1671ท่ามกลางบรรดาสิ่งคล้ายศีลก็มีการอวยพร (บุคคล อาหาร วัตถุสิ่งของและสถานที่) เป็นอันดับแรก การอวยพรทุกชนิดเป็นการสรรเสริญพระเจ้า
และการอธิษฐานเพื่อได้รับพระพรของพระองค์ ในพระคริสตเจ้านั้นบรรดาคริสตชนได้รับพระพรจากพระเจ้าพระบิดา "พระองค์ทรงอวยพระพรแก่เรา โดยประทานพระพรนานาประการของพระจิตเจ้า" (อฟ.1:3) เพราะเหตุนี้
พระศาสนจักรให้พรในพระนามพระเยซูเจ้า และมักจะทำโดยเครื่องหมายสำคัญมหากางเขนของพระคริสตเจ้าตามปกติ
1672การอวยพรบางประการมีความสำคัญยืนนาน การเสกนั้นมีผลในการถวายบุคคลแด่พระเจ้า และสงวนรักษาวัตถุสิ่งของและสถานที่ไว้ใช้ทางพิธีกรรม
ท่ามกลางบรรดาสิ่งซึ่งกำหนดไว้ให้บุคคลนั้น - เพื่อมิให้สับสนกับการบวช - เป็นการอวยพรของฤาษีของอาราม การทำพิธีถวายตัวของพรหมจารีและแม่หม้าย พิธีการยืนยันความเชื่อทางศาสนาและการอวยพรสำหรับศาสนบริกรของพระ-ศาสนจักร
(ผู้อ่านพระคัมภีร์ ผู้ช่วยจารีต ครูคำสอน ฯลฯ) การเสกซึ่งมุ่งถึงวัตถุสิ่งของนั้นสามารถทำได้ เช่น เสกวัด หรือพระแท่น การเสกน้ำมันศักดิ์สิทธิ์ ภาชนะและอาภรณ์ ระฆัง ฯลฯ
1673เมื่อพระศาสนจักรวอนขออย่างเปิดเผยด้วยอำนาจที่มีอยู่ในนามของพระเยซูคริสตเจ้าว่า
ให้บุคคลคนหนึ่ง หรือวัตถุสิ่งหนึ่งได้รับความคุ้มครองปลอดภัยจากอิทธิพลของความชั่วร้าย และการอยู่ภายใต้การครอบครองของมัน กล่าวคือ การขับไล่ปีศาจ พระเยซูเจ้าได้ทรงปฏิบัติมาแล้ว และพระ-ศาสนจักรก็ได้รับอำนาจและภาระหน้าที่ที่จะขับไล่ผี (เทียบ มก.1:25-26; 3:15; 6:7,13; 16:17) ในรูปแบบธรรมดา เรามีการขับไล่ปีศาจระหว่างการประกอบพิธีศีลล้างบาป การขับไล่ปีศาจแบบสง่าเรียกกันว่า "การขับไล่ปีศาจ" (major) สามารถปฏิบัติได้โดยพระสงฆ์ที่ได้รับอนุญาตจากพระสังฆราชเท่านั้น ในการทำเช่นนั้น พระสงฆ์จำเป็นต้องดำเนินการอย่างรอบคอบ ปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ที่พระ-ศาสนจักรตั้งขึ้นอย่างเคร่งครัด การขับไล่ปีศาจมุ่งขับไล่ปีศาจ หรือปลดปล่อยเป็นอิสระจากอิทธิพลของปีศาจ และการกระทำเช่นนั้นก็โดยอำนาจฝ่ายจิต ซึ่งพระเยซูเจ้าได้ทรงมอบให้กับพระศาสนจักร กรณีการเจ็บไข้ได้ป่วยนั้นแตกต่างกันมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การป่วยทางจิตวิทยา ซึ่งการรักษานั้นเข้าไปสู่ขอบข่ายของวิทยาศาสตร์ทางการแพทย์ ดังนั้น ก่อนที่จะทำการขับไล่ผีจึงมีความจำเป็นที่จะทำให้แน่ใจว่าเป็นการอยู่ของผีปีศาจและไม่ใช่โรคภัยไข้เจ็บ (เทียบ กฎหมาย ม.1172)
|