หน้าหลักเช็คเมลล์ติดต่อเราสมุดเยี่ยมลิงค์คาทอลิกแผนผังเวบไซด์

ค้นหาข้อมูล :

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

บทเพลงสดุดี การภาวนาของที่ชุมนุม

2585ภายหลังกษัตริย์ดาวิด จนกระทั่งถึงการเสด็จมาของพระเมสสิยาห์ หนังสือศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ บรรจุตำราการภาวนาซึ่งเป็นประจักษ์พยานว่าการภาวนานั้นมีการทำให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น เป็นการภาวนาเพื่อตนเองและเพื่อผู้อื่น (อสร.9:6-15; นฮม.1:4-11;  ยนา.2:3-10; ทบต.3:1-16;  ยดธ.9:2-14) บทเพลงสดุดีนั้น ได้มีการรวบรวมกันทีละเล็กทีละน้อย เป็นหนังสือห้าเล่ม เป็นบทเพลงสดุดี (หรือบทสรรเสริญ) งานชิ้นเอกของการภาวนาในพันธสัญญาเดิม

2586บทเพลงสดุดีนั้น หล่อเลี้ยงและแสดงออกถึงการภาวนาของประชากรพระเจ้าในที่ชุมนุม ในโอกาสงานฉลองอย่างสง่าที่กรุงเยรูซาเล็ม และทุกวันสับบาโตในศาลาธรรม การภาวนานี้เป็นทั้งส่วนตัวและของชุมชน มุ่งถึงบรรดาผู้ซึ่งภาวนาและมนุษย์ทั้งปวง บทสดุดีมาจากชุมชนแห่งแผ่นดินศักดิ์สิทธิ์  และจากชุมชนที่กระจัดกระจายอยู่ทั่วไป (DIASPORA) แต่ก็ครอบคลุมการสร้างโลกทั้งมวล บทภาวนาทำให้ระลึกถึงเหตุการณ์ต่างๆ แห่งความรอดในอดีตและแผ่ขยายไปถึงอนาคตแม้ช่วงสุดท้ายของประวัติศาสตร์ ทำให้รำลึกถึงพระสัญญาต่างๆ ของพระเจ้าที่ได้ทำให้เห็นจริงแล้ว และรอคอยพระเมสสิยาห์ซึ่งจะทำให้สำเร็จสมบูรณ์อย่างแน่นอน พระคริสตเจ้าได้ภาวนาและทำให้เห็นจริงในพระองค์ บทสดุดียังคงมีความสำคัญสำหรับการภาวนาของพระศาสนจักร

2587หนังสือบทเพลงสดุดีนั้นเป็นพระวาจาของพระเจ้ากลายเป็นบทภาวนาของมนุษย์ ในหนังสือเล่มอื่นๆ ของพันธสัญญาเดิมนั้น "ถ้อยคำต่างๆ อ้างถึงผลงาน"  (ของพระเจ้า) "และทำให้ธรรมล้ำลึกที่บรรจุอยู่ในนั้นชัดเจนขึ้น" (การเผยความจริงของพระเจ้า ข้อ 2) คำในเพลงสดุดีแสดงถึงการร้องเพลงถวายพระเป็นเจ้า ทั้งเป็นการแสดงออกและประกาศงานช่วยกอบกู้ขององค์พระผู้เป็นเจ้า พระจิตองค์เดียวกันที่ทรงดลใจการกระทำของพระเป็นเจ้าและการตอบรับของมนุษย์ พระคริสต-เจ้าจะทรงรวมทั้งสองให้เป็นหนึ่งเดียวกัน ในพระองค์เพลงสดุดีก็มิได้หยุดที่จะสอนเราให้ภาวนา

2588ในเพลงสดุดีมีการภาวนาหลายสำนวนซ่อนอยู่ ทั้งในพิธีกรรมที่วัดและในหัวใจของมนุษย์ ไม่ว่าบทเพลงสดุดีหรือ การภาวนารำพัน  หรือกล่าวขอบพระคุณ ไม่ว่าการขอโดยส่วนตัวหรือส่วนรวม ไม่ว่าบทเพลงของกษัตริย์ บทเพลงการจาริกแสวงบุญ หรือเป็นการรำพึงแห่งปรีชาญาณ เพลงสดุดีเป็นกระจกกิจการอันน่าพิศวงของพระเป็นเจ้าในประวัติศาสตร์ของประชากรของพระองค์ และในฐานะมนุษย์ผู้มีประสบการณ์ชีวิตของผู้แต่งบทเพลงสดุดี เพลงสดุดีบทหนึ่งๆ สะท้อนถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมา เรียบง่ายที่มนุษย์ทุกสมัยและทุกสภาพสามารถภาวนาได้ในความจริง

2589   ลักษณะที่ปรากฏบ่อยๆ ในบทเพลงสดุดี คือ คำภาวนาที่เรียบง่ายและมาจากใจ ความปรารถนาหาพระเป็นเจ้าเองโดยทางและพร้อมกับทุกสิ่งซึ่งเป็นสิ่งสร้างเป็นสิ่งดี ในสภาพความเจ็บปวดของผู้มีความเชื่อ ที่ต้องเผชิญกับศัตรูและการทดลอง  แต่ก็ยังคงรักพระเป็นเจ้า  แต่เขารอคอยการกระทำของพระเป็นเจ้าผู้สัตย์ซื่อ ผู้แน่นอนในความรักของพระองค์ และมอบตนตามน้ำพระทัยของพระองค์ ภาวนาโดยเพลงสดุดีเป็นการสรรเสริญ และด้วยเหตุนี้หัวข้อของการรวบรวมที่เราได้รับจึงเหมาะสมคือ "การสรรเสริญ" ประกอบด้วยการคารวะสิ่งที่สูงสุดของที่ประชุม ซึ่งจะนำไปสู่การเชื้อเชิญให้ภาวนา  และการร้องรับ "Hallelu-Yah" (อัลเลลูยา) "จงสรรเสริญพระเป็นเจ้า"                                                                         

มีอะไรที่สวยงามกว่าบทสดุดีหรือ กษัตริย์ดาวิดเองก็ได้กล่าวว่า "จงสรรเสริญพระเป็นเจ้าเพราะบทสดุดีไพเราะดี จงสรรเสริญพระเป็นเจ้าด้วยความยินดีและพระพร" ซึ่งเป็นความจริง ความจริงบทสดุดีคือการถวายพรจากริมฝีปากของประชาชน การสรรเสริญพระเป็นเจ้า บทเพลงสรรเสริญของประชาชน การปรบมือ  ภาวนาเพื่อมวลชน เสียงของพระศาสนจักร การยืนยันความเชื่อด้วยบทเพลง (นักบุญอัมโบรส PL 14)