เราเป็นพระเจ้าของเจ้า เป็นผู้นำพวกเจ้าออกมาจากประเทศอียิปต์ ให้พ้นจากการเป็นทาส "เจ้าต้องไม่มีพระอื่นเลยนอกจากเรา เจ้าต้องไม่ทำรูปเคารพไว้สำหรับตัว
ไม่ว่าจะเป็นรูปคนหรือสัตว์ที่อยู่ในท้องฟ้า หรือในโลก หรือในน้ำใต้บาดาล เจ้าต้องไม่กราบไหว้รูปเคารพใดๆ หรือนมัสการรูปเหล่านั้น" (อพย.20:2-5)
มีเขียนไว้ว่า "จงไหว้นมัสการพระผู้เป็นเจ้าของเจ้า และปรนนิบัติพระองค์แต่ผู้เดียวเท่านั้น" (มธ.4:10)
1. จงกราบไหว้องค์พระเจ้า พระเจ้าของท่านและปรนนิบัติพระองค์
2084 พระเจ้าทรงทำให้เป็นที่รู้จักโดยทำให้ระลึกถึงการกระทำอันทรงฤทธิ์ของพระองค์ ทรงปรารถนาและเป็นผู้ปลดปล่อยให้เป็นอิสระในประวัติศาสตร์ของผู้ซึ่งมีการหันไปหาว่า
"เราได้ทำให้เจ้าออกจากแผ่นดินอียิปต์ จากแดนทาส" พระวจนะแรกบรรจุพระบัญญัติประการแรกแห่งธรรมบัญญัติ "จงยำเกรงพระเจ้าของท่านแต่องค์เดียว จงกราบไหว้พระองค์... อย่ากราบไหว้พระอื่น" (ฉธบ.6:1-14) การเรียกครั้งแรกและข้อเรียกร้องที่ถูกต้องของพระเจ้าคือ ให้มนุษย์ยอมรับและกราบไหว้นมัสการพระองค์
2085 พระเจ้าองค์เดียวและเที่ยงแท้ทรงเผยแสดงพระสิริของพระองค์แก่ประชาอิสราเอล
ก่อนอื่นใดหมด การเผยแสดงกระแสเรียกและความจริงของมนุษย์ได้เชื่อมโยงกับการเผยแสดงของพระเจ้า มนุษย์มีกระแสเรียกที่จะสำแดงพระเจ้าโดยการปฏิบัติให้สอดคล้องกับการได้ถูกสร้างมา "ตามพระฉายาของพระเจ้า"
จะไม่มีพระเจ้าองค์อื่นใดเลย ตรีโฟนเอ๋ย และไม่ได้เคยมีมาตั้งแต่เริ่มแรกแล้ว... นอกเหนือจากพระองค์ผู้ซึ่งได้ทรงสร้างและจัดระเบียบจักรวาล เราไม่คิดว่า
พระเจ้าของเราแตกต่างจากของท่าน เป็นพระองค์เองซึ่งได้ทรงทำให้บรรพบุรุษของท่านออกจากอียิปต์ "ด้วยพระหัตถ์ทรงฤทธิ์และทรงกางแขนออก" เราไม่มอบความไว้วางใจของเราในพระองค์อื่นใด - ไม่มีพระองค์อื่นใด -
แต่ในพระเจ้าองค์เดียวกันนี้ซึ่งท่านไว้วางใจนั้นเป็นพระเจ้าของอับราฮัม อิสอัคและยาโคบ
2086ในการยืนยันชัดแจ้งของพระเจ้าว่า "เราคือองค์พระเจ้า พระเจ้าของท่าน" ได้รวมอยู่ในพระบัญญัติแห่งความเชื่อ ความไว้ใจและความรักแล้ว อันที่จริง ถ้าเรายอมรับว่า
พระองค์คือพระเจ้า และกล่าวคือทรงอยู่นิรันดร์ ไม่เปลี่ยนแปลง เท่าเทียมกันกับพระองค์เองเสมอเป็นนิตย์ เราก็ยังยืนยันกับสิ่งนั้น คือ ทรงเป็นองค์ความสัจจะไม่มีที่สิ้นสุด
ดังนั้นก็ตามมาที่จะต้องรับพระวจนะของพระองค์และยึดติดกับพระบัญญัติของพระองค์ด้วยการยอมรับอำนาจของพระองค์อย่างเต็มเปี่ยม นอกเหนือจากนี้ ถ้าพระองค์ทรงเป็นพระเจ้าเราก็ยอมรับรู้ความมีสรรพฤทธิ์ ความดี
สิ่งดีงามทั้งปวง ณ ที่นี้คือความไว้วางใจไม่มีขอบเขตและความหวัง และถ้าพระองค์ทรงเป็นองค์ความดีไม่มีขอบเขตและองค์ความรักไม่รู้จบ แล้วจะไม่ถวายความจงรักภักดีและความรักของเราทั้งหมดแด่พระองค์หรืออย่างไร นี่ไง
เพราะในพระคัมภีร์ พระเจ้าทรงเริ่มและลงท้ายพระบัญชาของพระองค์ด้วยสูตรอย่างไม่แปรเปลี่ยนว่า "เราคือองค์พระเจ้า"
ความเชื่อ
2087ชีวิตทางศีลธรรมของเราพบแหล่งที่มาในความเชื่อในพระเจ้า ซึ่งทรงไขแสดงความรักของพระองค์แก่เรา นักบุญเปาโลกล่าวถึง "ความนบนอบต่อความเชื่อ" (รม.1:5)
เสมือนเป็นข้อบังคับเบื้องแรก ท่านอ้างถึงใน "ความไม่รู้จักพระเจ้า" เป็นหลักการและการอธิบายการเบี่ยงเบนทางศีลธรรมทั้งหลายทั้งปวง ภาระหน้าที่ของเราต่อพระเจ้าคือ เชื่อในพระองค์และเป็นประจักษ์พยานถึงพระองค์
2088พระบัญญัติประการแรกเรียกร้องเราให้หล่อเลี้ยงและเฝ้ารักษาความเชื่อของเราด้วยความรอบคอบ ตื่นเฝ้าและผลักไสทุกสิ่งซึ่งอยู่ฝ่ายตรงข้าม หลายวิธีที่จะทำบาปขัดกับความเชื่อ
ความสงสัยโดยจงใจ เกี่ยวกับความเชื่อเพิกเฉยหรือปฏิเสธที่จะถือสิ่งที่พระเจ้าได้ทรงเผยแสดงและที่พระศาสนจักรเสนอให้เราเชื่อว่าเป็นจริง
ความสงสัยที่ไม่จงใจ หมายถึงความลังเลที่จะเชื่อ ความลำบากในการเอาชนะข้อคัดค้านที่เกี่ยวโยงกับความเชื่อ หรือความกระวนกระวายใจที่มีสาเหตุมาจากความมืดมนด้วย
ถ้าได้มีการปลูกฝังโดยตั้งใจ ความสงสัยนั้นอาจนำไปสู่ความมืดบอดของจิตใจได้
2089ความไม่เชื่อ เป็นความไม่เอาใจใส่ความจริงที่ได้รับการเปิดเผย หรือการปฏิเสธโดยจงใจที่จะให้ความเห็นพ้องของตนกับความจริงนั้น การนอกรีตคือ
"ภายหลังได้รับศีลล้างบาปแล้วปฏิเสธไม่ยอมเชื่อฟังถึงความจริงบางประการ ซึ่งต้องเชื่อถึงพระเจ้าและความเชื่อของคริสตชน หรือความสงสัยที่ดื้อรั้น" การละทิ้งศาสนา คือ "การละทิ้งความเชื่อ คริสตชนทั้งหมด"
การแยกตัวออกไป คือ "การปฏิเสธการอยู่ใต้บังคับบัญชาขึ้นต่อพระสันตะปาปา หรือการมีส่วนร่วมสมาชิกของพระศาสนจักรที่เขาเป็นสมาชิกอยู่"
ความไว้ใจ
2090เมื่อพระเจ้าทรงเผยแสดงพระองค์เองและทรงเรียกมนุษย์นั้น มนุษย์ไม่อาจตอบสนองต่อความรักของพระเจ้าได้เต็มเปี่ยมด้วยพละกำลังของตนเอง
ต้องไว้ใจว่าพระเจ้าจะทรงประทานความสามารถที่จะแลกเปลี่ยนความรักต่อกันให้แก่เขาและที่จะปฏิบัติตามพระบัญญัติแห่งความรักที่จะสอดคล้องกันไปได้
ความไว้ใจเป็นการรอคอยที่มั่นใจในพระพรของพระเจ้าและการได้ชื่นชมพระเจ้า ยังเป็นความยำเกรงที่จะทำให้ขุ่นเคืองต่อความรักของพระเจ้าและก่อให้เกิดการลงโทษ ถ
2091พระบัญญัติประการแรกยังมุ่งถึงบาปขัดต่อความไว้ใจซึ่งเป็นความสิ้นหวังและความไว้ใจเกินไป ถ สำหรับความสิ้นหวัง
มนุษย์หยุดที่จะไว้ใจในความรอดของตนเองจากพระเจ้า ความช่วยเหลือต่างๆ เพื่อบรรลุถึงความรอดหรือการอภัยบาปของตนเอง มีการขัดแย้งกับความดีของพระเจ้า ต่อความยุติธรรมของพระองค์ อันที่จริง
องค์พระเจ้าทรงสัตย์ซื่อต่อคำมั่นสัญญาของพระองค์ และต่อพระเมตตากรุณาของพระองค์
2092 มีการไว้วางใจเกินไปสองประเภท มนุษย์ยึดถือความสามารถของตนเอง (โดยไว้ใจว่าจะสามารถเอาตัวรอดโดยปราศจากความช่วยเหลือจากเบื้องบน)
หรือยึดถือความสรรพฤทธิ์และพระเมตตากรุณาของพระเจ้า (โดยหวังว่าจะได้รับการอภัยบาปโดยปราศจากการกลับใจและได้พระสิริโดยปราศจากบุญกุศล)
ความรัก
2093ความเชื่อในความรักของพระเจ้านั้นรวมถึงการเอ่ยพระนาม
และข้อบังคับที่จะตอบสนองต่อความรักของพระเจ้าด้วยความรักจริงใจ พระบัญญัติประการแรกสั่งเราให้รักพระเจ้าเหนือสิ่งทั้งปวงและสิ่งสร้างทั้งหลาย เพื่อพระองค์และเนื่องมาจากพระองค์
2094สามารถทำบาปขัดต่อความรักของพระเจ้าในวิธีที่แตกต่างกัน
ความไม่ใยดี คือไม่สนใจความรักของพระเจ้าหรือปฏิเสธที่จะนำมาใส่ใจ ไม่ยอมรับความคิดริเริ่มและปฏิเสธความพยายาม
การเนรคุณ ละเลยหรือปฏิเสธที่จะยอมรับรู้ความรักของพระเจ้า และที่จะแลกเปลี่ยนความรักด้วยความรักกับพระเจ้า
ความไม่ร้อนไม่หนาว เป็นความกังวลใจหรือเพิกเฉยในการตอบสนองต่อความรักของพระเจ้า อาจหมายถึงการปฏิเสธที่จะมอบตัวเองแก่พลวัตแห่งความรัก
ความเกียจคร้านฝ่ายจิตถึงขั้นปฏิเสธความปิติยินดีซึ่งมาจากพระเจ้าและที่จะทดลองการขับไล่เพราะสิ่งประเสริฐของพระเจ้า
ความเกลียดพระเจ้าเกิดมาจากความหยิ่งจองหอง มันตรงกันข้ามกับความรักของพระเจ้า ปฏิเสธความดีของพระองค์ กล้ากล่าวร้ายพระองค์ว่าเป็นผู้ห้ามทำบาป และกำหนดโทษให้มนุษย์
|