2590 การภาวนาคือการยกจิตใจขึ้นไปหาพระเป็นเจ้า หรือเป็นการขอร้องสิ่งที่ดีจากพระเป็นเจ้า
(น. ยอห์น ดามัสซีน)
2591
พระเป็นเจ้าไม่ทรงรู้จักเหน็ดเหนื่อยที่จะเรียกทุกๆ คน ให้พบกับพระองค์อย่างลึกซึ้ง การภาวนาเผยแสดงประวัติศาสตร์แห่งการช่วยให้รอด เสมือนเป็นการเรียกซึ่งกันและกันระหว่างพระเป็นเจ้าและมนุษย์
2592 การภาวนาของอับราฮัมและของยาโคบ แสดงออกถึงการต่อสู้ของความเชื่อโดยไว้วางใจในความซื่อสัตย์ของพระเป็นเจ้า
และมีความเพียรพยายาม เพราะมั่นใจในชัยชนะที่พระเป็นเจ้าทรงสัญญาไว้
2593
การภาวนาของโมเสสเป็นการตอบสนองต่อความริเริ่มของพระเป็นเจ้าผู้ทรงชีวิตเพื่อความรอดพ้นของประชากรของพระองค์ เป็นรูปแบบล่วงหน้าของการภาวนาอ้อนวอนของคนกลางแต่ผู้เดียว คือ พระเยซูคริสตเจ้า
2594การภาวนาของประชากรพระเป็นเจ้าได้พัฒนาในร่มเงาที่ประทับของพระเป็นเจ้าบนแผ่นดิน หีบพันธสัญญาและพระวิหาร
ภายใต้การนำของนายชุมพาบาล โดยเฉพาะกษัตริย์ดาวิดและบรรดาประกาศก
2595 บรรดาประกาศกได้รวบรวมประชาชนให้กลับใจ และขณะที่กำลังแสวงหาพระพักตร์พระเป็นเจ้าอย่างร้อนรนเหมือนเอลียาห์ พวกเขาได้วอนขอเพื่อประชาชน
2596 บทเพลงสดุดีถือเป็นงานชิ้นเอกของการภาวนาในพันธสัญญาเดิม มีสองลักษณะที่แยกกันไม่ได้ คือแง่ส่วนบุคคลและส่วนรวม
บทสดุดีครอบคลุมทุกแง่มุมในประวัติศาสตร์ ช่วยให้สำนึกถึงพระสัญญาที่ได้สำเร็จแล้วและมุ่งหน้าถึงการเสด็จมาของพระเมสสิยาห์
2597
บทเพลงสดุดีเป็นองค์ประกอบสำคัญและถาวรของการภาวนาของพระศาสนจักร เพราะพระคริสตเจ้าได้ภาวนาและทำให้สมบูรณ์ในพระองค์ บทเพลงสดุดีเหมาะสมสำหรับมนุษย์ทุกสภาพชีวิตและทุกเวลา
|