระหว่างประชาชนสองกลุ่ม และสามศาสนาที่อาศัยอยู่ในนครศักดิ์สิทธิ์นี้ ข้าพเจ้าขอรื้อฟื้นคำข อร้อง ซึ่งข้าพเจ้าเคยกระทำอยู่บ่อยๆ  แก่บรรดาผู้นำทางบ้านเมืองและผู้นำศาสนา และแก่บรรดาผู้มีน้ำใจดีทุกคน ขอให้แสวงหาหนทาง เพื่อให้มีสันติและความเป็นหนึ่งเดีย วของกรุงเยรูซาเล็ม ตามที่ข้าพเจ้าได้เคยเขียนไว้แล้วว่า เป็นความปรารถนาอันร้อนรนอย่างยิ่งของข้าพเจ้า ที่จะเดินทางไปที่นั่นในฐานะผู้แสวงบุญ ดังเช่นผู้ดำรงตำแหน่งก่อ นหน้าข้าพเจ้าคือ พระสันตะปาปา เปาโลที่ 6 เพื่ออธิษฐานภาวนาในนครศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งพระเยซูคริสตเจ้าได้ทรงเคยเจริญพระชนม์ สิ้นพระชนม์และทรงกลับคืนพระชนม์อีกครั้งหนึ่ง และไปเยี่ยมที่ซึ่งบรรดาสาวกได้ออกไปประกาศพระวรสารของพระเยซูคริสตเจ้าแ ก่โลก เดชะพระอานุภาพของพระจิตเจ้า

พันธกิจแห่งการเสวนา

หัวข้อการประชุมสมัชชาในระดับทวีปต่างๆ ซึ่งเป็นการเตรียมพระศาสนจักรเข้าสู่ปีปีติมหาการุญ 2000 ก็คือ “ การแพร่ธรรมใหม่” ยุคใหม่แห่งการประกาศพระวรสาร ย่อมมีความจำเป็น มิใช่เนื่องจากเหตุผลที่ว่า หลังจากสองพันปีได้ผ่านไป มนุษยชาติส่วนมากยังมิได้ยอมรับพระคริสต-เจ้าเพียงเท่านั้น แต่เพราะสภาพของพระศาสนจักรและของโลก ในช่วงที่ก้าวสู่สหัสวรรษใหม่น ี้ นับเป็นการท้าทายต่อความเชื่อของศาสนา และความจริงด้านศีลธรรมอันเป็นผลต่อเนื่องมาอีกด้วย มีแนวโน้มทั่วไปที่จะสร้างความก้าวหน้าและความเจริญรุ่งเรืองโดยไม่เกี่ยวโยงกับพระเป็นเจ้า และลดมิติทางด้านศาสนา ของมนุษย์ ให้เป็นเรื่องส่วนตัวเท่านั้น หากสังคมยิ่งแยกตัวออกจากความจริงขั้นพื้นฐานอันเกี่ยวกับมนุษย์ กล่าวคือความสัมพันธ์ของมนุษย์กับพระผู้สร้าง และกับการไถ่กู้ซึ่งพระคริสตเจ้าทรงบันดาลให้เกิดขึ้นในองค์พระจิ ตเจ้า ก็ยิ่งจะทำให้มนุษย์หลงทาง เหินห่างไปจากแหล่งที่มาแห่งชีวิต ความรัก และความสุขมากยิ่งขึ้นเพียงนั้น ศตวรรษแห่งความรุนแรงที่กำลังจะสิ้นสุดลงนี้  เป็นประจักษ์พยานที่น่าหวาดกลัวว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น หากค วามจริงและคุณความดีถูกทอดทิ้ง เพื่อหลีกทางให้ความกระหายหาอำนาจ และการปรนเปรอตนเอง การแพร่ธรรมเป็นการเรียกร้องให้กลับใจ ให้กลับมาสู่พระหรรษทาน และความปรีชาฉลาดซึ่งนับว่าเป็นความหวังหนึ่งเดียว ที่จะบันดาลให้โลกดีขึ้น และมีอนาคตที่แจ่มใส ปัญหามิได้อยู่ที่ว่า พระศาสนจักรมีอะไรสำคัญจะกล่าวกับชายหญิงในยุคของเรา ปัญหาก็คือ ทำอย่างไรพระศาสนจักรจะสามารถกล่าวได้อย่างชัดเจน และอย่างมีน้ำหนัก

เมื่อครั้งสภาสังคายนาวาติกันที่สอง ผู้ดำรงตำแหน่งก่อนหน้าข้าพเจ้า พระสันตะ ปาปา เปาโล ที่ 6 ได้เคยประกาศไว้ในสมณสาสน์ของพระองค์ ชื่อ “พระศาสนจักรของพระองค์” ว่าปัญหาความสัมพันธ์ระหว่างพระศาสนจักรกับโลกในสมัยใหม่ นับเป็นสิ่งที่น่ากังวลมากที่สุดในสมัยของเรา พระองค์เขียนไว้ว่า “ทั้งปัญหาและความเร่งด่วนของปั ญหามีมากมาย จนก่อให้เกิดภาระอันหนักหน่วงในจิตวิญญาณของเรา ซึ่งเป็นทั้งการกระตุ้นเตือนและเป็นกระแสเรียกของเราอีกด้วย” นับตั้งแต่สภาพระสังคายนาเป็นต้นมา พระศาสนจักรได้สำแดงออกซึ่งความปรารถนาที่จะติดตามความสัมพันธ์นี้ ด้วยจิตตาร มณ์แห่งการเสวนาตลอดมาอย่างสม่ำเสมอ ความปรารถนาที่จะเสวนานี้ มิใช่เป็นแต่เพียงยุทธวิธี เพื่อให้ประชาชนอยู่กันด้วยสันติเท่านั้น แต่เป็นส่วนสำคัญแห่งพันธกิจของพระศาสนจักร เหตุว่าต้นกำเนิดของเรื่องนี้ก็คือ การเสวนาแห่งความรอดด้วยความรักของ พระบิดากับมนุษยชาติ โดยผ่านทางพระบุตร ในพระอานุภาพของพระจิตเจ้า พระศาสนจักรจะสามารถทำให้พันธกิจนี้สำเร็จไปได้ ก็ด้วยวิธีการที่สอดคล้องกับสิ่งที่พระเยซูคริ สตเจ้าทรงปฏิบัติ เมื่อพระองค์เสด็จมาบังเกิดเป็นมนุษย์ พระองค์ทรงมีส่วนในชีวิตมนุษย์ของเรา พระองค์ตรัสกับเราโดยใช้ภาษามนุษย์ เพื่อสื่อสารความรอดของพระองค์ การเสวนาซึ่งพระศาสนจักรเสนอนั้น วางอยู่บนฐานของเหตุผลอันสืบเนื่องมาจากการประสู ติเป็นมนุษย์ขององค์พระบุตร ดังนั้น สิ่งที่เป็นแรงบันดาลให้พระศาสนจักรเสวนากับชายหญิงในเอเซีย ผู้แสวงหาความจริงด้วยความรัก ก็มิใช่สิ่งอื่นใด นอกจากการร่วมเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันกับชาวเอเซีย ด้วยความจริงใจและไร้ซึ่งความเห็นแก่ตัว

ในฐานะที่เป็นเครื่องหมายแห่งความเป็นหนึ่งเดียวกันของมวลมนุษยชาติ พระ ศาสนจักรจำต้องเสวนากับชนทุกชาติ ทุกกาลเวลาและสถานที่ เพื่อตอบสนองพันธกิจที่ได้รับไว้ พระศาสนจักรจึงออกไปพบปะกับประชาชนในโลก ด้วยความสำนึกว่าพระศาสนจักรเป็นเพียง “ฝูงแกะน้อยๆ" ในท่ามกลางมนุษยชาติจำนวนมากมายมหาศาล (ดู ล ก.12:32) แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นเชื้อแป้งในโลก (ดู มธ.13:33) ความพยายามของพระศาสนจักรที่จะเสวนานั้น จะมุ่งไปยังบรรดาผู้ที่เชื่อว่าพระเยซูคริสตเจ้าทรงเป็นพระจ้าและผู้ไถ่ เป็นอันดับแรก และขยายจากโลกของคริสตชนไปยังผู้นับถือศาสนาอื่น โดย วางอยู่บนพื้นฐานของหัวใจมนุษย์ทุกคนที่แสวงหาพระศาสนา การเสวนากับคริสตชนและกับผู้นับถือศาสนาอื่น อันนับเป็นส่วนหนึ่งแห่งพระกระแสเรียกของพระศาสนจักร

การเสวนากับคริสตจักรนิกายต่างๆ

การเสวนากับคริสตจักรต่างๆ นับเป็นการท้าทายมาก และเป็นการท้าทายพระ ศาสนจักรทั้งหมด โดยเฉพาะพระศาสนจักรในเอเซีย เหตุว่าประชาชนคาดหวังว่า คริสตชนควรเป็นเครื่องหมายแห่งความเป็นหนึ่งเดียวกันที่ชัดเจนมากกว่านี้ การที่จะให้ประชาชนทั้งหลายมาร่วมกันในพระหรรษทานของพระเป็นเจ้า จำต้องมีความเป็นหนึ่งเดีย วกันในบรรดาผู้ที่รับพระเยซูคริสตเจ้าเป็นพระเจ้า พระเยซูเจ้าพระองค์เองทรงอธิษฐานภาวนา และมิได้ทรงหยุดยั้งที่จะทรงเรียกร้องให้มีความเป็นหนึ่งเดียวกัน ระหว่างบรรดาศิษย์ของพระองค์ ให้ปรากฏอย่างเด่นชัด เพื่อโลกจะได้เชื่อว่าพระเป็นเจ้าได้ทรงส่ง พระองค์มา (ดู ยน.17:21) แต่พระประสงค์ของพระองค์ที่จะให้พระศาสนจักรของพระองค์เป็นหนึ่งเดียว กำลังรอคำตอบด้วยความเต็มใจ และอย่างกล้าหาญจากบรรดาศิษย์ของพระองค์

ในเอเซีย เนื่องจากคริสตชนมีจำนวนน้อย ความแบ่งแยกยิ่งทำให้งานแพร่ธรร มลำบากมากขึ้น บรรดาพระสังฆราชผู้เข้าร่วมประชุมสมัชชายอมรับว่า “คริสตศาสนาที่แบ่งแยกกันนับเป็นที่สะดุด และเป็นอุปสรรคอันสำคัญต่อการแพร่ธรรมในเอเซีย” อันที่จริง ความแตกแยกของคริสตชนนับเป็นสิ่งที่ลบล้างการเป็นประจักษ์พยานให้แด่พระเ ยซูคริสตเจ้าสำหรับชาวเอเซียเป็นจำนวนมาก เหตุว่าพวกเขาแสวงหาความกลมกลืนและความเป็นหนึ่งเดียวกัน โดยอาศัยศาสนาและวัฒนธรรมของพวกเขา ดังนั้นพระศาสนจักรคาทอลิกในเอเซีย จึงได้รับการจูงใจเป็นพิเศษ ให้แสวงหาความเป็นหนึ่งเดียวกับค ริสตชนอื่นๆ โดยสำนึกว่า ในการแสวงหาความเป็นหนึ่งเดียวอย่างครบบริบูรณ์นั้น ทุกคนจะต้องมีความรัก ใช้วิจารณญาณ กล้าหาญและเปี่ยมด้วยความหวัง เพื่อให้มีการเสวนากับคริสตชนอย่างถูกต้อง และมีประสิทธิผล สัตบุรุษคาทอลิกเองก็จำต้องมีความตั้งใ จดีอันเป็นพื้นฐาน ก่อนอื่นพวกเขาจะต้องมีความรักที่แสดงออกในคุณความดี และความปรารถนาอย่างจริงจัง ที่จะร่วมมือกับคริสตชน และกลุ่มต่างๆ อย่างจริงจัง ประการที่สอง เขาจำต้องมีความซื่อสัตย์มั่นคงต่อพระศาสนจักรคาทอลิก โดยไม่มองข้ามหรือป ฏิเสธความผิดตกบกพร่องของสมาชิกบางคน ประการที่สาม เขาจะต้องมีวิจารณญาณ เพื่อจะได้มองเห็นและยอมรับสิ่งที่ดีและควรแก่การสรรเสริญ สุดท้าย เขาจะต้องมีความปรารถนาอันแท้จริงที่จะปรับปรุงและฟื้นฟูตนเอง

ในขณะที่เราต้องยอมรับถึงความยากลำบาก ซึ่งยังมีอยู่ในความสัมพันธ์ระหว่าง คริสตชน ซึ่งมีทั้งอคติที่ตกทอดมาแต่ในอดีต ตลอดจนการตัดสินด้วยความเชื่อมั่นอันลึกซึ้ง ซึ่งก็เกี่ยวโยงไปถึงเรื่องของมโนธรรม บรรดาผู้ร่วมประชุมสมัชชา ยังได้ชี้ให้เห็น ถึงเครื่องหมายที่บ่งบอกถึงความสัมพันธ์ที่ดีขึ้นในระหว่างคริสตจักรต่างๆและกลุ่มคริสตชนอื่นๆ ในเอเซีย เช่นคริสตชนคาทอลิกและออร์โธดอกส์ ยอมรับความเป็นหนึ่งเดียวในด้านวัฒนธรรมของทั้งสองฝ่าย มีความรู้สึกว่าเขามีขนบธรรมเนียมประเพณีทางศ าสนาอันสำคัญที่คล้ายคลึงกัน นี่คือฐานอันมั่นคง ซึ่งจะช่วยให้เขาเสวนากันอย่างมีประสิทธิผล สู่สหัสวรรษหน้าซึ่งเราต่างก็หวังและภาวนาว่า ความแตกแยกของสหัสวรรษที่กำลังจะสิ้นสุดลงนี้จะได้ยุติลง

ในภาคปฏิบัติ ที่ประชุมสมัชชาเสนอให้สภาพระสังฆราชแต่ละประเทศในเอเซี ย ได้เชิญบรรดาคริสตจักรต่างๆ ให้มาร่วมกัน ในขบวนการอธิษฐานภาวนาและปรึกษาหารือ เพื่อเสาะแสวงหาความเป็นไปได้ของโครงสร้างร่วมกันของคริสตจักร และชมรมต่างๆ เพื่อส่งเสริมความเป็นหนึ่งเดียวของคริสตชน ที่ประชุมสมัชชาเสนอให้มีการเฉลิ มฉลองสัปดาห์แห่งการอธิษฐานภาวนา เพื่อความเป็นหนึ่งเดียวของคริสตศาสนานิกายต่างๆ ให้มีประสิทธิผลมากขึ้น ซึ่งจะช่วยได้มาก บรรดาพระสังฆราชได้รับการขอร้องให้จัดตั้ง และสนใจดูแลศูนย์การภาวนาและเสวนา และควรจัดให้บ้านเณร บ้านอบรมนัก บวชและสถาบันการศึกษาต่างๆ ได้รับการอบรมเกี่ยวกับการเสวนากับคริสตศาสนานิกายต่างๆ อย่างพอเพียงและเหมาะสม

การเสวนากับศาสนาอื่นๆ

ในสมณสาสน์ “ก้าวสู่สหัสวรรษที่สาม” ข้าพเจ้าได้กล่าวไว้ว่า สหัส-วรรษใหม่นี้ เ ปิดโอกาสอันยิ่งใหญ่ในการเสวนากับศาสนาต่างๆ และในการพบปะกับผู้นำศาสนาที่ยิ่งใหญ่ในโลก การติดต่อ การเสวนาและการร่วมมือกับผู้นับถือศาสนาอื่น เป็นภาระกิจที่สภาพระสังคายนาวาติกันที่ 2 ได้มอบให้เป็นหน้าที่ และถือว่าเป็นการท้าทายของพระศ าสนจักรโดยส่วนรวม กฎเกณฑ์ของการเสาะแสวงหาความสนิทสัมพันธ์กับศาสนาอื่นๆ นี้ ได้รับการกำหนดไว้ในประกาศของสภาพระสังคายนาวาติกันเรื่อง “ในยุคสมัยของเรา” (Nostra Aetate) ซึ่งประกาศใช้เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 1965 ซึ่งนับเป็นแม่บทข องการเสวนากับศาสนาต่างๆ ในยุคสมัยของเรา จากมุมมองของคริสตศาสนา การเสวนากับศาสนาอื่น มิใช่เป็นแต่เพียงการส่งเสริมความเข้าใจและเพิ่มพูนความรู้ให้แก่กันและกันเท่านั้น หากแต่เป็นส่วนหนึ่งแห่งพันธกิจการแพร่ธรรมของพระศาสนจักร เป็น การแสดงออกซึ่งการแพร่ธรรมภายนอก (ad gentes) ในการเสวนากับศาสนาอื่นนั้น คริสตชนนำความเชื่อมั่นว่า ความรอดอันครบบริบูรณ์นั้นย่อมมาจากพระคริสตเจ้าเท่านั้น และพระศาสนจักรกลุ่มต่างๆ ซึ่งพวกเขาเป็นสมาชิกอยู่นั้น คือ หนทางธรรมดา ที่จะพ าไปสู่ความรอด ข้าพเจ้าขอกล่าวย้ำอีกครั้งหนึ่ง ถึงสิ่งที่ข้าพเจ้าได้เขียนไปถึงการประชุมใหญ่ของสหพันธ์สภาพระสังฆราชแห่งเอเซียว่า “แม้ว่าพระศาสนจักรจะยอมรับด้วยความเต็มใจ ซึ่งสิ่งที่ดีและศักดิ์สิทธิ์ ในหลักธรรมคำสอนของพุทธศาสนา ศาสนาฮินดู แล ะอิสลาม ว่าเป็นการสะท้อนความจริงที่ให้ความสว่างแก่มวลมนุษย์ แต่ก็มิได้ทำให้หน้าที่และความตั้งใจที่จะประกาศโดยไม่หยุดหย่อนว่า พระเยซูคริสตเจ้าทรงเป็น “หนทาง ความจริง และชีวิต...” หมดสิ้นไป ความจริงที่ว่า ผู้นับถือศาสนาอื่น สามารถรับพระ-หรร ษทานของพระเป็นเจ้า และได้รับความรอดจากพระคริสตเจ้า นอกเหนือจากหนทางธรรมดาที่พระองค์ได้ทรงกำหนดไว้นั้น มิได้ลบล้างการเรียกร้องสู่ความเชื่อและการรับศีลล้างบาป ซึ่งพระเป็นเจ้าทรงมีพระประสงค์จะทรงประทานให้แก่มวลมนุษย์แต่อย่างใด”

ตามที่ข้าพเจ้าได้เขียนไว้ในสมณสาสน์ของข้าพเจ้าเรื่อง “พันธกิจแห่งการไถ่ก ู้” ในขบวนการเสวนานั้น “จะต้องไม่หลงลืมกฎเกณฑ์หรือความจริงจอมปลอม แต่ควรมีการให้และการรับความเป็นประจักษ์พยาน เพื่อช่วยกันและกันให้ก้าวหน้า ในการเสาะแสวงหาและการมีประสบการณ์ด้านศาสนา และในขณะเดียวกัน ก็ขจัดอคติต่างๆ การไร้ ความอดทน หรือความเข้าใจผิดให้หมดสิ้นไป ผู้ที่มีความเชื่อในคริสตศาสนาที่มีความมั่นคง และเป็นผู้ใหญ่เท่านั้น ที่สามารถทำการเสวนาได้อย่างแท้จริง “คริสตชนที่ดื่มด่ำในรหัสธรรมของพระคริสตเจ้า และผู้มีความสุขในกลุ่มชนแห่งความเชื่อเท่านั้น ที่หวัง จะทำการเสวนาได้อย่างมีประสิทธิผล โดยไม่เป็นการเสี่ยงจนเกินไป ดังนั้น จึงมีความสำคัญมากสำหรับพระศาสนจักรในเอเซีย ที่จะจัดหาแบบอย่างอันเหมาะสมในการเสวนากับศาสนาอื่น การแพร่ธรรมในการเสวนา และการเสวนาเพื่อการแพร่ธรรม และควรใ ห้การอบรมผู้ที่เกี่ยวข้องอย่างเหมาะสม

หลังจากที่ได้เน้นถึงความเชื่อมั่นในพระคริสตเจ้าว่า มีความจำเป็นในการเสวน ากับศาสนาอื่นแล้ว บรรดาพระสังฆราชผู้ร่วมประชุมสมัชชา ก็ได้กล่าวถึงความจำเป็นแห่ง “การเสวนาแห่งชีวิตและจิตใจ” ผู้เป็นศิษย์ของพระคริสตเจ้า จำต้องมีจิตใจที่สุภาพและอ่อนโยนของพระอาจารย์ พวกเขาไม่ควรมีความหยิ่งจองหอง ไม่ควรยกตนข่ มท่าน ในขณะที่เขาพบปะกับผู้ที่ร่วมเสวนากับเขา (ดู มธ.11:29) ความสัมพันธ์กับศาสนาอื่นๆ จะพัฒนาให้ก้าวหน้าได้ ก็ในบริบทของความเปิดใจให้กับผู้ที่นับถือศาสนาอื่น มีความพร้อมที่รับฟังเขา และความปรารถนาที่จะเคารพและพยายามเข้าใจเขาในสิ่งไ ม่สอดคล้องกัน สำหรับสิ่งเหล่านี้ ความรักต่อผู้อื่นย่อมขาดเสียมิได้ สิ่งเหล่านี้ควรลงเอยด้วยการร่วมมือกัน มีความกลมเกลียวกัน และให้ความสว่างแก่กันและกัน

เพื่อเป็นการชี้นำสำหรับผู้ที่อยู่ในขบวนการนี้ บรรดาผู้ที่ร่วมประชุมสมัชชาได้เ สนอให้จัดทำคู่มือการเสวนากับศาสนาอื่นขึ้น ในขณะที่พระศาสนจักรพยายามแสวงหาหนทางที่พบปะกับศาสนาอื่นๆ ข้าพเจ้ากล่าวถึงการเสวนาที่ได้เกิดขึ้นแล้วอย่างมีผลที่ดีมาก ซึ่งรวมถึงการแลกเปลี่ยนผู้เชี่ยวชาญในศาสนาต่างๆ หรือผู้แทนของศาสนาเหล่านั้ น โดยร่วมมือกันในการพัฒนามนุษย์ทั้งครบ และช่วยกันปกป้องคุณค่าของมนุษย์และศาสนา ข้าพเจ้าขอกล่าวย้ำอีกถึงความสำคัญของการรื้อฟื้น การรำพึงภาวนาในขบวนการเสวนานี้ บรรดานักบวชชายหญิง สามารถมีบทบาทได้อย่างมากมายในการเสวนากับศ าสนาอื่นๆ ด้วยการเป็นประจักษ์พยาน ด้วยการดำเนินชีวิตจิต    และรหัสธรรมอันเป็นธรรมเนียมประเพณีอันยิ่งใหญ่ของคริสตศาสนา ว่ายังมีชีวิตชีวาอยู่มาก

การพบปะอันน่าจดจำที่มีขึ้นที่เมืองอัสซีซี เมืองของนักบุญฟรันซิส เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 1986 ระหว่างพระศาสนจักรคาทอลิกกับผู้แทนของศาสนาอื่นๆ ในโลก แสดงให้เห็นว่า ชายหญิงผู้นับถือศาสนาต่างๆ ยังสามารถอุทิศตนในการอธิษฐานภาวนา และร่วมกันทำงานเพื่อสันติภาพและความดีงามของมนุษยชาติได้ โดยไม่ต้องละทิ้งศาสนาข องตน พระศาสนจักรจำต้องพยายามรักษาไว้และสนับสนุนจิตตารมณ์ การพบปะและการร่วมมือระหว่างศาสนาต่างๆ ในทุกระดับ

ความเป็นหนึ่งเดียวกันและการเสวนากับศาสนาอื่น นับเป็นพันธกิจสองประการ ที่สำคัญยิ่งของพระศาสนจักร ซึ่งมีแบบฉบับอันสูงส่ง ในรหัสธรรมของพระตรีเอกภาพ อันเป็นแหล่งที่มาและจุดมุ่งหมายแห่งพันธกิจทั้งหลายทั้งปวงของพระศาสนจักร ของขวัญ “วันประสูติ” อันยิ่งใหญ่ ซึ่งบรรดาสมาชิกของพระศาสนจักร โดยเฉพาะบรรดา นายชุมพาบาลทั้งหลาย สามารถจะมอบถวายแด่พระเจ้าแห่งประวัติศาสตร์ได้ ในวโรกาสครบสองพันปีแห่งการประสูติเป็นมนุษย์ ก็คือการช่วยให้จิตตารมณ์แห่งความเป็นเอกภาพ ความเป็นหนึ่งเดียวกัน ได้มีความมั่นคงในทุกระดับชีวิตของพระศาสนจักร เป็นการรื้อฟื้น “ความภาคภูมิใจอันศักดิ์สิทธิ์” ในความซื่อสัตย์อันต่อเนื่องในสิ่งที่ถ่ายทอดมา และความไว้วางใจในพระหรรษทาน และพันธกิจอันไม่เปลี่ยนแปลง ที่ได้ส่งพระศาสนจักรไปสู่ประชาชนทั่วไปในโลก เพื่อเป็นสัก ขีพยานถึงความรอดอันเปี่ยมด้วยความรักและพระเมตตาของพระเป็นเจ้า เมื่อใดที่ประชากรของพระเป็นเจ้า สำนึกในพระพรอันเป็นของพวกเขาในพระคริสตเจ้า เมื่อนั้นเขาจึงจะสามารถมอบพระพรนี้ ให้ผู้อื่นต่อไป อาศัย “การป่าวประกาศและการเสวนา”