หน้าหลักเช็คเมลล์ติดต่อเราสมุดเยี่ยมลิงค์คาทอลิกแผนผังเวบไซด์

ค้นหาข้อมูล :

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -

3. ธรรมล้ำลึกแห่งพระศาสนจักร

770พระศาสนจักรอยู่ในประวัติศาสตร์ แต่ก็อยู่เหนือโพ้นประวัติศาสตร์ด้วยในเวลาเดียวกัน "ด้วยสายตาแห่งความเชื่อ" เพียงอย่างเดียวเท่านั้น ที่เราสามารถมองเห็นความเป็นจริงเชิงจิตวิญญาณ อันนำมาซึ่งชีวิตพระ ในความเป็นจริงที่มองเห็นได้ด้วยตาในเวลาเดียวกัน

พระศาสนจักร - ทั้งมองเห็นได้ด้วยตาและเป็นเรื่องของจิตวิญญาณ

771"พระคริสต์ องค์สื่อกลางหนึ่งเดียว ทรงจัดตั้งและสนับสนุนค้ำจุนพระศาสนจักรศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์อยู่ตลอดมา ให้เป็นชุมชนแห่งความเชื่อ ความไว้ใจและความรัก บนแผ่นดินนี้ ในฐานะเป็นส่วนรวมที่ประจักษ์แก่ตา ซึ่งพระองค์ได้อาศัยหลั่งความจริงและหรรษทาน เพื่อประโยชน์ของทุกคน" (พระศาสนจักร ข้อ 8.1) พระศาสนจักรเป็นทั้ง

๏ สังคมที่กอปรด้วยสมาชิกตามลำดับฐานันดร และเป็นพระรหัสกายของพระคริสต์

๏ การชุมนุมที่มองเห็นด้วยตา และเป็นชุมชนฝ่ายจิต

 พระศาสนจักรบนแผ่นดิน และพระศาสนจักรที่งดงามด้วยพระคุณที่ประทานมาจากสวรรค์ (พระศาสนจักร ข้อ 8)

มิติด้านต่างๆ เหล่านี้ประกอบรวมกันขึ้นเป็น "ความเป็นจริงหนึ่งเดียวที่ซับซ้อน สร้างขึ้นจากปัจจัยสองเชิง คือเชิงมนุษย์ และเชิงพระเจ้า" (พระศาสนจักร ข้อ 8)

เป็นเรื่องของพระศาสนจักรโดยเฉพาะ ที่จะต้องมีลักษณะทั้งของมนุษย์และของพระเจ้าไปพร้อมๆ กัน ทั้งมองเห็นได้ด้วยตาและมั่งคั่งด้วยความเป็นจริงที่มองเห็นไม่ได้ จิตใจร้อนรนในกิจการที่กระทำ และหมกมุ่นอยู่กับการพิศเพ่งภาวนา ปรากฏตนอยู่ในโลกนี้ แต่กระนั้นก็เสมือนคนแปลกหน้า แต่ก็เป็นไปในแบบที่ -ในพระศาสนจักร- ส่วนที่เป็นของมนุษย์ ก็ได้รับการจัดระเบียบและนอบน้อมต่อส่วนที่เป็นของพระเจ้า สิ่งที่มองเห็นได้ ก็นอบน้อมต่อส่วนที่มองเห็นไม่ได้ สิ่งที่เกิดจากการกระทำ ก็นอบน้อมต่อการพิศเพ่งภาวนา และสิ่งที่ปรากฏอยู่ในปัจจุบัน ก็นอบน้อมต่อนครในอนาคตซึ่งเรากำลังแสวงหา (พิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์ ข้อ 2 เทียบ ฮบ.13:14)

ความสุภาพถ่อมตน ความสูงส่ง กระโจมแห่งซีดาร์และสถานศักดิ์สิทธิ์แห่งพระเจ้า ที่พำนักบนแผ่นดินและราชนิเวศน์แห่งสรวงสวรรค์ บ้านดินเหนียวและท้องพระโรง กายที่ม้วยมรณ์และวิหารแห่งความสว่าง   ในที่สุด เป็นที่ดูหมิ่นเหยียดหยามสำหรับคนจองหอง  และคู่สมรสของพระคริสต์ เธอตัวดำแต่งดงาม ธิดาแห่งเยรูซาเล็ม คนที่หน้าซีดเผือดเพราะความเหน็ดเหนื่อย และความทุกข์ทรมานจากการถูกเนรเทศเป็นเวลานาน กระนั้น ก็ยังมีเพชรนิลจินดาจากสวรรค์เป็นเครื่องประดับ (น.เบอร์นาร์ด In Cant. Sermo 27,14: PL 183,920D)

พระศาสนจักร - ธรรมล้ำลึกแห่งความสนิทเป็นหนึ่งเดียวของมนุษย์ทั้งหลายกับพระเจ้า

772ในพระศาสนจักรนั้นเอง ที่พระคริสต์ทรงปฏิบัติธรรมล้ำลึกของพระองค์เองให้สำเร็จไปและทรงเผยแสดงธรรมล้ำลึกนั้นในฐานะเป็นจุดหมายแห่งแผนการของพระเจ้า "สรุปรวมทุกสิ่งไว้ในพระคริสต์" (อฟ.1:10) นักบุญเปาโลเรียกการเป็นหนึ่งเดียวแบบคู่สมรสระหว่างพระคริสต์และพระศาสนจักร ว่าเป็น "ธรรมล้ำลึกอันยิ่งใหญ่" (อฟ.5:32) เพราะพระศาสนจักรเป็นหนึ่งเดียวกับพระคริสต์ ประหนึ่งกับคู่สมรส พระศาสนจักรจึงกลายเป็นธรรมล้ำลึกไปด้วย เมื่อนักบุญเปาโลพิศเพ่งเล็งดูธรรมล้ำลึกในพระศาสนจักร ก็ร้องว่า "พระคริสต์สถิตในท่าน อันเป็นความหวังในโรจนาการ" (คส.1:27)

773ในพระศาสนจักร การที่มนุษย์ทั้งหลายเข้ามาร่วมเป็นหนึ่งเดียวกับพระเจ้า โดยอาศัย "ความรักไม่มีสิ้นสุด" (1คร.13:8) คือวัตถุประสงค์ที่บงการทุกสิ่ง ซึ่ง -ในพระศาสนจักร- เป็นวิธีการเชิงศีลอันเชื่อมโยงอยู่กับโลกที่ผ่านไป (เทียบ พระศาสนจักร ข้อ 48)   "โครงสร้างของพระศาสนจักรนั้นจัดระเบียบไว้อย่างเต็มที่ ให้เข้ากับศักดิ์สิทธิภาพแห่งสมาชิกของพระคริสต์ และศักดิ์สิทธิภาพนี้ก็มีคุณค่าเนื่องจากขึ้นอยู่กับ "ธรรมล้ำลึกอันยิ่งใหญ่" ซึ่งในธรรมล้ำลึกอันนี้ พระศาสนจักรผู้เป็น "เจ้าสาว" สนองตอบการประทานพระองค์ของ "เจ้าบ่าว" โดยการให้ความรัก" (MD 27) พระนางมารีอาได้ทรงมีประสบการณ์อันนี้มาก่อนเราทุกคนในความศักดิ์สิทธิ์  ซึ่งเป็นธรรมล้ำลึกแห่งพระศาสนจักร ในฐานะ"เจ้าสาวที่ไม่มีตำหนิหรือริ้วรอยใดๆ" (อฟ.5:27) ด้วยเหตุนี้ "มิติด้านพระนางมารีอาของพระศาสนจักร จึงนำหน้ามิติด้านนักบุญเปโตร" (เทียบ MD 27)

พระศาสนจักร - ศีลศักดิ์สิทธิ์หรือเครื่องหมายสากลแห่งความรอด

774คำภาษากรีกว่า mysterion ในภาษาลาตินแปลออกเป็นสองความหมาย คือ mysterium และ sacramentum ในการตีความระยะหลังๆ คำว่า sacramentum หมายถึงเครื่องหมายที่มองเห็นด้วยตาของความเป็นจริงที่ซ่อนอยู่แห่งความรอด ซึ่งบ่งบอกด้วยคำว่า mysterium ในความหมายนี้ พระคริสต์พระองค์เองคือธรรมล้ำลึกแห่งความรอด ไม่มีธรรมล้ำลึกอื่นใดนอกจากพระคริสต์ (น.ออกัสติน Ep.187,11,34:PL 33,846) กิจการช่วยให้รอดแห่งสภาวะมนุษย์อันศักดิ์สิทธิ์ และบันดาลให้ศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์ คือเครื่องหมายแห่งความรอด  ซึ่งสำแดงออกและปฏิบัติงานอยู่ในศีลศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายของพระศาสนจักร (ซึ่งพระศาสนจักรภาคตะวันออกเรียกว่า "ธรรมล้ำลึกอันศักดิ์สิทธิ์"ด้วย) ศีลศักดิ์สิทธิ์เจ็ดประการคือเครื่องหมายและเครื่องมือ ซึ่งพระจิตทรงใช้ในการหลั่งพระหรรษทานของพระคริสต์ ผู้ทรงเป็น "ศีรษะ" ลงสู่พระศาสนจักร ซึ่งเป็นพระกายของพระองค์ ดังนั้น พระศาสนจักรจึงมีพระ-หรรษทานอยู่ในตัว และสื่อพระหรรษทานที่มองไม่เห็นด้วยตา และเป็นความหมายของพระศาสนจักรนั้นเองออกไป ในความหมายอันคล้ายคลึงกันนี้แหละที่พระศาสนจักรถูกเรียกว่าเป็น "เครื่องหมาย" หรือ "ศีลศักดิ์สิทธิ์"

775"พระศาสนจักร -ในพระคริสต์- เรียกได้ว่าเป็นศีลศักดิ์สิทธิ์ คือเป็นทั้งเครื่องหมายและเครื่องมือของความสนิทสนมเป็นหนึ่งเดียวกับพระเจ้า   และของเอกภาพแห่งมนุษยชาติทั้งมวล" (พระศาสนจักร ข้อ 1) การเป็นศีลศักดิ์สิทธิ์หรือเครื่องหมายแห่งความสนิทสนม เป็นหนึ่งเดียวของมนุษย์ทั้งหลายกับพระเจ้า นี่แหละคือจุดหมายประการแรกของพระศาสนจักร พระศาสนจักรยังเป็นศีลศักดิ์สิทธิ์หรือเครื่องหมายแห่งเอกภาพของมนุษยชาติทั้งมวลอีกด้วย เพราะการร่วมเป็นหนึ่งเดียวระหว่างมนุษย์ทั้งหลาย มีรากฝังอยู่ในความเป็นหนึ่งเดียวกับพระเจ้า ในพระศาสนจักร เอกภาพนี้ได้เริ่มขึ้นแล้ว  ในเมื่อพระศาสนจักรรวบรวมนุษย์ทั้งหลาย "ทุกชาติ ทุกเผ่าพันธุ์ ทุกประการ และทุกภาษา" (วว.7:9) เข้าด้วยกัน ในเวลาเดียวกัน พระศาสนจักรยังเป็น "เครื่องหมายและเครื่องมือ"แห่งความสำเร็จเป็นจริงอย่างเต็มที่ของเอกภาพซึ่งจักต้องมาถึงอีกด้วย

776ในฐานะเป็นศีลศักดิ์สิทธ์และเครื่องหมาย พระศาสนจักรคือเครื่องมือของพระคริสต์ "ในอุ้งพระหัตถ์ของพระองค์ พระศาสนจักรเป็นเครื่องมือของการไถ่กู้มนุษย์ทั้งมวล" เป็น "เครื่องหมายสากลแห่งความรอด" ซึ่งพระคริสต์ได้อาศัย "สำแดงความรักของพระเจ้าให้เป็นที่ประจักษ์ และปรากฏเป็นจริงในปัจจุบันสำหรับมนุษย์ทั้งหลาย" (พระศาสนจักร ข้อ 9.2 48.2 พระศาสนจักรสากลในโลกสมัยนี้ ข้อ 45.1)   พระศาสนจักร "คือโครงการที่มองเห็นได้แห่งความรักของพระเจ้าสำหรับมนุษยชาติ" ผู้ทรงปรารถนาให้ "มนุษย์ทั้งปวงประกอบขึ้นเป็นประชากรหนึ่งเดียวของพระเจ้า รวมตัวกันอยู่ในพระกายหนึ่งเดียวของพระคริสต์ และได้รับการสร้างขึ้นมาเป็นพระวิหารหนึ่งเดียวของพระจิต"  (พระสันตะปาปา เปาโล ที่ 6 งานธรรมทูตแห่งพระศาสนจักร ข้อ 7.2 เทียบ พระศาสนจักร ข้อ 17)