2366การสืบตระกูลนั้นเป็นพระพร เป็นจุดหมายของการแต่งงาน อันที่จริง โดยธรรมชาติ ความรักฉันสามีภรรยามุ่งสู่การมีบุตร
บุตรนั้นมิใช่การเสริมเติมเข้ามาจากภายนอกความรักซึ่งกันและกันของคู่สามีภรรยา แต่เกิดจากหัวใจของการเป็นของขวัญซึ่งกันและกันของทั้งสอง ซึ่งเป็นผลและความสำเร็จสมบูรณ์ของการมอบตนแก่กันและกัน ดังนั้น พระศาสนจักรซึ่ง
"ยืนเคียงข้างชีวิต" (บทบาทครอบครัวคริสตชนในโลกปัจจุบัน ข้อ 30) สั่งสอนว่า "เป็นสิ่งจำเป็นที่การแต่งงานทุกครั้งในตัวเองต้องเปิดไปสู่การถ่ายทอดชีวิต"
(พระสันตะปาปา เปาโล ที่ 6, ชีวิตมนุษย์ ข้อ 11) "ข้อความเชื่อเช่นนั้นได้รับการขยายความชี้แจงบ่อยๆ หลายครั้งโดยอำนาจหน้าที่สั่งสอนของพระศาสนจักร เป็นพื้นฐานความสัมพันธ์ที่แยกกันไม่ได้ ซึ่งพระเป็นเจ้าทรงประสงค์และมนุษย์ไม่สามารถทำลายการริเริ่มนี้ได้ ระหว่างความหมายสองประการของกิจกรรมของคู่สมรสนี้คือการเป็นหนึ่งเดียวและการสืบตระกูล" (ชีวิตมนุษย์ ข้อ 12)
2367ถูกเรียกมาให้ชีวิต เป็นการที่คู่สมรสมีส่วนร่วมในพลังแห่งการสร้างและความเป็นบิดาของพระเจ้า (เทียบ อฟ.3:14; มธ.23:9)
"ในหน้าที่ที่ต้องถ่ายทอดชีวิตและเป็นผู้อบรมลูก ซึ่งต้องถือเป็นหน้าที่โดยเฉพาะของสามีภรรยานั้น สามีภรรยารู้ว่าตนเป็นผู้ร่วมมือกับความรักของพระผู้สร้างเสมือนตัวแทนพระองค์
ฉะนั้น เขาจะปฏิบัติหน้าที่ของเขาด้วยความรับผิดชอบในฐานะเป็นมนุษย์และคริสต์"
(พระศาสนจักรในโลกสมัยนี้ ข้อ 50.2)
2368แง่มุมพิเศษของความรับผิดชอบเช่นนั้นมุ่งถึงกฎแห่งการให้กำเนิด คู่สมรสสามารถกำหนดช่วงเวลาให้กำเนิดบุตรของตนได้ตามเหตุจูงใจที่ถูกต้อง เป็นหน้าที่ต้องแสดงให้ชัดว่า
ความปรารถนาของเขานั้นไม่เป็นผลของความเห็นแก่ตัว แต่สอดคล้องกับความใจกว้างที่ถูกต้องของความเป็นบิดามารดาที่รับผิดชอบ นอกเหนือจากนี้ เขาจะควบคุมความประพฤติตามหลักเกณฑ์ของศีลธรรม
เพื่อจะให้ความรักของสามีภรรยาไม่ขัดกับการให้กำเนิดอย่างมีความรับผิดชอบ การกระทำใดจะถูกศีลธรรมหรือไม่ย่อมไม่สุดแล้วแต่เจตนาหรือการคำนึงถึงเหตุจูงใจที่ให้ทำอย่างเดียว
แต่ต้องกำหนดตามหลักเกณฑ์แน่นอนที่ได้จากการศึกษาธรรมชาติของมนุษย์กับธรรมชาติการกิจของมนุษย์ หลักเกณฑ์เหล่านี้บ่งชี้ความหมายของการแต่งงานว่าเป็นการมอบตัวให้แก่กันและกัน
และเป็นการให้กำเนิดมนุษย์ในบรรยากาศแห่งความรักแท้จริง เรื่องนี้จะเป็นไปได้หากถือความบริสุทธิ์ในชีวิตสมรสเท่านั้น" (พระศาสนจักรในโลกสมัยนี้ ข้อ 51.3)
2369"ถ้าพิจารณาดูสาระสำคัญของสองสิ่ง คือการเป็นหนึ่งเดียวกัน และการให้กำเนิดบุตร การกระทำฉันสามีภรรยารักษาความหมายแห่งความรักกันและกันที่แท้จริง
และการตอบสนองกระแสเรียกของมนุษย์สู่ความเป็นพ่อแม่คน" (ชีวิตมนุษย์ ข้อ 12)
2370การบังคับใจตนตามช่วงจังหวะเวลา นั่นคือ "วิธีคุมกำเนิดที่อาศัยการสังเกตด้วยตนเองและการใช้ช่วงเวลาที่ไม่ทำให้เกิดการปฏิสนธิ
สอดคล้องกับหลักเกณฑ์ทั่วไปของศีลธรรม" (เทียบ ชีวิตมนุษย์ ข้อ 16) วิธีเช่นนั้นเคารพเรือนร่างของคู่สมรส เอื้อให้เกิดความนุ่มนวลระหว่างกัน และสนับสนุนการให้การศึกษาไปสู่เสรีภาพที่แท้จริง ตรงข้าม
"กิจกรรมใดๆ ซึ่งไม่ว่าก่อนจะมีเพศสัมพันธ์ หรือในระหว่างกระบวนการนั้นหรือในเวลาที่ผลของมันกำลังพัฒนาขึ้นก็ตามนั้น มุ่งจะห้ามการแพร่พันธุ์มิให้เกิดขึ้น โดยตั้งการห้ามดังกล่าวเป็นเป้าหมาย หรือวิธีการก็ตาม
ถือเป็นสิ่งเลวทรามถึงแก่นของมัน" (ชีวิตมนุษย์ ข้อ 14)
"ในการคุมกำเนิดนั้น ได้นำเอาพฤติกรรมอย่างหนึ่งซึ่งขัดแย้งกับความจริง เพราะคนหนึ่งไม่ได้อุทิศตัวให้อีกคนหนึ่งโดยสิ้นเชิงอีกแล้วนั้น
นำมาใช้แทนพฤติกรรมอีกอย่างหนึ่ง ซึ่งตามธรรมชาติแล้วเป็นการแสดงออกถึงการอุทิศตัวให้แก่กันและกันระหว่างสามีภรรยาโดยสิ้นเชิง สิ่งที่เกิดขึ้นจากพฤติกรรมเช่นนี้คือ ไม่เพียงแต่เป็นการปฏิเสธชีวิตใหม่เท่านั้น
แต่เป็นการเบี่ยงเบนความจริงอันลึกซึ้งของความรักฉันสามีภรรยา ซึ่งควรจะเป็นการอุทิศตัวของบุคคลที่สมบูรณ์ ทั้งในระดับมนุษยวิทยาและในระดับจริยธรรม ความแตกต่างกันนี้สำคัญและลึกกว่าที่คิดกันโดยทั่วไป เพราะในที่สุด
มันส่อให้เห็นว่ามีทัศนะ 2 อย่างเกี่ยวกับความเป็นบุคคลและเพศมนุษย์ซึ่งไม่มีทางที่จะเข้ากันได้" (ครอบครัวคริสตชนในโลกปัจจุบัน ข้อ 32)
2371"ทุกคนควรจะตระหนักว่า การมีชีวิตของมนุษย์กับหน้าที่ถ่ายทอดชีวิตนั้นไม่ใช่สำหรับโลกนี้เท่านั้น เพราะโลกไม่สามารถวัดและเข้าใจได้
แต่ควรคำนึงถึงจุดหมายปลายทางชั่วนิรันดรของมนุษย์เสมอ" (พระศาสนจักรในโลกสมัยนี้ ข้อ 51.4)
2372รัฐนั้นรับผิดชอบความอยู่ดีกินดีของพลเมือง เป็นสิ่งถูกต้องที่ให้ริเริ่มวางเป้าหมายเพื่อกำหนดสภาพประชากรตามเรื่องนี้ สามารถทำไปโดยใช้วิธีการการให้ข้อมูลที่น่าเชื่อถือ
แต่ไม่ควรทำโดยการใช้อำนาจบังคับ รัฐไม่อาจทดแทนได้ถูกต้องต่อการริเริ่มของคู่สมรส ที่มีความรับผิดชอบเบื้องต้นในการสืบทอดชีวิตและให้การศึกษาบุตรของตน (เทียบ ชีวิตมนุษย์ ข้อ 23; การพัฒนาประชาชาติ 37) ในเรื่องนี้
รัฐไม่มีอำนาจที่จะใช้วิธีการที่ขัดแย้ง
|