1030เขาทั้งหลายที่ตายในพระหรรษทาน และในความเป็นมิตรกับพระเจ้า แต่ยังชำระตนให้บริสุทธิ์ไม่เพียงพอ แม้จะมั่นใจว่าจะได้ความรอดนิรันดร แต่เมื่อตายแล้ว
ก็ยังต้องรับทรมานเพื่อชำระตนให้บริสุทธิ์ เพื่อจะได้มาซึ่งศักดิ์สิทธิภาพอันจำเป็นแก่การเข้าสู่ความชื่นชมยินดีในสวรรค์
1031พระศาสนจักรเรียกการชำระตนให้บริสุทธิ์ครั้งสุดท้ายของผู้ได้รับเลือกสรร ซึ่งแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับการลงโทษผู้ตกนรก ว่า "ไฟชำระ"
พระศาสนจักรได้กำหนดหลักความเชื่อเกี่ยวกับไฟชำระไว้โดยเฉพาะ ในการประชุมสภาสังคายนาสากลที่ฟลอเรนซ์และที่เทรนต์ ธรรม-ประเพณีของพระศาสนจักร เมื่ออ้างอิงถึงข้อความบางตอนในพระคัมภีร์ ได้พูดถึงไฟที่ชำระให้บริสุทธิ์ ว่า
ส่วนที่เป็นความผิดบางเบาบางประการ ก็เชื่อว่าก่อนการพิพากษามีไฟหนึ่งที่ชำระให้บริสุทธิ์ตามคำยืนยันขององค์พระผู้ทรงเป็น "ความจริง" โดยกล่าวว่า
หากผู้ใดกล่าวผรุสวาจาแช่งด่าพระจิตเจ้า ก็จะไม่ได้รับการอภัย "ทั้งยุคนี้และยุคหน้า" (มธ.12:31)
ในประโยคนี้ เราพอจะเข้าใจได้ว่าโทษผิดบางประการอาจอภัยให้ได้ในยุคนี้ แต่โทษผิดอื่นบางประการอาจอภัยให้ได้ในยุคหน้า (น.เกรโกรี องค์ใหญ่ Dial.4,39: PL 77,396; เทียบ มธ.12:31)
1032คำสั่งสอนอันนี้ ยังมีพื้นฐานอยู่ที่แนวปฏิบัติในการภาวนาเพื่อผู้ล่วงลับไปแล้วอีกด้วย ตามที่กล่าวไว้ในพระคัมภีร์ว่า "ด้วยเหตุนี้ เขา (ยูดาส มัคคาบี)
จึงจัดให้มีการถวายเครื่องบูชาเพื่อใช้โทษบาป สำหรับผู้ตาย เพื่อว่าผู้ตายจะได้หลุดพ้นจากบาปของตน" (2มคบ.12:46)
นับแต่ยุคแรกๆ มาแล้ว พระศาสนจักรได้รับยกย่องการระลึถถึงผู้ตาย และได้ถวายผลบุญเป็นคะแนนเสียงเพื่อช่วยพวกเขาด้วย โดยเฉพาะในการถวายมิสซาเพื่ออุทิศแด่ผู้ตาย เพื่อว่า -เมื่อได้รับการชำระให้บริสุทธิ์แล้ว- ผู้ตายจะได้สามารถบรรลุถึงการมองเห็นพระเจ้าอันเป็นความบรมสุขอย่างยิ่ง พระศาสนจักรยังเสนอแนะให้ทำทาน ถวายพระคุณการุญ และทำกิจใช้โทษบาปเพื่ออุทิศแด่ผู้ตายอีกด้วย
ให้เราช่วยสงเคราะห์พวกเขา และภาวนาอุทิศให้แก่เขา มาตรว่าบรรดาบุตรชายของโยบยังได้รับการชำระให้บริสุทธิ์ เพราะการเสียสละของบิดาของพวกเขาได้ ไฉนเล่าเราจะมาตั้งข้อสงสัยว่า
สิ่งที่เราอุทิศถวายเพื่อผู้ตายนั้น จะนำความบรรเทามาสู่พวกเขาบ้างหรือไม่ เราจงอย่าลังเลเลยที่จะช่วยสงเคราะห์ผู้ที่ได้จากเราไปแล้ว และถวายคำภาวนาของเราอุทิศให้แก่พวกเขา (น.ยอห์น คริสโซสโตม Hom.in 1คร.41:5 :PG 61,361C;
เทียบ โยบ.1:5)
|