หน้าหลักเช็คเมลล์ติดต่อเราสมุดเยี่ยมลิงค์คาทอลิกแผนผังเวบไซด์

ค้นหาข้อมูล :

พระเยซูเจ้าองค์พระผู้ไถ่ : พระพรสำหรับเอเซีย

พระพรแห่งความเชื่อ

ในขณะที่การประชุมสมัชชาแบ่งปันสภาพที่ค่อนข้างสับสนของเอเซีย ก็เป็นที่ปรากฏชัดเจนว่า บทบาทอันประเสริฐยิ่งของพระศาสนจักรต่อประชาชนในเอเซียก็คือ การประกาศพระเยซูคริสตเจ้า พระเป็นเจ้าแท้และมนุษย์แท้ พระผู้ไถ่กู้แต่เพียงพระองค์เดียวของมวลมนุษย์ สิ่งที่ทำให้พระศาสนจักรแตกต่างไปจากศาสนาอื่นๆ ก็คือ ความเชื่อในองค์พระเยซูคริสตเจ้า และพระศาสนจักรไม่สามารถจะซ่อนแสงสว่างอันทรงคุณค่านี้ไว้ใต้ตะกร้า (ดู มธ.5:15) เหตุว่า พันธกิจของพระศาสนจักรก็คือ การแบ่งปันแสงสว่างนี้ให้กับทุกคน “พระศาสนจักรปรารถนาที่มอบชีวิตใหม่ที่ได้พบในพระเยซูคริสตเจ้า ให้แก่ประชากรทั้งหลายในเอเซีย ในขณะที่เขาแสวงหาชีวิตที่ครบบริบูรณ์ เพื่อทุกคนจะได้มีความสัมพันธ์เช่นเดียวกันกับพระบิดา และพระเยซูคริสตเจ้าพระบุตรของพระองค์ ในพระอานุภาพของพระจิต” ความเชื่อในพระเยซูคริสตเจ้านี้เอง ที่เป็นสิ่งดลบันดาลการแพร่พระวรสารในเอเซีย ซึ่งมักจะกระทำได้ในสภาพที่ยากลำบากและเสี่ยงต่ออันตราย บรรดาสมาชิกของสมัชชาได้ตั้งข้อสังเกตว่า การประกาศว่าพระเยซูเจ้า ทรงเป็นพระผู้ไถ่แต่พระองค์เดียว อาจก่อให้เกิดความยากลำบากในแต่ละวัฒนธรรมของท่าน เมื่อมาคำนึงว่าศาสนาหลายศาสนาในเอเซีย สอนว่าการสำแดงออกของพระเจ้า ว่าเป็นการวอนขอความรอด แต่แทนที่จะเป็นเหตุผลให้พวกท่านหมดกำลังใจ บรรดาสมาชิกของสมัชชากลับเห็นว่า ปัญหาท้าทายต่างๆ ที่ท่านต้องเผชิญเพื่อพระวรสาร กลับเป็นการกระตุ้นให้พวกท่านพยายามถ่ายทอด “ความเชื่อซึ่งพระศาสนจักรในเอเซียได้รับมาจากบรรดาอัครสาวก และมีส่วนร่วมกับพระศาสนจักรทุกยุคทุกสมัยและทุกสถานที่” อันที่จริง ท่านกล่าวด้วยความมั่นใจว่า “หัวใจของพระศาสนจักรในเอเซียจะหยุดนิ่งไม่ได้ จนกว่าชาวเอเซียทั้งหมดได้พักผ่อนภายใต้ร่มแห่งสันติของพระ- คริสตเจ้า พระผู้ทรงกลับคืนพระชนม์

ความเชื่อของพระศาสนจักรคือพระพรที่ได้รับมา และเป็นพระพรที่จะต้องแบ่งปัน เป็นพระพรอันยิ่งใหญ่ที่สุดที่พระศาสนจักรสามารถจะมอบให้แก่ทวีปเอเซียได้ การแบ่งปันความจริงของพระเยซูคริสตเจ้ากับผู้อื่นนั้น ถือว่าเป็นหน้าที่อันสูงส่งของบรรดาผู้ที่ได้รับความเชื่อ ในสมณ-สาสน์ของข้าพเจ้า เรื่อง “ พระพันธกิจขององค์พระผู้ไถ่” ข้าพเจ้าเขียนไว้ว่า “พระศาสนจักร และคริสตชนแต่ละคนในพระศาสนจักร ไม่มีสิทธิที่จะซ่อนทรัพย์สมบัติใหม่ที่ได้รับจากน้ำพระทัยอันกว้างขวางของพระเป็นเจ้า เพื่อถ่ายถอดให้มวลมนุษย์ชาตินี้ ไว้เฉพาะตัวเองได้” ในจดหมายฉบับเดียวกันนั้น ข้าพเจ้าได้เขียนไว้ว่า “ผู้ที่มารวมอยู่ในพระศาสนจักรคาทอลิก ควรสำนึกในเกียรติยศนี้ และด้วยเหตุนี้เอง เขาจึงมีหน้าที่เป็นสักขีพยานแห่งความเชื่อและชีวิตคริสตชน เป็นการให้บริการแก่พี่น้องชายหญิง และเป็นการตอบสนองต่อพระเป็นเจ้าอย่างเหมาะสมยิ่ง”

บรรดาสมาชิกของสมัชชามีความเชื่อมั่นในเรื่องนี้มาก ในขณะเดียวกัน ท่านก็คำนึงถึงภาระเฉพาะตนของพวกท่าน ในความพยายามที่จะเข้าใจถึงสถานการณ์ อาศัยการศึกษา การอธิษฐานภาวนา และการรำพึงถึงความจริงอันไม่มีขอบเขตแห่งกาลเวลาของพระเยซูเจ้า เพื่อจะนำเอาพลังและชีวิตชีวาแห่งความเชื่อนี้มาใช้ในการแพร่พระวรสารในเอเซีย ทั้งในปัจจุบันและในอนาคต

พระเยซูคริสตเจ้า : พระเป็นเจ้าและมนุษย์ผู้ทรงบันดาลความรอด

พระคัมภีร์ยืนยันว่าพระเยซูเจ้าทรงดำเนินชีวิตเยี่ยงมนุษย์อย่างแท้จริงพระเยซูเ จ้าซึ่งเราประกาศว่า ทรงเป็นพระผู้ไถ่แต่พระองค์เดียว ได้ประทับอยู่ในโลกในฐานะที่ทรงเป็นพระเป็นเจ้าและมนุษย์ ทรงประกอบด้วยธรรมชาติของมนุษย์อย่างครบบริบูรณ์ พระองค์ทรงเหมือนกับเราในทุกสิ่งเว้นแต่บาป ทรงบังเกิดจากพระมารดาพรหมจารี ในสภ าพที่ต่ำต้อย ณ เมืองเบธเลเฮ็ม พระองค์ทรงมีความอ่อนแอดังเช่นทารกทั้งหลาย จนถึงกับทรงเป็นผู้อพยพ หลบหนีจากโทสะของผู้ปกครองผู้ไร้มนุษยธรรม (ดู มธ.2:13-15) พระองค์ทรงอยู่ภายใต้การปกครองดูแลของบิดามารดาซึ่งเป็นมนุษย์ และมิได้เข้าใจถึง หนทางของพระองค์เสมอไป แต่พระองค์ก็ทรงไว้วางใจท่านทั้งสอง และทรงนบนอบเชื่อฟังท่านทั้งสองด้วยความเคารพรัก (ดู ลก.2:41-52) พระองค์ทรงอธิษฐานภาวนาอยู่เสมอ พระองค์ทรงใกล้ชิดกับพระเป็นเจ้า ผู้ซึ่งพระองค์ทรงเรียกว่า “อับบา” “พระบิดา” ซึ่งทำให้ผู้ได้ยินรู้สึกประหลาดใจ (ดู ยน.8:34-59)

พระองค์ทรงใกล้ชิดกับผู้ยากจน ผู้ที่ถูกหลงลืมและผู้ต่ำต้อย โดยทรงประกาศว่า บุคคลเหล่านี้เป็นผู้มีบุญ เหตุว่าพระเป็นเจ้าสถิตอยู่กับพวกเขา ทรงรับประทานอาหารกับคนบาป โดยให้ความมั่นใจกับพวกเขาว่า ที่โต๊ะเสวยของพระบิดาเจ้านั้น มีที่สำหรับพวกเขา หากเขาหันหลังให้กับบาปและกลับไปหาพระองค์ ทรงสัมผัสกับความสกปรกโสมม และปล่อยให้พวกเขาได้สัมผัสพระองค์ พระองค์ทรงปรารถนาให้เขาสำนึกว่าพระเป็นเจ้าประทับอยู่ใกล้ชิดกับพวกเขา พระองค์กรรแสงให้กับมิตรที่ตายไป ทรงโปรดให้ลูกที่เสียชีวิตกลับคืนชีพ แล้วทรงมอบให้กับมารดาของเขาที่เป็นหญิงม่าย พระองค์ทรงต้อนรั บเด็กๆ และทรงล้างเท้าสาวกของพระองค์ เราจึงเห็นได้ว่า ไม่มีเวลาใดเลยที่เราสามารถสัมผัสกับพระ-เมตตาของพระเป็นเจ้าได้ดีเท่ากับปัจจุบัน

คนป่วย คนง่อย คนตาบอด คนหูหนวก คนใบ้ ล้วนได้พบกับการบำบัดรักษา และ การให้อภัยอาศัยการสัมผัสของพระองค์ พระองค์ทรงเลือกผู้ร่วมงานที่ไม่ธรรมดา อันประกอบด้วยชาวประมงผสมกับคนเก็บภาษี นักกฎหมายกับผู้ที่ไม่รู้จักกฎหมาย รวมทั้งสตรี ครอบครัวใหม่นี้กำลังก่อร่างสร้างตัวขึ้น ภายใต้ความรักอันน่าอัศจรรย์ใจของพระบิดาเ จ้า ซึ่งครอบคลุมไปยังมนุษย์ทุกคน พระเยซูเจ้าทรงเทศนาแบบง่ายๆ ทรงยกตัวอย่างจากชีวิตประจำวัน เพื่อทรงนำมาอธิบายถึงความรักของพระเป็นเจ้า และพระอาณาจักรของพระองค์ และประชาชนต่างก็เห็นได้อย่างชัดเจนว่า พระองค์ทรงสอนอย่างผู้มีอำนาจ

แต่พระองค์ก็ทรงถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้กล่าวผรุสวาท เป็นผู้ละเมิดกฎบัญญัติอันศั กดิ์สิทธิ์ หลังจากที่พระองค์ทรงถูกตัดสินโดยพยานเท็จ (ดู มก.14:56) แล้ว พระองค์ก็ทรงรับการลงโทษให้สิ้นพระชนม์แบบนักโทษบนไม้กางเขน พระองค์ทรงถูกทอดทิ้งและทรงถูกสบประมาท ดูเหมือนว่าพระองค์คือผู้พ่ายแพ้ แต่สามวันต่อมา แม้จะมียามคอยเฝ้า พระคูหา กลับว่างเปล่า แล้วทรงปรากฏพระองค์แก่บรรดาสานุศิษย์ ก่อนที่จะเสด็จกลับคืนสู่พระบิดา ผู้ซึ่งพระองค์ได้เสด็จจากมา

เราเชื่อในชีวิตที่เรียบง่ายนี้ พร้อมกับบรรดาคริสตชนทั้งหลาย ชีวิตนี้เรียบและง่า ยก็จริง แต่ก็เปี่ยมด้วยความแปลกประหลาด และซ่อนอยู่ภายใต้ความอัศจรรย์ เป็นการนำพระอาณาจักรของพระเป็นเจ้า เข้ามาในประวัติศาสตร์ของมนุษย์ และ “นำเอาพลานุภาพมายังทุกแง่มุมของชีวิตมนุษย์และสังคม ที่ถูกบาปและความตายครอบงำ” อาศัยพระ วาจาและพระราชกิจของพระองค์ โดยเฉพาะพระทรมาน การสิ้นพระชนม์ และการกลับคืนชีพของพระองค์ พระเยซูเจ้าทรงบันดาลให้พระประสงค์ของพระบิดาในอันที่จะทรงบันดาลให้พระประสงค์ของพระบิดา ในอันที่ทรงบันดาลให้คืนดีกับพระองค์ได้สำเร็จไป หลั งจากที่บาปกำเนิดได้ตัดความสัมพันธ์ระห่างผู้สร้างกับมนุษย์ที่พระองค์รงสร้างให้ขาดสะบั้นไป ขณะที่ทรงถูกตรึงกางเขนอยู่นั้น พระองค์ทรงแบกบาปของโลกไว้ ทั้งในอดีต ปัจจุบัน และอนาคต นักบุญเปาโลเตือนเราว่า เราได้ตายไปเนื่องจากบาปของเรา แต่การสิ้น พระชนม์ของพระองค์ได้บันดาลให้เรากลับมีชีวิตขึ้นมาใหม่ “พระเป็นเจ้าทรงบันดาลให้เรามีชีวิตพร้อมกับพระองค์ หลังจากที่ได้ทรงยกเลิกพันธะที่เป็นโทษต่อเรา รวมทั้งผลทางกฎบัญญัติ” (คส.2:13-14) ด้วยวิธีนี้ ความรอดจึงมีความมั่นคงถาวรตลอดไป พระเ ยซูเจ้าทรงเป็นพระผู้ไถ่ของเราอย่างครบถ้วน เหตุว่าพระวาจาและสิ่งที่พระองค์ได้ทรงกระทำ โดยเฉพาะการกลับคืนพระชนม์จากความตายของพระองค์นั้น ได้เผยแสดงว่า พระองค์คือพระบุตรของพระเป็นเจ้า ทรงเป็นพระ-วจนาถผู้ประทับอยู่ก่อนกาลเวลา และจะ ทรงครองราชย์ตลอดนิรันดร ในฐานะที่ทรงเป็นพระเป็นเจ้าและพระเมสสิยาห์

พระบุคคลและพระพันธกิจแห่งพระบุตรของพระเป็นเจ้า

สิ่งซึ่งเป็น “ที่สะดุด” ของคริสตศาสนาก็คือ ความเชื่อที่ว่า พระเป็นเจ้าผู้ทรงไว้ซึ่ งความศักดิ์สิทธิ์ ทรงพลังอันสูงส่ง และทรงรอบรู้ทุกสิ่ง แต่ทรงกลับมารับสภาพธรรมชาติมนุษย์ ทรงรับทนทรมานและสิ้นพระชนม์ เพื่อให้ได้มาซึ่งความรอดของมวลมนุษย์ (ดู 1คร.1:23) ความเชื่อที่เราได้รับไว้นั้น ประกาศว่าพระเยซูคริสตเจ้าได้เผยแสดง และทร งดลบันดาลให้แผนการกอบกู้โลกและมนุษยชาติได้สำเร็จลุล่วงไป เนื่องจาก “ผู้ที่พระองค์ทรงเป็น” และ “สิ่งที่พระองค์ทรงกระทำเพราะผู้ที่พระองค์ทรงเป็น” “ผู้ที่พระองค์ทรงเป็น” และ “สิ่งที่พระองค์ทรงกระทำ” จะมีความหมายเต็มที่ได้ก็ ภายใต้กรอบของพระเป็นเจ้าสามพระบุคคล ตลอดระยะเวลาที่ข้าพเจ้าทำหน้าที่เป็นผู้นำพระศาสนจักร ข้าพเจ้าห่วงใยและหมั่นเตือนบรรดาสัตบุรุษ ถึงชีวิตความเป็นหนึ่งเดียวของพระตรีเอกภาพ และความเป็นหนึ่งของทั้งสามพระบุคคลในแผนการสร้างและไถ่บา ปโลก ในสมณสาสน์ “พระผู้ทรงไถ่มนุษย์” “พระเมตตาอันยิ่งใหญ่” และ “พระเป็นเจ้าและผู้ทรงประทานชีวิต” เป็นการรำพึงพิจารณาถึงพระบุตร พระบิดาและพระจิตตามลำดับ  และถึงบทบาทของทั้งสามพระบุคคลที่ได้รับการเผ ยแสดง ภายในชีวิตและกิจกรรมของพระตรีเอกภาพ กิจกรรมแห่งการไถ่กู้ของพระเยซูเจ้านั้น มีจุดเริ่มต้นมาจากความเป็นหนึ่งเดียวในพระเป็นเจ้า และเปิดทางให้บรรดาผู้ที่เชื่อในพระองค์ ได้เป็นหนึ่งเดียวกันอย่างใกล้ชิดก ับพระตรีเอกภาพ และใกล้ชิดซึ่งกันและกันในพระตรี-เอกภาพ “ผู้ที่ได้เห็นเรา ก็ได้เห็นพระบิดา” (ยน.14:9) พระเยซูเจ้าทรงประกาศไว้ดังนั้น ความเป็นพระเป็นเจ้าอย่างครบบริบูรณ์ ในรูปแบบของร่างกาย รวมอยู่ในพระเยซูคริสตเจ้าเท่านั้น ซึ่ งบันดาลให้พระองค์ทรงเป็นพระวจนาถของพระเป็นเจ้า   ผู้ทรงประทานความรอดที่พิเศษและสูงสุด (ดู ฮบ.1:1-4) ในฐานะที่ทรงเป็นพระวจนาถอันแท้จริงของพระบิดา พระเยซูเจ้าทรงเผยแสดงพระเป็นเจ้าและพระประสงค์ของพระองค์ ที่จะทรงให้ความรอดเป็น ที่รู้จักกันอย่างครบบริบูรณ์ที่สุด พระเยซูเจ้าตรัสว่า  “ไม่มีผู้ใดไปหาพระบิดาได้ นอกจากจะผ่านทางเรา” (ยน.14:6) พระองค์คือ “หนทาง ความจริง และชีวิต” (ยน.14:6) เหตุ ว่าพระองค์ตรัสไว้เองว่า “พระบิดาผู้ประทับอยู่ในเรา ทรงประกอบพระภารกกิจของพระองค์ให้แก่เรา” (ยน.14:10) พระวาจาแห่งความรอดของพระเป็นเจ้า ปรากฏอย่างครบบริบูรณ์ในพระบุคคลของพระเยซูเจ้าเท่านั้น เป็นการนำเข้าไปสู่ยุคสุดท้าย (ดู ฮบ.1:1-2) ดังนั้น ในช่วงเริ่มต้นของพระศาสนจักร นักบุญเปโตรจึงกล่าวได้ว่า “ไม่มีความรอดในผู้ใดอีกแล้ว เหตุว่าไม่มีนามใดภายใต้ฟ้าสวรรค์ ซึ่งได้ทรงประทานให้แก่มวลมนุษย์ ซึ่งจะช่วยให้เราบรรลุถึงความรอดได้” (กจ.4:12)

พระพันธกิจขององค์พระผู้ไถ่บรรลุถึงจุดสูงสุดในรหัสธรรมปัสกา เมื่อพระเยซูเจ้ า “ทรงกางพระกรระหว่างสวรรค์กับแผ่นดิน เป็นเครื่อง-หมายตลอดนิรันดรถึงพันธสัญญาของพระบิดา บนกางเขนนั้น พระองค์ทรงอธิษฐานภาวนาวอนขอเป็นครั้งสุดท้าย ให้พระบิดาเจ้าทรงยกโทษบาปของมนุษยชาติ “พระบิดาเจ้าข้า โปรดได้ทรงอภัยโทษพวกเขา ด้วยเถิด เหตุว่าพวกเขาไม่รู้ว่าเขากำลังทำอะไร” (ลก.23:34) พระเยซูเจ้าทรงทำลายบาป อาศัยพลังแห่งความรัก ที่ทรงมีต่อพระบิดาและต่อมนุษยชาติ ทรงรับเอาบาดแผลที่มนุษย์ได้รับ อันเป็นผลมาจากบาปมาเป็นของพระองค์เอง พระองค์ทรงบันดาลให้พวกเขา หลุดพ้นบาปด้วยการกลับใจ ดังจะเห็นผลแรกได้ ในการกลับใจของโจรที่ถูกตรึงบนกางเขนเคียงข้างพระองค์ (ดู ลก.23:43) พระดำรัสสุดท้ายของพระองค์ เป็นเสียงร้องของพระบุตรผู้ซื่อสัตย์ “พระบิดาเจ้าข้า ลูกขอมอบจิตวิญญาณของลูกไว้ในพระหัตถ์ของพระอง ค์” (ลก.23:46) ในการสำแดงออกซึ่งความรักอันสูงส่งนี้ พระองค์ทรงมอบพระชนม์ชีพทั้งสิ้นตลอดจนพระพันธกิจของพระองค์   ไว้ในพระหัตถ์ของพระบิดาผู้ทรงส่งพระองค์มา พระองค์จึงได้ทรงมอบบรรดาสิ่งสร้างทั้งหลายและมวลมนุษยชาติ  เพื่อในที่สุดพระบิดาจะได้ทรงรับพระองค์ไว้ในความรัก อันเปี่ยมด้วยพระเมตตา

ทุกสิ่งที่พระบุตรทรงเป็นอยู่ และได้ทรงกระทำให้สำเร็จไปนั้น พระบิดาได้ทรงรั บไว้แล้ว และทรงมอบพระพรให้แก่โลกทั้งโลก ด้วยการทรงบันดาลให้พระเยซูเจ้ากลับคืนพระชนม์จากความตาย และทรงให้พระองค์ท่านประทับอยู่เบื้องขวา ณ ที่นั้น บาปและความตายจะไม่มีอิทธิพลอีกต่อไปแล้ว อาศัยบูชาปัสกาของพระเยซูเจ้า พระบิดาทรงม อบการคืนดีและชีวิตอันครบบริบูรณ์ให้แก่โลก อย่างไม่มีวันเลือนลาง พระพรพิเศษนี้จะมาถึงเราได้ก็โดยอาศัยพระบุตรสุดที่รัก เหตุว่าพระองค์เท่านั้นที่จะสามารถทรงตอบสนองความรักของพระบิดาเจ้าได้อย่างครบบริบูรณ์ คว ามรักซึ่งบาปได้ปฏิเสธไปในองค์พระเยซูคริสตเจ้า เดชะพระอานุภาพของพระจิต เราจึงมาทราบว่า พระเป็นเจ้ามิได้ประทับอยู่ห่างไกล หรือประทับอยู่สูงกว่าและแยกพระองค์ออกจากมนุษย์เลย แต่ทรงประทับอยู่อย่างใกล้ชิด อ ันที่จริงพระองค์ชิดสนิทเป็นหนึ่งเดียวกับทุกคน และกับมนุษย์ชาติในทุกกรณีของชีวิต นี่คือข่าวดีที่คริสตศาสนามอบให้แก่โลก และเป็นแหล่งที่มาแห่งความอบอุ่นใจ และความหวังอันหาที่เปรียบมิได้ สำหรับผู้ที่มีความเชื่อทุกคน

พระเยซูคริสตเจ้า : องค์ความจริงแห่งมนุษยชาติ

สภาพมนุษย์ของพระเยซูเจ้า และรหัสธรรมอันสูงส่งแห่งการมาบังเกิดเป็นมนุษย์ แห่งองค์พระบุตรของพระบิดา ได้ฉายแสงความสว่างมายังสภาพความเป็นอยู่ของมนุษย์อย่างไร? พระบุตรของพระเป็นเจ้าเสด็จมารับสภาพมนุษย์ มิใช่เพื่อเพียงแต่ทรงเผยพระบิดาและแผนการไถ่กู้อย่างครบบริบูรณ์เท่านั้น แต่พระองค์ยังทรง “เผยแสดงมนุษย์ใ ห้แก่พระองค์เองอย่างครบสมบูรณ์” พระวาจาและพระภารกิจของพระองค์ และเหนือสิ่งอื่นใด การสิ้นพระชนม์และการกลับคืนชีพของพระองค์ เป็นการแสดงอย่างลึกซึ้งว่า การเป็นมนุษย์นั้นมีความหมายอย่างไร ในที่สุดมนุษย์ก็สามารถรู้ความจริงเกี่ยวกับตัวเอง อา ศัยพระเยซูเจ้า ชีวิตมนุษย์อันครบถ้วนของพระเยซูเจ้า ชีวิตที่ทรงอุทิศเพื่อความรักและรับใช้พระบิดาและมนุษย์โดยสิ้นเชิงนี้ เผยแสดงว่ากระแสเรียกของมนุษย์ทุกคนก็คือการรับความรักและการมอบความรักเป็นการตอบแทน ในพระเยซูเจ้า เราได้รับความประทั บใจว่า ดวงใจมนุษย์สามารถรักพระเป็นเจ้าและมนุษย์ได้อย่างไม่มีขอบเขต แม้จะมีความทุกข์ทรมานมากมายเป็นผลตามมาก็ตาม เหนือสิ่งอื่นใด บนกางเขนนั่นเองที่พระเยซูเจ้าทรงทำลายพลังของการต่อต้านความรัก ซึ่งทำลายตนเอง อันเป็นผลจากบาปมาถึงตั วเราเอง ในส่วนของพระองค์นั้น พระบิดาเจ้าก็ทรงตอบสนองด้วยการทรงบันดาลให้พระเยซูเจ้าทรงกลับคืนพระชนม์ อันเป็นผลแรก ของบรรดาผู้ที่ถูกกำหนดไว้ล่วงหน้าให้ละม้ายคลายองค์พระบุตร (ดู รม.8:29) ในเวลานั้น พระเยซูเจ้าทรงเป็นทั้งพระผู้เผยแสดง และผลสำเร็จของมนุษยชาติที่ถูกสร้างขึ้นมาใหม่ และได้รับการฟื้นฟูตามแผนการณ์ของพระเป็นเจ้าตลอดไป ดังนั้นในพระเยซูเจ้า เราจึงได้พบกับความยิ่งใหญ่ และศักดิ์ศรีของมนุษย์แต่ละคนในดวงพระทัยของพระเป็นเจ้า ผู้ทรงสร้างมนุษย์มาตามพระฉายาของพร ะองค์ (ดู ปฐก.1:26) และเราได้พบจุดเริ่มต้นของการสร้างใหม่ และเรานั่นเองคือผลงานชิ้นนั้น อาศัยพระหรรษทานของพระองค์

สภาพระสังคายนาวาติกันที่สองสอนว่า “การบังเกิดเป็นมนุษย์ของพระองค์ เปรีย บเสมือนการที่พระบุตรของพระเป็นเจ้า ทรงผูกมัดพระองค์เองไว้กับมนุษย์แต่ละคน อาศัยความเข้าใจอันลึกซึ้งนี้ บรรดาสมาชิกของสมัชชามองเห็นแหล่งที่มาอันสูงส่ง แห่งความหวังและพลังสำหรับประชาชนเอเซีย ในการต่อสู้และในท่ามกลางความไม่แน่นอน เมื่ อชายหญิงขานตอบการเชิญแห่งความรักของพระเป็นเจ้า ด้วยความเชื่ออันมีชีวิตชีวา การประทับอยู่ของพระเป็นเจ้าในท่ามกลางเรา นำความรักและสันติมาให้ ทั้งยังเปลี่ยนแปลงจิตใจของมนุษย์อีกด้วย ในสมณสาสน์พระพันธกิจขององค์พระผู้ไถ่ ข้าพเจ้ าเขียนไว้ว่า “การไถ่กู้โลก รหัสธรรมความรักอันยิ่งใหญ่นี้ ซึ่งเป็นเหตุให้บรรดาสิ่งสร้างได้รับการฟื้นฟู มีความยุติธรรมอย่างครบครันฝังรากลึกอยู่ในดวงใจของมนุษย์ กล่าวคือดวงพระทัยของพระบุตรผู้ทรงบังเกิดเป็นบุคค ลแรก เพื่อจะได้ทรงเป็นความยุติธรรมในดวงใจของมนุษย์อีกหลายคน ซึ่งพระเป็นเจ้าได้ทรงกำหนดไว้แต่นิรันดรในองค์พระบุตร ผู้ทรงบังเกิดเป็นพระองค์แรก ให้เป็นบุตรของพระเป็นเจ้า และได้เรียกให้ไปสู่พระหรรษทานและไปสู่ความรัก”

ดังนั้น พระพันธกิจของพระเยซูเจ้า มิได้เพียงบันดาลให้พระเป็นเจ้ากับมนุษยชา ติเป็นหนึ่งเดียวกันเท่านั้น แต่ยังเป็นการก่อสร้างความเป็นหนึ่งเดียวกันในระหว่างมนุษย์ที่แตกแยกจากกันเนื่องจากบาปนั้น ให้ได้รับการฟื้นฟูขึ้นมาใหม่ พระเยซูเจ้าทรงบันดา ลให้ประชาชนสามารถเจริญชีวิตเป็นพี่เป็นน้องกันได้ โดยทรงข้ามเขตการแบ่งแยกทั้งหลาย และให้มนุษย์ทุกคนน้อมรับพระบิดาแต่เพียงพระองค์เดียว ผู้ประทับอยู่ในสวรรค์ (ดู มธ.23:9) ความปรองดองกลมเกลียวใหม่ได้บังเกิดขึ้น ซึ่ง “ไม่มีความแตกต่างระหว่ างชาวยิวกับชาวกรีก... ระหว่างผู้ที่เป็นทาสกับผู้ที่เป็นไท... ระหว่างชายกับหญิง เหตุว่าท่านเป็นหนึ่งเดียวกัน ทั้งยังทรงทำลายกำแพงแห่งความเป็นอริต่อกันที่มากั้นเราไว้” (อ ฟ.2:14) ทุกสิ่งที่พระเยซูเจ้าได้ตรัสและได้ทรงกระทำ ก็ทรงเป็นพระสุรเสียงของพระบิดา ทรงเป็นพระหัตถ์และพระกร ที่ทรงรวบรวมบรรดาบุตรทั้งหลายของพระเป็นเจ้า ให้มาเป็นครอบครัวแห่งความรักเดียวกัน พระองค์ทรงอธิษฐานภาวนาให้สาวกของพระองค์ด ำรงชีวิตอยู่ ในความเป็นหนึ่งเดียวกัน ดังที่พระองค์ทรงเป็นหนึ่งเดียวกับพระบิดา (ดู ยน.17:11) ในบรรดาพระดำรัสสุดท้ายของพระองค์ เราได้ยินพระองค์ตรัสว่า “พระบิดาท รงรักเราอย่างไร เราก็ได้รักท่านเช่นนั้น จงดำรงอยู่ในความรักของเรา... นี่คือบัญญัติของเรา ให้ท่านรักกันและกัน ดังที่เรารักท่าน” (ยน.15:9,12) พระเป็นเจ้าแห่งความเป็นห นึ่งเดียว ได้ทรงส่งพระองค์มา และในฐานะที่ทรงเป็นพระเป็นเจ้าแท้และมนุษย์แท้ พระเยซูเจ้าก็ได้ทรงริเริ่มความเป็นหนึ่งเดียวกัน ระหว่างสวรรค์และแผ่นดิน ในพระบุคคลข องพระองค์ เราเชื่อว่า “เพราะว่าพระเจ้าทรงพอพระทัยให้ความบริบูรณ์ทั้งสิ้นประทับอยู่ในพระคริสตเจ้า และให้สรรพสิ่งกลับคืนดีกับพระเจ้า โดยทางพระองค์ พระคริสตเจ้าทร งโปรดให้ทุกสิ่งมีสันติ อาศัยพระโลหิตที่ทรงหลั่งบนไม้กางเขนของพระองค์ ไม่ว่าจะเป็นสิ่งที่อยู่บนแผ่นดินหรือในสวรรค์” (คส.1:19-20) เราจะพบความรอดได้ในพระบุคคลขององค์พระบุตรของพระเป็นเจ้า ผู้ทรงบังเกิดเป็นมนุษย์ และในพระพันธกิจ ซึ่งพระองค์แ ต่เพียงพระองค์เดียวเท่านั้น ที่ได้ทรงรับไว้ในฐานะพระบุตร เป็นพระพันธกิจแห่งการรับใช้และความรัก เพื่อบันดาลชีวิตให้ทุกคน พระศาสนจักรในเอเซียประกาศความจริงแห่งความเชื่อร่วมกับพระศาสนจักรทั่วโลกว่า “มีพระเป็นเจ้าแต่เพียงพระองค์เดียว และร ะหว่างพระเจ้ากับมนุษย์ก็มีคนกลางแต่เพียงผู้เดียว ซึ่งเป็นมนุษย์คือพระคริสตเยซู ผู้ได้ทรงมอบพระองค์เองให้เป็นค่าไถ่สำหรับมนุษย์ทุกคน” (1ทธ.2:5-6)

ความรอดหนึ่งเดียว และสากลในพระเยซูเจ้า

สมาชิกของสมัชชาระลึกถึงพระวจนาถผู้ประทับอยู่ก่อนกาลเวลา พระบุตรผู้ทรง บังเกิดจากพระบิดาก่อนกาลเวลา “ทรงประทับอยู่แล้วในบรรดาสิ่งสร้าง ในประวัติศาสตร์ และในความหิวกระหายคุณความดีที่มีอยู่ในมนุษย์ทุกคน” อาศัยพระวจนาถผู้ประทับอยู่เหนือจักรวาล แม้ก่อนที่จะทรงบังเกิดเป็นมนุษย์ และก่อนที่โลกของเราจะบังเกิดขึ้น ( ดู ยน.1:1-4,10 คส.1:15-20) แต่ในพระวจนาถผู้ทรงบังเกิดเป็นมนุษย์ ผู้ทรงดำรงชีพ สิ้นพระชนม์ และทรงกลับคืนพระชนม์ พระเยซูคริสตเจ้า ทรงได้รับการประกาศว่า พระองค์คือพระผู้ทรงบันดาลให้ประวัติศาสตร์ทั้งสิ้น และความปรารถนาที่จะได้รับชีวิตอย่างค รบถ้วน ได้สำเร็จเป็นจริงขึ้นมา พระเยซูคริสตเจ้าผู้ทรงกลับคืนพระชนม์จากความตาย “ทรงประทับอยู่กับทุกคน และประทับอยู่กับสิ่งสร้างทั้งหลาย ในรูปแบบที่ใหม่และลึกลับ” “คุณค่าอันแท้จริงของศาสนา และขนบธรรมเนียมประเพณีต่างๆ เช่น ความเมตตากรุณ า การน้อมรับน้ำพระทัยของพระเป็นเจ้า ความเอื้ออาทร ความเด็ดเดี่ยว ความไม่รุนแรง ความถูกต้อง ความศรัทธาต่อบรรพบุรุษ และความกลมกลืนกับธรรมชาติ สิ่งเหล่านี้จะครบสมบูรณ์และเป็นความจริงขึ้นมาได้ ก็ในพระองค์เท่านั้น ตั้งแต่แรกเริ่มแห่งกาลเวลา จนถึงวันสิ้นสุดกาลเวลา พระเยซูเจ้าทรงเป็นบุคคลกลางเพียงพระองค์เดียวในจักรวาล แม้สำหรับผู้ที่มิได้ประกาศความเชื่อในพระองค์ ว่าทรงเป็นองค์พระผู้ไถ่อย่างชัดเจนก็ตาม ความรอดก็ยังเป็นพระหรรษทานจากพระเยซูคริสตเจ้า อาศัยการทรงนำของพระจิตเจ้า

เราเชื่อว่า พระเยซูคริสตเจ้า พระเป็นเจ้าแท้และมนุษย์แท้ ทรงเป็นพระผู้ไถ่แต่เ พียงพระองค์เดียว เหตุว่าพระองค์ผู้ทรงเป็นพระบุตรพระองค์ผู้เดียวเท่านั้น ผู้ทรงบันดาลให้แผนการไถ่กู้โลกสำเร็จไปได้ ในฐานะที่ทรงเป็นผู้ทรงเปิดเผยรหัสธรรมแห่งความรักของพระบิดาเจ้าสำหรับทุกคนอย่างชัดเจน พระเยซูเจ้าทรงเป็นพระบุคคลพิเศษอย่างแ ท้จริง แต่เพียงพระองค์เดียว “เนื่องจากความพิเศษสุดของพระคริสตเจ้านี้เอง ที่บันดาลให้พระองค์ทรงเป็นความหมายแท้จริงและสากล แม้พระองค์จะทรงเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์ แต่ก็ยังทรงเป็นศูนย์กลางและจุดหมายปลายทางของประวัติศาสตร์ทั้งสิ้น”

ไม่มีบุคคลใด ชาติใด วัฒนธรรมใด ที่จะไม่ยอมรับรู้การขอร้องของพระเยซูเจ้า จากจุดศูนย์กลางแห่งสภาพความเป็นมนุษย์ “พระชนม์ชีพของพระองค์ การเป็นมนุษย์ของพระองค์ ความซื่อสัตย์ต่อความจริงของพระองค์ ความรักอันครอบคลุมทั่วไปของพระองค์ ล้วนบ่งบอก นอกจากนั้น การสิ้นพระชนม์บนกางเขนของพระองค์ ยังป่าวประกาศ ก ล่าวคือ จากห้วงลึกอันหยั่งไม่ถึงแห่งความทุกข์ทรมาน และการถูกทอดทิ้งของพระองค์” เมื่อพิจารณาถึงสภาพความเป็นมนุษย์ของพระองค์ ประชาชนชาวเอเซียก็ได้รับคำตอบต่อคำถามอันลึกซึ้งของพวกเขา เขาพบว่า ความหวังของพวกเขาได้สำเร็จไป ศักดิ์ศรีของ พวกเขาได้รับการยกย่อง และพวกเขาเอาชนะความหมดหวังของเขาได้แล้ว พระเยซูเจ้าคือข่าวดีสำหรับชายหญิง ของทุกกาลเวลาและสถานที่ ที่แสวงหาความหมายของชีวิต และความจริงเกี่ยวกับความเป็นมนุษย์ของพวกเขาเอง