2382พระเยซูเจ้าทรงยืนยันถึงพระประสงค์ดั้งเดิมของพระผู้สร้าง ซึ่งประสงค์ให้การแต่งงานเลิกร้างไม่ได้ (เทียบ มธ.5:31-32;19:3-9; มก.10:9; ลก.16:18; 1คร.7:10-11)
พระองค์ทรงยกเลิกการเปลี่ยนแปลงในพระบัญญัติเดิม (เทียบ มธ.19:7-9)
ระหว่างผู้รับศีลล้างบาป "การแต่งงานที่ทำพิธีและมีเพศสัมพันธ์กันแล้ว ไม่อาจยกเลิกได้ด้วยอำนาจมนุษย์ใดๆ ยกเว้นความตาย" (กฎหมายพระศาสนจักร ม.1141)
2383การแยกกันของคู่สมรส ขณะยังคงรักษาสายสัมพันธ์ของการแต่งงานอยู่ก็อาจเป็นไปได้ตามกฎหมาย ในกรณีเฉพาะที่กฎหมายพระศาสนจักรรับรอง (เทียบ ม.1151-1155)
ถ้าการหย่าร้างทางบ้านเมืองเป็นวิธีการเดียวที่เป็นไปได้ ที่จะรับประกันสิทธิตามกฎหมายการดูแลลูกๆ หรือการพิทักษ์มรดก ก็สามารถยอมทนได้และไม่ก่อให้เกิดการผิดศีลธรรม
2384การหย่าร้างเป็นการทำผิดหนักต่อกฎธรรมชาติ มีการลบล้างข้อตกลงซึ่งสามีภรรยาได้กระทำโดยสมัครใจว่าจะอยู่ด้วยกันจนกว่าชีวิตจะหาไม่ การหย่าร้างทำลายพันธสัญญาแห่งความรอด
ซึ่งการแต่งงานในศีลศักดิ์สิทธิ์เป็นเครื่องหมายถึงการทำสัญญามีความผูกพันใหม่ แม้กฎหมายบ้านเมืองจะยอมรับก็เพิ่มการแตกร้าวให้หนักขึ้น คู่สามีภรรยาที่แต่งงานใหม่อยู่ในภาวะล่วงประเวณีแบบเปิดเผยและถาวร
ถ้าสามีแยกจากภรรยาของเขาไปหาหญิงอื่น เขามีชู้เพราะเขาทำให้สตรีคนนั้นผิดประเวณี และสตรีคนนั้นก็อาศัยอยู่กับเขาในฐานะเป็นชู้เพราะนางเอาสามีของคนอื่นมาเป็นของตน
(นักบุญบาซิล)
2385การหย่าร้างผิดศีลธรรมด้วย เพราะทำให้เกิดความไม่มีระเบียบในครอบครัวและในสังคม ความวุ่นวายนี้พาให้เกิดผลร้ายต่อคู่ชีวิตที่ถูกทอดทิ้ง
ต่อเด็กที่สะเทือนใจเพราะพ่อแม่แยกกัน และบ่อยๆ ทะเลาะกัน และเพราะส่งผลระบาดเหมือนโรคร้ายในสังคม
2386อาจเป็นไปได้ว่า คู่สมรสคนใดคนหนึ่งเป็นเหยื่อผู้บริสุทธิ์ของการหย่าร้างที่กฎหมายบ้านเมืองประกาศไว้ ดังนั้นคู่สมรสคนนี้มิได้ทำผิดกฎศีลธรรม
มีความแตกต่างเด่นชัดระหว่างคู่สมรสที่พยายามจะซื่อสัตย์ต่อศีลสมรสโดยจริงใจ แต่ถูกทอดทิ้งอย่างอยุติธรรมกับคนหนึ่ง ซึ่งทำลายการแต่งงานที่ถูกต้องตามกฎหมายพระศาสนจักร เพราะความผิดฉกรรจ์ของตน (เทียบ
ครอบครัวคริสตชน 84)
|